กิจกรรมขับเคลื่อนโครงการ
ประชุมเชิงปฏิบัติการผู้ประสานงานภูมิภาค 1/2555
ความเป็นมา วัตถุประสงค์

  • เพื่อรับฟังความคืบหน้าการดำเนินงานระยะที่ 2 และแนวทางในการขับเคลื่อนงานของแต่ละภูมิภาค
  • เพื่อให้มหาวิทยาลัยได้แลกเปลี่ยนวิธีการขับเคลื่อนโครงการพร้อมรับการแนะนำจากผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่อง
  • อบรมปฏิบัติการการใช้ Website เพื่อสื่อสารความสำเร็จ
  • เพื่อให้มหาวิทยาลัยได้แลกเปลี่ยนความเห็นการนำเสนอข้อมูลของภูมิภาคผ่าน www.scbfoundation.com เพื่อใช้ในการรายงานผลการดำเนินงาน

กำหนดการและรายงานผล
ทำเนียบผู้เข้าร่วมกิจกรรม
สรุปผลกิจกรรม/บันทึกการทำงาน

กระบวน การเสริมศักยภาพโรงเรียนจะแตกต่างกันไปตามบริบท ความต้องการที่แท้จริงของแต่ละโรงเรียน (จากการวิเคราะห์ของมหาวิทยาลัย)และความเชี่ยวชาญของผู้ประสานงานโครงการใน แต่ละพื้นที่ แต่โดยรวมประกอบด้วย
 

  • เวทีเสริมศักยภาพรวมเพื่อเติมพลัง ทำความเข้าใจโครงการ เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างโรงเรียน และสร้างเครือข่ายระหว่างโรงเรียน
  • เวที ผู้บริหารเพื่อวางแผนขับเคลื่อนโรงเรียนเป็นศูนย์การเรียนรู้ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการบริหารจัดการโรงเรียน การสร้างบรรยากาศ สภาพแวดล้อม การดึงการมีส่วนร่วมของชุมชน
     
  • เวที ครูเพื่อเสริมพลัง ปรับความเข้าใจในเศรษฐกิจพอเพียงให้ตรงกัน เติมเครื่องมือด้านการออกแบบการเรียนรู้ และเทคนิคการจัดการเรียนรู้เพื่อให้เกิดอุปนิสัยอยู่อย่างพอเพียง (ทักษะในการหาความรู้ก่อนทำ การรู้ศักยภาพตน บริบทตนและดึงสิ่งที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างรู้คุณค่า คำนึงถึงความพอดี คิดและทำอย่างเหตุผลบนความเป็นจริง มีการวางแผนในการทำงาน ให้ความสำคัญกับผู้อื่นและสิ่งแวดล้อม)
     
  • นิเทศ และเสริมพลัง ทำให้บุคลากรเข้าใจบทบาทหน้าที่ในการพัฒนาโรงเรียนเป็นศูนย์การเรียนรู้ฯ เสริมศักยภาพรายโรงเรียนตามความต้องการที่แท้จริง ค้นพบแบบปฏิบัติที่ดีเพื่อนำมาเป็นตัวอย่าง กระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงของผู้บริหาร ครู นักเรียน กรรมการสถานศึกษา และหน่วยงานต้นสังกัด
     
  • ตลาด นัดความรู้เพื่อให้โรงเรียนต่างๆ ที่มีความก้าวหน้า มีนวัตกรรมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงมีโอกาสมาแสดงผลงาน มาร่วมกันออกแบบจัดกระบวนการเสริมศักยภาพผู้มาเรียนรู้ ตลอดจนสร้างการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในวงกว้างขึ้น

(รายละเอียดดูในกำหนดการ)
 

ความเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิ

  • เป้าหมายใหญ่ของโครงการนี้ คือการปฏิรูปการเรียนรู้ของสังคมไทย เป็นทักษะที่เชื่อมโยงสู่พฤติกรรม สู่หลักสูตร ที่ซ้อนทับกับ 21st Century Skills เป็นการสร้างการเรียนรู้ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายชั้นมหาวิทยาลัย ผู้บริหาร ครู นักเรียนและผู้ปกครอง ผลสำเร็จที่สำคัญที่สุดของโครงการอยู่ที่เด็กเกิดอุปนิสัยอยู่อย่างพอเพียง
     
  • ศูนย์การเรียนรู้
 
  • ความสำเร็จของโครงการอยู่ที่ผู้บริหาร ครูมีศรัทธาและเป็นแบบอย่างนำมาใช้เกิดเป็นวิถีชีวิต และพึ่งตัวเองได้
  • การพัฒนาโรงเรียนควรใช้ฐานของ ร.ร. (School Based) เชื่อมโยงในแต่ละระดับชั้นประถมต้องเป็นรูปธรรมง่ายๆก่อน ยากขึ้นและมัธยมจึงจะสามารถเชื่อมโยงเป็นนามธรรม
  • ผู้ บริหารและครูสามารถอธิบายให้ โรงเรียนอื่นๆ เข้าใจกระบวนการพัฒนาตน พัฒนาเด็กได้ว่าทำอย่างไร เพื่อผู้มาดูงานสามารถนำไปใช้เป็นแนวทาง
 
  • บทบาทของมหาวิทยาลัยในการเสริมศักยภาพโรงเรียน
 
  • การเข้าไปโรงเรียนอย่างกัลยาณมิตรสร้างสัมพันธภาพที่ดีจะนำสู่การติดต่อสื่อสารที่มีประสิทธิภาพร่วมเรียนรู้
  • มหาวิทยาลัยต้องชัดว่าอุปนิสัยพอเพียงคืออะไร และเข้าไปช่วยให้ครูตีความเศรษฐกิจพอเพียง หนุนเสริมให้ครูออกแบบการเรียนรู้เอง เสริมสร้างให้ครูมีความมั่นใจจากการทำงานของตน และสามารถสื่อสารให้ผู้อื่นได้ชัดเจน
  • จัดกระบวนการเพื่อให้ครู เกิดศรัทธา มีทักษะในการออกแบบการเรียนรู้ ให้นักเรียน เกิดทักษะ และเห็นคุณค่าทำซ้ำๆ จนเกิดเป็นวิถี เช่นการใช้โครงงาน (Project Based) เทคนิคการตั้งคำถาม (Problem Based) ต้องเข้าใจ concept เศรษฐกิจพอเพียงที่ถูกต้อง ไม่ใช่แค่เนื้อหา ไม่ใช่แค่หลักคิด แต่เป็น character building
  • มหาวิทยาลัย มองกว้าง มีความรู้ทฤษฎี ความรู้ปฏิบัติอยู่ที่ครู อ. มหาวิทยาลัยกับครูต้องทำงานร่วมกัน รู้จุดอ่อนจุดแข็งของตน เห็นเป้าหมายร่วมกันชัดเจน แล้วทำงานร่วมกันจึงสำเร็จ
  • เครือ ข่ายชุมชนการเรียนรู้ (PLC:Professional Learning Communityหรือ COP: Community of Practice) จะทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงมีประสิทธิภาพ และมีความยั่งยืน มหาวิทยาลัยจึงควรเสริมศักยภาพให้ครูร่วมกันจัดตั้งและบริหารจัดการ PLC กันเองในโรงเรียน และในพื้นที่ แต่ทั้งนี้มหาวิทยาลัยควรเริ่มต้นจัดทำ PLC เองที่มหาวิทยาลัยด้วย
  • เชื่อมโยง และบูรณาการโครงการนี้กับงานและหน่วยงานในมหาวิทยาลัย เช่นให้นักศึกษาได้มามีส่วนร่วมเรียนรู้
  • เชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับโครงการประเภทเดียวกันในมหาวิทยาลัยเพื่อได้องค์ความรู้ในการพัฒนาโรงเรียน
  • ต้องมีการนิเทศติดตาม หนุนเสริมแบบฉับพลัน และจัดทำบันทึกการนิเทศจะทำให้ได้ความรู้ในการเสริมศักยภาพครูที่ทำงานบนฐานเด็กไม่ใช่จากทฤษฎี
 
  • แนวทางในการพัฒนาครู
 
  • การพัฒนาศักยภาพตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไม่ยึดติดสาระแต่เป็นกระบวนการพัฒนามนุษย์จากภายใน การซาบซึ้งเป็นภายนอก แต่แรงบันดาลใจให้อึด ฮึด สู้ เป็นเงื่อนไขที่จะนำความรู้และคุณธรรมปลูกฝังในคน
  • ครูต้องศรัทธา และทำตนเป็นแบบอย่างนำหลักปรัชญามาใช้ปรับปรุงตัวครูเองก่อน แล้วนักเรียนจึงจะซึมซับ
  • เงื่อนไขสำคัญของความสำเร็จในการบูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การเรียนการสอน
 
 
  • ครูต้องเข้าใจปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและตีโจทย์แตก
  • ครูต้องออกแบบการเรียนรู้เป็น (requirement ปกติ+ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง)
  • ต้องรู้วิธีบูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเข้าไปในการจัดการเรียนรู้
 
  • เสริมทักษะการถอดบทเรียน การให้ครูมีเครื่องมือประเมินตัวเอง นำสู่การวิเคราะห์และพัฒนาตน
  • การพัฒนาครูควรเน้นประโยชน์จากการเรียนการสอน อย่าทำให้เป็นภาระ ผลพลอยได้ของ รร.คือผ่าน สมศ. ได้วิทยฐานะ
  • ท้าให้ทำ ทำให้ดู ลุยงานร่วมกัน จะทำให้สำเร็จ
  • การ พัฒนาครูต้องทำให้รู้ เข้าใจ ทำได้ มีทักษะ ทำแล้วเห็นคุณค่า เห็นประโยชน์ เชื่อว่าดี มีใจ ทำบ่อยๆ ทำได้ ทำเรื่อยๆ แล้วทำเป็นอัตโนมัติ แต่ละคนจะใช้เวลาต่างกัน แต่วิธีคิดต้องทำให้ชัด กระบวนการที่จะคิด ทำอย่างไร ต้องแปลงให้ง่าย
  • ต้องตั้งเป้าว่าอยู่ในหลักสูตร ต้องอยู่กับผู้เรียน ทำอย่างไรให้การขับเคลื่อนหลักสูตรเกิดกับผู้เรียน
 
  • การดึงความร่วมมือ/ภาคีเครือข่าย
 
  • กระทรวงศึกษาธิการเป็นตัวตั้ง เป็นการทำงานแบบรวมพลังทุกฝ่ายทั้งความคิด ทฤษฎี ความรู้จากการปฏิบัติ 84 ศูนย์ของมูลนิธิเป็นตัวป้อน ควรถอดบทเรียนการทำงาน วิธีการพัฒนาครูแนวใหม่มีรูปแบบต่างๆ เป็น in service training ให้กระทรวงศึกษาธิการ
  • โครงการต้องชัดเจนว่าเมื่อได้ 84 ศูนย์การเรียนรู้แล้วกระทรวงมีการรับไม้ต่ออย่างไร
  • ขอ ให้กระทรวงดึงศักยภาพรองผอ.เขตพื้นที่ ศึกษานิเทศที่เป็นพลังแฝงที่อยู่ในที่ต่างๆ มาช่วยจะเป็นประโยชน์ และเรายังมีแหล่งคนทำดีที่จะมาช่วยอีกมาก
  • การเชื่อมโยงการทำงานกับโครงการที่คล้ายกันเช่น LLEN จะช่วยการขับเคลื่อน
  • โครงการให้ได้ 84 ศูนย์การเรียนรู้ง่ายขึ้น


  • เป้าหมายใหญ่ของโครงการนี้ คือการปฏิรูปการเรียนรู้ของสังคมไทย เป็นทักษะที่เชื่อมโยงสู่พฤติกรรม สู่หลักสูตร ที่ซ้อนทับกับ 21st Century Skills เป็นการสร้างการเรียนรู้ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายชั้นมหาวิทยาลัย ผู้บริหาร ครู นักเรียนและผู้ปกครอง
  • ถ้าทำให้ครูตั้งและบริหารจัดการเครือข่ายชุมชนนักการเรียนรู้เอง (PLC : Professional Learning Community)จะทำให้เกิดความยั่งยืน
  •  Website ควรมีพื้นที่ให้แลกเปลี่ยนข้อสงสัย คู่ไปกับการให้ความรู้ตรงๆ


  • การ พัฒนาศักยภาพตามปศพพ.ไม่ยึดติดสาระแต่เป็นกระบวนการพัฒนามนุษย์จากภายใน การซาบซึ้งเป็นภายนอก แต่แรงบันดาลใจให้อึด ฮึด สู้ เงื่อนไขที่จะนำความรู้และคุณธรรมปลูกฝังในคน
  • อาจารย์มหาวิทยาลัยควรบูรณาการโครงการนี้กับทำงานที่ทำ แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนอาจารย์ ให้นิสิตมาร่วมเรียนรู้จากของจริง
  • การขับเคลื่อนโครงการควรใช้ทฤษฎีสัมพันธภาพ เพื่อให้การสื่อสารเกิดประสิทธิภาพ
  • ควรมีการนิเทศและหนุนเสริมการทำงานของครูอย่างฉับพลัน และมีบันทึกการนิเทศเพื่อช่วยวิเคราะห์งาน
  • เงื่อนไขความสำเร็จคืaอความต่อเนื่องในการทำงาน ครูเห็นประโยชน์ เห็นแนวทาง มั่นใจ และพึ่งตัวเองได้
  • โครงการ นี้ต้องทำทั้งโรงเรียน คนทำงานต้องเห็นความเชื่อมโยงของการเรียนรู้ทั้งระบบ บทบาทผู้บริหาร ครู ผู้ปกครอง การเชื่อมโยงในแต่ละสาระการเรียนรู้ และแต่ละชั้นเรียน
  • เป้าหมายจริงๆคือการเรียนรู้ของครู น.ร. และชุมชน
  • โครงการ นี้กระทรวงเป็นตัวตั้ง ทำงานแบบรวมพลังทุกฝ่าย มูลนิธิสยามกัมมาจลทำ 84 ศูนย์เป็นตัวป้อน ควรถอดบทเรียนการทำงาน ของมูลนิธิ มหาวิทยาลัย และโรงเรียน เพื่อกระทรวงจะได้คือวิธีการพัฒนาครูแนวใหม่มีรูปแบบต่างๆ เป็น in service training
  • ที่ ลึกซึ้งกว่าการเรียนการสอนคือศรัทธา ครูต้องศรัทธา และทำตนเป็นแบบอย่างนำหลักปรัชญามาใช้ปรับปรุงตัวครูเองก่อน แล้วนักเรียนจะเรียนรู้จากการทำตัวของครู โครงการควรเน้นที่ impact มากกว่า out put out come
  • ครูต้องการคนสะกิดให้คิด ดึง tacit มาจากตัว เป็นที่พึ่งทางทฤษฎีมาตอกย้ำความมั่นใจ
  • เป้า หมาย เราต้องการให้ครูนำเศรษฐกิจพอเพียงไปปลูกฝังให้เด็ก ต้องอาศัยการบูรณาการในสาระต่างๆ ที่จะให้สำเร็จได้ต้องอาศัยเงื่อนไข  (1)ครูต้องเข้าใจหลักของเศรษฐกิจพอเพียง (2)ครูต้องออกแบบการเรียนรู้ทีสร้างอุปนิสัยอยู่อย่างพอเพียงควบคู่ไปกับ ความรู้ และ (3)ต้องรู้วิธีบูรณาการปศพพ.เข้าไปในการจัดการเรียนรู้ ซึ่งครูมีทั้ง 3 ปัญหาพันกัน
  • มหาวิทยาลัย ต้องชัดว่าอุปนิสัยพอเพียงคืออะไร เกิดจากรู้ เข้าใจ ทำได้ มีทักษะ ทำแล้วเห็นคุณค่า เห็นประโยชน์ เชื่อว่าดี มีใจ ทำบ่อยๆ ทำได้ แล้วทำเป็นอัตโนมัติ แต่ละคนจะใช้เวลาต่างกัน ต้องชัดว่าเศรษฐกิจพอเพียงคืออะไร เป็นปรัชญาเป็นหลักคิด วิธีคิดต้องทำให้ชัด กระบวนการที่จะคิด ทำอย่างไร ต้องแปลงให้ง่าย
  • การสร้างแรงบันดาลใจเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อน นำเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้กับตัว และสร้างแรงบันดาลใจโน้มน้าวผู้อื่น
  • โรงเรียนที่เก่งมากๆ ยังต้องการพี่เลี้ยงไปต่อยอดขึ้นไปเรื่อยๆ ต้องมองด้วยว่าโรงเรียนเขาต้องการอะไร
  • การ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงต้องดูว่าทำอย่างไรให้การขับเคลื่อนหลักสูตรเกิด ผลกับผู้เรียนมากที่สุด ต้องให้ร.ร.สามารถอธิบายได้ ทำอย่างไรให้ ร.ร.ทั่วประเทศทำได้จากการอธิบาย เราคงไม่มุ่งที่การเขียนแผน
  • ใน การประเมินโรงเรียนเราดูเด็กก่อน ตามด้วยถามว่าครูทำอย่างไร แล้วค่อยมาดูแผน ซึ่งเกณฑ์ หรือแผนเป็นแค่เครื่องมือ หลักอยู่ที่วิธีคิดของเด็ก
  • การทำงานกับครูเราต่อยอด พัฒนาไม่ทำโครงการใหม่ หลักปฏิบัติไม่ใช่เรื่องยาก อย่าทำให้ยาก
  • เราทำงานร่วมกัน 3 หน่วยงานเป็นกระบวนการเพื่อพัฒนาสู่ 32,000 ร.ร. อยากมีศูนย์การเรียนรู้ให้ครบทุกจังหวัด
  • การทำงานกับโรงเรียนควรเริ่มจากฐานของโรงเรียน ไม่ควรทำโครงการใหม่ที่ไม่สอดคล้อง และเป็นภาระกับครู
  • กระทรวง มีศูนย์ขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอยู่ ทำงานโดยใช้พื้นที่เป็นฐาน มีการทำงานร่วมกับสำนักงานทรัพย์สิน เติมพลังเพื่อสร้างความมั่นใจ จัดอบรมครู อย่างต่อเนื่อง
  • การ ทำงานกับโรงเรียนควรเน้นประโยชน์จากการเรียนการสอน อย่าทำให้เป็นภาระของครู ชี้ให้เห็นถึงผลพลอยได้ที่จะเกิดขึ้น เช่น ร.ร.ผ่านประเมิน สมศ. ผู้บริหาร และครูสามารถทำผลงานวิชาการเลื่อนวิทยฐานะได้
  • เรา จัดครูได้ 3 ระดับ (1) สอนนิยาม (2) ตีความได้ เชื่อมโยงสู่บทเรียนได้ และ (3) สอนให้เด็กนำไปใช้ในชีวิต ซึ่งในโครงการนี้เรามุ่งหวังที่จะเห็นจำนวนครูที่สอนในระดับที่ 3 คือสอนให้เด็กนำไปใช้มากขึ้น 
  • น้ำหนัก ของมหาวิทยาลัยจึงอยู่ที่การพัฒนาครูเรื่องการออกแบบการเรียนรู้ให้เกิด อุปนิสัยพอเพียง เด็กน่าจะเรียนรู้ผ่าน Problem Based และ Project Based เพราะได้ลงมือปฏิบัติจริง

"ขออภัย"
ยังไม่มีเนื้อหาข้อมูลในส่วนนี้
ภาพกิจกรรม
วิดีโอแนบ
ไฟล์แนบ