งานพัฒนาศักยภาพภาคี เรื่อง ทักษะกระบวนกรพัฒนาเยาวชน
วัตถุประสงค์
- เพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานการเป็นโค้ช การออกแบบการเรียนรู้ การถอดบทเรียนการเรียนรู้ สำหรับเจ้าหน้าที่โครงการ
- เพื่อเปิดพื้นที่ (platform) ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงของเจ้าหน้าที่โครงการ ที่ทำหน้าที่ Coach
ระยะเวลาในการอบรม 4 ครั้ง (เมษายน - กันยายน 2558)
ครั้งที่ 1 งานพลังกลุ่มและความสุข (วันที่ 28 - 30 เมษายน 2558)
- การสื่อสาร การฟัง พื้นฐานด้านจิตใจและโลกทัศน์ของกระบวนกร
- การทำงานเป็นทีม
- การเป็นผู้นำ ผู้ตาม
ครั้งที่ 2 ทักษะพื้นฐานกระบวนกร (วันที่ 26 - 29 พฤษภาคม 2558)
- การตั้งคำถามกระตุ้นคิดอย่างลึกซึ้ง การฟังด้วยหัวใจ
- การจับประเด็น
- การดำเนินการจัดประชุมแบบมีส่วนร่วม
- อุปสรรค และแนวทางแก้ไขการจัดประชุม
ครั้งที่ 3 ทักษะการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ (วันที่ 22 - 25 กรกฎาคม 2558)
- ทักษะ และกรอบวิธีคิดในการออกแบบให้เข้าถึงเนื้อหา
- การเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงภายใน
- ฝึกนำกระบวนการ และสรุปบทเรียนครบกระบวนการ
ครั้งที่ 4 ทักษะการสรุปบทเรียน (วันที่ 7 - 10 กันยายน 2558)
- การสรุปบทเรียนการทำงานของเยาวชน
- การตั้งคำถาม - การฟัง - การจับประเด็น
วิทยากร ทีมเสมสิกขาลัย
สรุปการอบรม“งาน พลังกลุ่ม และความสุข”
มูลนิธิสยามกัมมาจล
วันที่ ๒๘ – ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘
ณ กนกรัตน์รีสอร์ท สมุทรสงคราม
ทีมวิทยากรโดย เสมสิกขาลัย
วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๘
กิจกรรม แนะนำตัว
โจทย์ ให้ทุกคนแนะนำตัวโดยบอกข้อมูล ดังนี้
๑) ชื่อจริงและชื่อเล่นตำแหน่งหน้าที่ หน่วยงานที่สังกัด
๒) ความรู้สึกในการมาอบรมครั้งนี้
๓) ความคาดหวังที่มีต่อการอบรมครั้งนี้ เมื่อผ่านการอบรมอยากได้อะไรเพิ่มขึ้น
ความคาดหวังที่มีต่อการอบรมครั้งนี้
- ตื่นเต้นที่จะใช้หลักสูตรใหม่ในการอบรมและเรียนรู้ร่วมกัน
- คาดหวังว่าจะสนุกในการที่จะเรียนรู้ร่วมกัน
- อยากเห็นกระบวนการที่ลึกลงไป
- ได้พัฒนาทักษะในการพัฒนากระบวนกร
- ออกแบบกระนบวนการได้
- ได้ กระบวนการใหม่ๆใปใช้ในพื้นที่
- เข้าใจการทำกระบวนการ
- ได้เข้าใจการทำงานของตัวเองมากขึ้น
- อยากเห็นศักยภาพของตัวเองและนำไปใช้ประโยชน์ในงานคือ งานเยาวชน งานเครือข่าย งานชุมชน
- อยากได้ทักษะอื่นๆเพิ่มเติม เช่น เทคนิคการสื่อสาร เพื่อไปใช้ในการทำงานให้ชัดเจนขึ้น
- เรียนรู้สิ่งใหม่ นำสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้กับงานของตัวเอง
- นำสิงที่ได้เรียนรู้กลับไปทำงาน
- เป็นนักเรียนที่ดีที่เก็บเกี่ยวสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้
- มาเติมไฟ เพื่อไปทำงานในพื้นที่
- ได้เทคนิคและความมั่นใจในการทำงานกับกลุ่มเป้าหมาย
- พัฒนาตัวเองเพื่อเป็นกระบวนกร
- ต่อยอดและเติมเต็มกระบวนการในงานที่ทำงานอยู่
- ได้รับทักษะในการเป็นกระบวนกร และเทคนิคในการทำงาน/เติมไฟในการทำงาน
- ได้พัฒนาทักษะในการเป็นกระบวนกรและมีทักษะใหม่ๆในการทำงาน
- มีศักยภาพมากขึ้น มีเครื่องมือในการทำงานมากขึ้น
- เข้าใจตัวเอง เพื่อนและกระบวนการมากขึ้น
- อยากได้ทักษะการสรุปบทเรียน
- ได้การเรียนรู้สิ่งใหม่ เพื่อนำไปปรับใช้ในการทำงาน
- คาดหวังว่าจะเข้าใจตัวเอง เพื่อน กระบวนการทำงานมากขึ้น
- เชื่อมั่นในหลักสูตร ว่าจะช่วยในกระบวนการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้มีความมั่นคงภายในมากขึ้น
- คาดหวังว่าจะมีความมั่นใจในการงานที่ทำอยู่
- อยากให้โอกาสน้องๆที่จะเรียนรู้กระบวนการแบบเสมฯเพื่อนำไปเปลี่ยนแปลงชุมชน และนำไปพัฒนาต่อยอดต่อไป
ตารางกิจกรรม
๙.๐๐ – ๙.๒๐ น.ภาวนา
๙.๒๐ – ๑๒.๒๐ น.กิจกรรมเช้า
๑๒.๒๐ – ๑๓.๒๐ น.อาหารเที่ยง
๑๓.๒๐ – ๑๔.๐๐ น.นอนผ่อนคลาย
๑๔.๐๐ – ๑๘.๓๐ น.กิจกรรมบ่าย
๑๙.๐๐ – ๒๑.๓๐ น.กิจกรรมกลางคืน (เฉพาะวันที่สองของการอบรม)
ข้อตกลงร่วมกัน
๑. เข้าร่วมกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง
๒. ร่วมทำกิจกรรม เปิดใจเรียนรู้และแลกเปลี่ยนอย่างเต็มที่
๓. รับฟังกันและกันอย่างตั้งใจ งดการพูดคุยแทรกขณะที่เพื่อนกำลังพูดแลกเปลี่ยนในวงใหญ่
๔. ถอดวางบทบาทหรือสถานภาพที่จะเป็นอุปสรรคในการเรียนรู้
๕. ปิดเสียงโทรศัพท์ หากมีความจำเป็นสามารถปลีกตัวใช้โทรศัพท์นอกห้องประชุมได้
การเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม
ปัญหาที่มักพบ
- ขาดการสรุปบทเรียนการทำงาน เรื่องการจัดกระบวนการเรียนรู้
- ผู้จัดเชื่อว่าตนมีความรู้มากกว่า จัดกระบวนการที่ครอบงำความคิด
- กลุ่มเป้าหมายไม่มีส่วนร่วมในการจัดกระบวนการเรียนรู้
- ขาดการมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วน
การอบรมชุดนี้
ครั้งที่ ๑ งาน พลัง กลุ่มและความสุข
ครั้งที่ ๒ ทักษะพื้นฐานการจัดกระบวนการ
ครั้งที่ ๓ การออกแบบกิจกรรม เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรง
ครั้งที่ ๔ การสรุปบทเรียนแบบเชิงลึก
ที่มาของการอบรมครั้งนี้
๑. คนทำงานไม่มีความสุข/หมดไฟ– ความสุขน้อยลง หงุดหงิดง่าย เปราะบาง อารมณ์ขุ่นมัว หมดพลัง คิดลบง่าย
๒. ความสัมพันธ์ในกลุ่ม/องค์กร เหินห่าง ขัดแย้ง มีความเป็นกลุ่มเป็นก้อน – คุยกันไม่รู้เรื่อง มีความขัดแย้งรุนแรง แบ่งพรรคแบ่งพวกโจมตีกัน กลุ่มมีความหลากหลายแต่ไม่สามารถโฟกัสให้เป็นพลัง
๓. งาน–มีปัญหาเรื่องระบบงาน โครงสร้างงาน งานไม่ได้ผล ไม่มีคุณภาพ
๔. สถานการณ์ภายนอกมาคุกคาม การเปลี่ยนแปลงของโลก สังคม วิถีชีวิตเข้ามามีอิทธิพลต่อการทำงาน ไม่สามารถทำงานเพื่อป้องกันปัญหาต่างๆได้
กระบวนการเรียนรู้
- เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรง การทำกิจกรรมและการแลกเปลี่ยนพูดคุยกัน
- สำรวจสภาพการทำงานในองค์กรร่วมกัน หาสาเหตุและทางออกร่วมกัน
กิจกรรม ปรบมือเรียกชื่อ
โจทย์
๑) ทำท่า ๖ จังหวะพร้อมกันอย่างต่อเนื่องโดยตบหน้าขา ๒ ครั้ง ปรบมือ ๒ ครั้ง ดีดนิ้วมือขวา นิ้วมือซ้าย
๒) ให้คนที่เริ่มต้นคนแรกดีดนิ้วมือขวาเรียกชื่อตนเอง ดีดนิ้วมือซ้ายเรียกชื่อเพื่อนคนไหนก็ได้ที่นั่งอยู่ในวง
๓) คนที่ถูกเรียกให้ทำตามขั้นตอนเดิม ดีดนิ้วมือขวาเรียกชื่อตนเอง ดีดนิ้วมือซ้ายเรียกชื่อเพื่อนคนอื่นต่อไป
๔) ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆให้นานที่สุด
๕) หากมีคนใดทำพลาด ช้าหรือไม่ตรงจังหวะจะต้องหยุดทั้งวง แล้วให้คนที่ทำพลาดลุกไปนั่งที่เบาะเริ่มต้นหน้าห้องส่วนคนอื่นๆ ต้องขยับที่นั่งตามลำดับจนมีที่นั่งลงตัวทุกคน และให้คนที่พลาดเป็นคนเริ่มเรียกชื่อในรอบต่อไป
สรุปบทเรียนจากกิจกรรม
อะไรที่ทำให้เราพลาด
ไม่มีสติ เพราะ
- คิดเรื่องอื่นมากเกิน
- จดจ่อมากเกินไป
- ไม่ผ่อนคลายมากพอ
- ยังไม่ทันตั้งรับ
- ไม่อยู่กับปัจจุบัน อยู่กับอนาคตและอดีตมากไป
- ไม่นิ่งพอ
- ควบคุมอารมณ์ ความคิดตัวเองไม่ได้
- ติดกับอารมณ์ ความรู้สึกของตัวเอง
- ไม่ได้ฝึกฝนให้รู้สึกทุกขณะจิต ในทุกๆการกระทำ
- ทำตามความคุ้นเคยเดิม มีความชอบไม่ชอบ ทำตามความสนใจตัวเอง
- ส่งผลให้
- ทำงานพลาด
- คนเปราะบาง
- ส่งผลให้
ยังไม่คุ้นจังหวะเกมส์ที่เล่น ตั้งรับไม่ทัน
- ในชีวิตจริง กิจกรรมที่คุ้นเคยเรามักไม่มีสติในการทำเพราะ
- เชื่อว่าเราไม่พลาด
- ประมาท
- ตั้งใจมากเกินไป เพราะ
- ไม่อยากพลาด
- คาดหวังว่าตัวเองต้องทำให้ถูก
- กลัวว่าเราจะทำผิด ทำให้งานเสียหายเพราะเรา
- กลัวโดนเพื่อนตำหนิ
เพราะเหตุใดเราจึงหวั่นไหวกับเสียงของคนอื่น
- เราให้ความสำคัญกับคนๆนั้น ไม่อยากให้เขาผิดหวัง
- ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์
- เมื่อเราทำไม่ได้ดั่งใจคน เรามักโดน
- ตำหนิ
- ผิดหวัง แสดงความเสียใจต่อการกระทำของเรา
- แสดงสีหน้าผิดหวัง
- วิจารณ์การกระทำ ทำให้ไม่ได้รับการยอมรับ ถูกล้อ ประณาม ทำให้แย่ ลดความเป็นมนุษย์
- เพิกเฉย ไม่มอบหมายงานให้ต่อไป
- ถูกประเมิน โดยไม่มีการสืบค้น ความจริง
- เราถูกหล่อหลอมให้เชื่อว่าคนมีคุณภาพต้องทำถูกต้องเสมอ จึงยอมรับได้ยากกับความผิดพลาด
เจตนาของคนที่ตำหนิบ่น ด่า
- อยากให้เราปรับปรุงพัฒนา
- อยากให้งานออกมาดี
เพราะเหตุใดเราจึงยังเลือกบ่น ตำหนิ คาดโทษ นินทาคนอื่น
- รู้สึกผิดหวัง ไม่ได้ดั่งใจ
- เห็นการกระทำต่อๆกันมา
- คิดว่าเป็นวิธีที่ได้ผล (ไม่ได้พิจารณาว่าได้ผลจริงหรือไม่)
- มักได้ผลชั่วคราว ในกรณีที่คนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
- มีกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน
- ไม่ใช้ท่าทีรุนแรงต่อเนื่อง
- ไม่เคยใช้วิธีที่สร้างสรรค์ในการพัฒนาคน
- ง่ายที่จะแสดงท่าทีรุนแรง เพราะ
- เราอยากระบายอารมณ์
- ไม่มีพื้นที่ กระบวนการณ์ในการจัดการกับอารมณ์ของตนเมื่อไม่ได้ดั่งใจ
- ไม่อยากเสียเวลาพูดคุย คิดหาความจริง หาทางออกร่วมกัน
- ไม่เห็นความสำคัญในการใช้พลังสร้างสรรค์ในการพัฒนาคน
- ไม่จัดสรรเวลาเพื่อรักษาสมดุลชีวิตของตน ขาดความมั่นคงภายใน
วิธีการที่สร้างสรรค์ในการพัฒนาคน
- พูดคุยทำความเข้าใจอย่างเปิดใจ
- ทำให้คนกล้าพูดอย่างตรงไปตรงมาทั้งด้านดีและไม่ดี
- ลด ละวางอคติที่มีต่อกันโดยใช้สติกำกับเท่าทันอารมณ์ความคิดตนและยอมรับมันให้ได้
- ให้เวลาในการรู้จักกันและกันอย่างลึกซึ้ง
- มีพื้นที่ค้นหาความจริง และสำรวจปัญหาและหาทางออกร่วมกัน
กิจกรรม เป็ดเจ้าปัญหา
โจทย์ ช่วยกันรักษาเบาะว่างไว้ให้นานที่สุด
กติกา
๑) ห้ามเคลื่อนย้ายเบาะ
๒) ห้ามกั๊กเบาะ
๓) ห้ามกีดขวาง หรือทำร้ายเป็ด
๔) ทุกคนต้องมีส่วนร่วม ห้ามผูกขาดการวิ่ง
สรุปบทเรียนจากกิจกรรม
แผนการเล่นของกลุ่มดีหรือไม่ อย่างไร
- ดี ในกรณีที่คนวิ่งทัน
- ยังมีช่องโหว่
- เพราะเป็ดดักทาง แก้เกมได้
- ไม่สามารถทำตามแผนที่วางไว้ได้
- ไม่สามารถแก้จุดอ่อนของวิธีการเล่นได้
เพราะอะไรเราจึงเสียพื้นที่เร็ว
- ไม่ได้มองภาพรวม ของกระบวนการแก้ปัญหาทั้งหมด ใช้การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในการเล่น
- ไม่สามารถคิดกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการจัดการปัญหาใหม่
- ไม่ได้วิเคราะห์ปัญหาอย่างชัดเจน (การเดินของเป็ด)
- อาจส่งผลให้ปัญหาอื่นๆตามมา
- เข้าใจกันคนละอย่าง ไม่มีคนสรุปความเข้าใจของแต่ละคน
- ขาดการวางแผนสำรองเพื่อรองรับความผันผวนของกระบวนการ
- มีความไม่ชัดเจนในเรื่อง
- บทบาทหน้าที่
- วิธีการเล่น วิธีการสื่อสาร
- โจทย์ ปัญหา สภาพ
- เป้าหมาย
- ส่งผลให้
- แผนการทำงานไม่ชัด
- มีการเพ่งโทษ ตำหนิกันเมื่อพลาด
- คนทำงานเสียกำลังใจ
- ส่งผลให้
- ขาดคนนำกระบวนการ คนนำคุย
- ขาดกระบวนการที่จะนำไปสู่
๑. ดึงความคิดที่จะนำไปใช้
๒. เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดกัน
๓. เปรียบเทียบความเหมือน ความต่าง
๔. หาข้อสรุปร่วมกัน
- ไม่ได้ทดลองทำจนครบกระบวนการ ซึ่งจะช่วยให้
- มีข้อมูลในการเลือกใช้วิธีการ
- เห็นความเป็นไปได้
- คนทำงานเข้าใจตรงกัน
- ขาดการสรุปบทเรียนร่วมกัน ทบทวนจุดอ่อน จุดแข็ง อุดช่องโหว่การทำงานที่ผ่านมา
- คนทำงานรับรู้ข้อมูล เห็นภาพไม่เท่ากัน ไม่ตรงกัน
- ในชีวิตจริง การมีช่องว่าง ความเหลื่อมล้ำระหว่างกันในองค์กรเป็นปัจจัยทำให้เกิดความเข้าใจผิด การทำงานผิดพลาด
- ความยึดติดในสถานภาพมีผลทำให้คนไม่กล้าแสดงความคิดเห็นโดยเฉพาะหากมีความคิดเห็นที่ต่างกัน
- บรรยากาศการพูดคุยที่มีการตอบโต้เร็ว ฟังไม่จบ ใช้อารมณ์ยิ่งทำให้คนไม่อยากแสดงความคิดเห็น
- การทำงานที่เร่งรัด ภาระงานหนัก ยิ่งทำให้คนไม่มีเวลาสร้างพื้นที่ การพูดคุยอย่างสร้างสรรค์
- ไม่มีโอกาสรู้จัก ทำความเข้าใจกันและกันอย่างลึกซึ้ง
กิจกรรม ข้ามแม่น้ำพิษ
โจทย์ ให้ทุกคนข้ามแม่น้ำพิษไปได้อย่างปลอดภัย
กติกา
๑) มีหินให้ ๑๖ ก้อน เพื่อใช้เดินข้ามแม่น้ำพิษจากจุดเริ่มต้นไปยังจุดสิ้นสุด
๒) หากร่างกายไม่อยู่บนหินและโดนแม่น้ำพิษ ส่วนนั้นจะพิการใช้ไม่ได้
๓) หากหินวางอยู่ โดยไม่มีส่วนหนึ่งของร่างกายสัมผัส หินนั้นจะโดนจระเข้คาบไปได้
๔) เมื่อเข้ามาอยู่ในเขตแม่น้ำแล้ว ทุกคนต้องมีการสัมผัส/เชื่อมโยงกันด้วยอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย จนกว่าคนสุดท้ายจะข้ามเสร็จ หากหลุดออกจากกัน ทุกคนจะต้องเริ่มต้นใหม่
๕) หากใช้เวลานานเกินไปจะมีเขื่อนปล่อยน้ำท่วมโดยมีสัญญาณเตือนล่วงหน้า
สรุปบทเรียนกิจกรรมแม่น้ำพิษ
สิ่งที่ทำได้ดีขึ้นช่วงที่วางแผน
- วางแผน และคุยจนจบ เห็นวิธีการชัด แก้จุดอ่อนที่เกิดขึ้น
- มีคนนำกระบวนการ
สิ่งที่คนนำกระบวนการทำได้ดี
- ทำให้แต่ละความคิดให้ชัด
- ผู้นำกระบวนการเปิดรับทุกความคิด เปิดพื้นที่ทุกความคิดเห็น
- มีการสรุปยอดความคิด โดยการสรุปประเด็น วาดภาพ
- ชวนคุยทีละประเด็น
- สร้างบรรยากาศการพูดคุยที่จริงจังแต่ผ่อนคลาย
- พาคุยไปทีละประเด็น
- ทำให้คนสนใจประเด็นเดียวกัน
- คุมเวทีให้พูดทีละคน
- ทำให้ได้วิธีการที่หลากหลายก่อนที่จะเลือกวิธีที่ดีที่สุด
- สิ่งที่ต้องปรับปรุง
- ยังไม่ได้สรุปข้อเสนอวิธีอื่นๆ
- วิธีที่จะดึงข้อเสนออื่นๆ
- ตั้งคำถาม เปิดพื้นที่ให้คนแสดงความคิดเห็นเพิ่ม
- เปิดโอกาสให้คนที่มีอำนาจน้อย ได้แสดงความคิดเห็นก่อน
- ให้คนได้ทบทวนโดยการเขียนหรือบันทึกส่วนตัวก่อน
- แบ่งกลุ่มย่อย เพื่อให้แต่ละกลุ่มแลกเปลี่ยนพูดคุยกันก่อนแล้วค่อยระดมความเห็นไปยังกลุ่มใหญ่
- สิ่งที่ต้องปรับปรุง
- ทุกคนมีความเป็นเจ้าของเกมมากขึ้น ได้ลองเล่นตามวิธีของตัวเอง
- เห็นโจทย์ เห็นเป้าหมาย บริบทร่วมกัน
- ความสัมพันธ์ที่ดี ทำให้กระบวนการทำงานเรียบง่ายขึ้น รู้จักดีขึ้นมากกว่ารอบเช้า
- มีการเรียนรู้จากความผิดพลาดจากกิจกรรมเป็ด
- มีการแบ่งบทบาทการทำงาน วางแผนการทำงาน
ในชีวิตจริง การสรุปบทเรียนจะได้ผล ในกรณี
- คุยกันด้วยเหตุผล
- มุ่งสำรวจปัญหา สาเหตุ ของข้อผิดพลาดมากกว่าเพ่งโทษคนทำงาน
"เมื่อมีคนมาสะท้อนตัวเรามักจะไม่ฟัง เพราะมีอีโก้(Ego) ปกป้องตัวเอง ไม่ยอมรับความเป็นจริง ว่าเราเป็นส่วนหนึ่ง องค์กรเป็นส่วนหนึ่ง"
- รับฟังกันและกันมากขึ้น
- การลองผิด ลองถูกทำให้เห็นข้อผิดพลาด เห็นวิธีการ แก้ปัญหาได้ตรงจุด
- มีการปรับบทบาทคนทำงานในการแก้ปัญหาให้เหมาะสม
- ทุกคนเห็นข้อผิดพลาดร่วมกัน
- ลดการโต้แย้งทางความคิด
- เห็นความชัดเจนของแต่ละวิธี
- เห็นจุดอ่อน จุดแข็งของแต่ละวิธี และหาทางแก้ได้
- ได้ความมั่นใจในการทำงาน เกิดความไว้วางใจของทีมทำงาน
ปัจจัยที่ทำให้สำเร็จ
- มีการวางแผนที่ดี
- เชื่อมการสื่อสารเป็นระบบ
- เข้าใจบทบาทหน้าที่ที่ดี
- มีการตักเตือนกัน สะท้อนกันอย่างสร้างสรรค์
- มีความเชื่อมั่นในทีมงาน จะช่วยสนับสนุนเราได้
"ในชีวิตจริง เราไว้ใจกันและกันยากเพราะไม่เชื่อมั่นในความซื่อสัตย์ของเพื่อน ความไม่เอาเปรียบกัน"
- มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เกิดจาก มีเป้าหมายร่วมกัน
- ในชีวิตจริง ปัจจัยที่ทำให้เกิดการช่วยเหลือ เกื้อกูลกัน
- การมีต้นแบบที่ดี
- มีการให้กำลังใจกันและกัน
- มีความสัมพันธ์ที่ดี มีความเป็นพี่เป็นน้อง รู้จักกันอย่างลึกซึ้ง
- มีความเป็นธรรมในองค์กร
- ทำให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน
- มีโครงสร้างที่ยุติธรรม ไม่เหลื่อมล้ำ
- การมีเป้าหมายร่วมกัน
- ในชีวิตจริงการมีเป้าหมายร่วมกันมีความสำคัญเพราะ
- ทำอย่างไม่ลังเล
- ทำให้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ
- รู้สึกร่วมกับสิ่งที่ทำ (เป็นเจ้าของ)
- เกิดการทำงานที่เชื่อมโยงกัน
ปัจจัยการทำงานกลุ่ม
- การวางแผนที่ดี
- การสื่อสารที่สร้างสรรค์
- การไม่เพ่งโทษคน
- การเข้าใจและยอมรับความหลากหลายกันและกัน
วันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๘
เรียนรู้บุคลิกภาพของมนุษย์ผ่านทฤษฎีกงล้อ ๔ ทิศ
บุคลิกภาพของคนเราแตกต่างกัน บางคนคิดเร็วทำงานเร็วมุ่งผลลัพธ์แต่ขาดความประณีต บางคนทำงานประณีตแต่ช้า บางคนมุ่งงานเกินไปไม่ค่อยให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ บางคนมุ่งความสัมพันธ์แต่ไม่ค่อยทำงาน หากเราเข้าใจตนเอง เข้าใจเพื่อนร่วมงานหรือคนใกล้ชิด ก็จะช่วยให้เรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและดำเนินชีวิตได้ราบรื่นยิ่งขึ้น
Celtic เป็นชนเผ่าหนึ่งแถบสก็อตแลนด์ที่เรียนรู้บุคลิกภาพของมนุษย์ผ่านพฤติกรรมของสัตว์ทั้ง ๔ ประเภท ปัจจัยที่ส่งผลต่อบุคลิกภาพของคนเราประกอบด้วย การเลี้ยงดู สถานภาพทางสังคม สิ่งแวดล้อม อาชีพ รวมถึงการเรียนรู้และเติบโตภายใน
ทฤษฎีกงล้อสี่ทิศ(Celtic Wheel of Being)
กิจกรรม ทฤษฎีกงล้อสี่ทิศ
โจทย์ ๑ ให้ทุกคนเดินอ่านแผ่นป้ายกงล้อ ๔ ทิศ แล้วเลือกทิศที่ตรงกับเรามากที่สุด โดยขอให้ถอดวางบทบาท ตำแหน่ง หน้าที่การงานหรือสถานภาพ แล้วพิจารณาดูว่าเรามีลักษณะบุคลิกภาพเป็นอย่างไร
จุดแข็งและจุดอ่อนของทั้งสี่ทิศ
ทิศเหนือ ชาวกระทิง
จุดแข็ง / ลักษณะเด่น
บุกตะลุย ลงมือทำไม่ลังเล ทำอะไรรวดเร็ว กล้าได้กล้าเสียเด็ดขาดกล้าตัดสินใจ ชอบท้าทายความสามารถ รักความยุติธรรม รักพวกพ้อง ชอบนำ ยืนยันสิทธิของตนและกลุ่ม กระตือรือร้น มุ่งมั่น รักอิสระ เปิดเผย ตรงไปตรงมา
จุดอ่อน/ สิ่งที่ควรปรับปรุง
ใจร้อน ขาดความรอบคอบ หงุดหงิดง่าย ด่วนตัดสินคน อยู่นิ่งๆไม่ได้ ใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ชอบแข่งขัน/เอาชนะ ถือตนเป็นใหญ่ โต้แย้งและปกป้องตนเองเมื่อถูกวิจารณ์ ชอบผลักดันให้มีการตัดสินใจก่อน
ทิศใต้ ชาวหนู
จุดแข็ง / ลักษณะเด่น
ใส่ใจความรู้สึกของคน ช่วยเหลือผู้อื่น เป็นที่พึ่งพิง รับฟัง ให้กำลังใจ ซื่อ ไว้วางใจคน (บนพื้นฐานของความเปิดเผยจริงใจ) มองโลกในแง่ดี อ่อนโยนเปิดโอกาสให้คนมีส่วนร่วมในการทำงาน เป็นคนรักความสงบ เป็นผู้ประสานกลุ่ม เป็นนักไกล่เกลี่ยที่ดี รักสันติ ไม่ชอบความขัดแย้ง
จุดอ่อน/ สิ่งที่ควรปรับปรุง
ขี้เกรงใจ เก็บกด เก็บความรู้สึก ไม่กล้าตัดสินใจ ลังเล เมื่อเก็บความรู้สึกๆมากๆมักจะระเบิดอารมณ์ ไม่มั่นใจในตนเอง วิตกกังวลไม่ยืนยันสิทธิ์ของตน ไม่กล้าปฏิเสธหรือขัดแย้งเมื่อมีความเห็นที่แตกต่าง ลำบากใจเมื่ออยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง อ่อนไหว ไว้ใจคนง่าย ไม่ชอบนำ
ทิศตะวันออก ชาวเหยี่ยว
จุดแข็ง / ลักษณะเด่น
มีความคิดสร้างสรรค์ มีจินตนาการ มองการณ์ไกล มีไหวพริบ (เน้นเป้าหมายในอนาคต) คิดเร็ว ชอบทดลอง ประดิษฐ์ คิดค้น ชอบของแปลกใหม่ มีโครงการใหม่ๆ ยืดหยุ่นสูง แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ไม่ยึดติด มองโลกในแง่ดี รักการเรียนรู้ แบบกว้างๆ
จุดอ่อน/ สิ่งที่ควรปรับปรุง
เบื่อง่าย ทิ้งงานกลางคันโดยเฉพาะงานซ้ำๆ ปัญหาเดิมๆ สมาธิสั้น ใจจดจ่อเป็นพักๆ ไม่ชอบกิจกรรมเดียวแบบต่อเนื่อง ขาดความอดทน รอบคอบ ไม่ลงรายละเอียด สนุกกับการใช้ความคิด แต่ไม่ค่อยทำ ขาดความจริงจัง ไม่อยู่กับปัจจุบัน มักถูกดึงดูดใจจากสิ่งรอบข้างได้ง่าย เพื่อนๆ ตามความคิดไม่ค่อยทัน ไม่ชอบสถานการณ์ขัดแย้ง ทำอะไรซ้ำๆ
ทิศตะวันตก ชาวหมี
จุดแข็ง / ลักษณะเด่น
วิเคราะห์ ประเมินวางแผน อย่างรัดกุม ใฝ่รู้ เก็บข้อมูล สุขุมรอบคอบ ลงรายละเอียด มีหลักการ ขั้นตอน เป็นรูปธรรม นักวิเคราะห์ ยึดหลักเหตุ–ผล ความเหมาะสม ตัดสินผิดถูกตามหลักการ รักษากติกา คำพูด เอาจริงเอาจัง รับผิดชอบสูง อดทนต่ออุปสรรค ทำอะไรอย่างต่อเนื่องและลงลึก เปลี่ยนแปลงได้เมื่อมีเหตุผลที่ดี มีโลกส่วนตัว
จุดอ่อน/ สิ่งที่ควรปรับปรุง
เชื่อมั่นเหตุผลความรู้ตัวเอง ดื้อ เอาแต่เหตุผลของตัวเอง เชื่อหรือยอมรับคนอื่นยากไม่ยืดหยุ่น คุยด้วยยาก ปรับตัวยาก ยึดติดในหลักการสูง คิดในกรอบ คาดหวังสูง เครียด กังวลในความผิดพลาด ไม่ไว้ใจคนอื่น ตัดสินใจช้า เย็นชา มองข้ามเรื่องความรู้สึก เก็บตัวไม่ยุ่งกับใคร คาดหวังสูง กลัวความผิดพลาด
โจทย์ ๒
๑) เมื่อเลือกทิศที่ใกล้เคียงกับตัวเรามากที่สุดแล้ว ให้บอกจุดแข็งและจุดอ่อนในทิศของตัวเองอย่างละ ๒ ข้อ พร้อมยกตัวอย่างในชีวิตประจำวันประกอบ
๒) แบ่งปันเรื่องราวที่บอกถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของเราให้กับเพื่อนในกลุ่มฟัง
ชาวกระทิง
จุดเด่น
๑. รักความยุติธรรม ไม่ชอบถูกเอารัดเอาเปรียบ
- ชนกับทุกอย่าง
ลักษณะที่แสดงออก
- ตัวสั่น
- โกรธ
- แสดงสีหน้า/ท่าทางไม่พอใจ
เหตุที่เป็นเช่นนั้น
ประสบการณ์วัยเด็ก
- เกิดจากการสะสมตั้งแต่เด็ก ถูกบังคับ เห็นความไม่ยุติธรรมตั้งแต่เด็ก
- มีความเป็นเจ้าของสิ่งนั้นหรือการทำงานแล้วถูกละเมิด
- ถูกปลูกฝังความยุติธรรมตั้งแต่เด็ก
- คาดหวังสูงกับสิ่งที่ทุ่มเทไป
- รู้สึกเป็นเจ้าของสิ่งที่ทุ่มเท มีความรู้สึกหวงแหนสิ่งในสิ่งนั้น
ผลกระทบ
- พุ่งเข้าจัดการปัญหา ไม่ฟังเหตุผลรอบข้าง ทำให้เกิดการแตกหัก มองอีกฝ่ายเป็นปรปักษ์มากกว่าการทำความเข้าใจ จนมองไม่เห็นทางออกที่สร้างสรรค์
- หยุดคิดประเมินสถานการณ์ก่อนที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหา
- มีกา