สิ่งที่ได้เรียนรู้จากหลักสูตรนักถักทอชุมชน
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากหลักสูตรนักถักทอชุมชน

            คือการรู้จักให้โอกาสคนอื่น ทำให้เรามีชั่วโมงบินในการทำงานมากขึ้นจากการเรียนรู้จากคนอื่น แล้วนำมาพัฒนาตนเองย้อนมองดุตัวเองว่าที่เราคิดว่าตัวเองเก่งแล้ว เราสามารถเติมความรู้โดยการเรียนรู้กับคนอื่นได้อีกทั้งคนที่ไม่มีความรู้ ด้อยความรู้หรือมีการศึกษาที่ต่ำกว่าเรา เราก็อาจจะต้องเรียนรู้จากเขา เพื่อนำมาพัฒนาตนเอง เป็นการยกระดับจิตใจเราให้สูงขึ้นด้วย ตอนนี้สิ่งที่ได้คือการคิดบวกและรู้จักฟังคนอื่นมากขึ้นสามารถย้อนกลับมามองสิ่งบกพร่องของตนเองได้

เป้าหมายในการทำงาน


           ตอนนี้คิดเรื่องของเด็กและเยาวชน นอกจากความคาดหวังที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่เขียนบนกระดาษโครงการแล้วก็อยากให้เยาวชนรู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเองในสังคม รู้ว่าตัวเองมีความสำคัญ สามารถแสดงศักยภาพของตนเองออกมาสู่สังคมได้ ไม่ใช่แค่เป็นเด็กวัยรุ่นไปวันๆ และสิ่งสำคัญที่คาดหวังอีกอย่างคืออยากให้คนในชุมชนลุกขึ้นมาเอาจริงเอาจัง และแสดงศักยภาพความสามารถของคนในชุมชนไม่เฉพาะเด็ก เยาวชน แต่ถ้าทุกคนร่วมมือกันและมองเห็นองค์กรเป็นภาพรวม ทุกคนแนวคิดเดียวกัน ไม่แตกแยก และผลพลอยได้จะไปตกอยู่ที่กลุ่มเป้าหมาย นั้นคือเด็กและเยาวชนที่เขาสามารถเรียนรู้จากกิจกรรมที่ผู้ใหญ่ใจดีมอบให้ สิ่งนี้มากกว่าทีเป็นสิ่งสำคัญไม่ใช่เพียงทำให้เด็กเก่งเด็กดีมีความรับผิดชอบอย่างเดียว แต่ชุมชนต้องรวมมือด้วย ดังนั้นหน้าที่ของนักถักทอฯอาจไม่ได้ประสบความสำเร็จเพียงด้านเด็กและเยาวชนเท่า แต่อยากให้ประสบความสำเร็จในภาพรวมทั้งชุมชน
 

บทบาทหน้าที่ในปัจจุบัน


           คือนักพัฒนาชุมชนรับผิดชอบคาบเกี่ยวในเรื่องของการส่งเสริมอาชีพของคนในตำบลรวมถึงสวัสดิการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ป่วยเอดส์ รวมถึงคนกลุ่มอื่นๆ เช่น กลุ่มสตรี และอีกหน้าที่คือการดูแลในด้านเด็กและเยาวชน ซึ่งหน้าที่คาบเกี่ยวนี้เป็นเหตุผลให้ได้มาเป็นนักถักทอชุมชน ปัจจุบันรับผิดชอบสิบแปดหมู่บ้านที่จะต้องดูแล นับว่าเป็นงานที่หนัก แต่ก็จะพยายามทำให้ได้เสมอมา บทบาทการทำงานแบ่งเป็นสองส่วน คือที่ทำงานในอบต. และการลงพื้นที่ชุมชน ซึ่งโดยตำแหน่งนักพัฒนาชุมชนควรจะต้องลงพื้นที่เป็นหลักอยู่แล้ว ต้องเข้าไปรับรู้ปัญหาในชุมชน ไปช่วยพัฒนาทั้งร่างกายและจิตใจ รวมถึงการส่งเสริมอาชีพให้กับคนในชุมชน ในปัจจุบันในตำแหน่งนักพัฒนายังไม่มีผู้ช่วยมาสมทบ จึงต้องทำงานค่อนข้างหนัก ที่ผ่านมาจึงมีเด็กฝึกงานมาช่วยงานบ้างเล็กน้อย ทำให้เรามีเวลาในการวางแผนและวิเคราะห์งานอีกบ้าง ซึ่งที่ผ่านมาภาระงานเอกสารที่มากทำให้ส่งผลกระทบต่อการทำงานในชุมชน ซึ่งอาจเป็นปกติของการทำงานทั่วๆไป

           ปัญหาที่พบจากการลงพื้นที่ในชุมชนจะเป็นปัญหาด้านการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องไม่เฉพาะแต่ปัญหาด้านสารทุกข์สุกดิบแต่รวมไปถึงความเป็นอยู่และสุขภาพของชุมชน ปัญหาการเมืองทำให้เกิดการแบ่งแยกของชุมชน เวลาลงชุมชนอาจจะได้ทั้งเพื่อนหรือศัตรูกลับมา ซึ่งตนเองต้องปรับตัวโดยการรู้จักฟังคนอื่นให้มากขึ้น เพื่อที่เราจะได้ข้อมูลให้มากที่สุด สิ่งนี้คือปัจจัยภายนอกที่มีความสำคัญในการทำงาน แต่โดยส่วนตัวตนเองชอบการทำงานในชุมชน ชอบเข้าไปพุดคุยปัญหา ถามสารทุกข์สุกดิบ เป็นเหมือนอีกเวทีหนึ่งในการทำงาน ซึ่งการปรับตัวนี้ทำเห็นและเข้าใจว่าบรรทัดฐานของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

 

ที่มาของการเข้าร่วมโครงการหลักสูตรนักถักทอฯ


           ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งปีที่แล้วได้ย้ายจากจังหวัดนราธิวาสกลับมาบ้านเกิดของตัวเองที่ตำบลเมืองลีงจังหวัดสุรินทร์ในตำแหน่งนักพัฒนาชุมชน ได้ทราบว่าตนเองได้รับมอบหมายงานจากหัวหน้า และผู้บริหาร รวมถึงนายก ให้เข้าร่วมหลักสูตรนักถักทอชุมชน ในตอนนั้นตนเองได้เข้าร่วมหลักสูตรนักถักทอฯในเวทีครั้งที่สองที่ตำบลเมืองแกแต่ก็ยังไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับหลับสูตร ตอนนั้นเข้าใจว่าเป็นหลักสูตรส่งเสริมอาชีพปกติที่ตนเองเคยทำมาอยู่แล้ว เนื่องจากวันที่มารายงานตัวอยู่ในช่วงที่หลักสูตรได้ดำเนินไปก่อนหน้านี้แล้ว และตนเองก็ไม่ได้ใส่ใจจะศึกษาว่าหลักสูตรนี้คืออะไร จนกระทั่งการเข้าร่วมเวทีครั้งที่สามจึงทำให้มีความเข้าใจมากขึ้น จึงเริ่มกลับมาเปิดหนังสือบทเรียนที่ได้รับแจกจากโครงการฯนำมาศึกษาว่าโครงการฯ เป็นอย่างไร มีหลักการและรูปแบบเป็นอย่างไร หลักจากนั้นในเวทีครั้งต่อๆมาก็มีความเข้าใจเพิ่มมากขึ้น