มหาวิทยาลัย โรงเรียนร่วมกันสังเคราะห์ “โมเดล” การขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษา

มูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการสังเคราะห์ความรู้การขับเคลื่อนโครงการในภูมิภาค โครงการเสริมศักยภาพการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษา โดยมีหัวหน้าโครงการในภูมิภาค ผู้บริหาร-ครูศูนย์การเรียนรู้ฯ มาร่วมกันสังเคราะห์บทบาทพี่เลี้ยงอย่างเข้มข้นและได้โมเดลที่สามารถนำไปปรับใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรม เมื่อวันที่ 6-7 สิงหาคม 2557 ณ โรงแรมอมารี ดอนเมือง กรุงเทพฯ


สำหรับการจัดประชุมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์

  1. ร่วมกันมองคุณค่าของการทำงานในโครงการ และผลลัพธ์ของโครงการ ที่มองเห็นเป็นรูปธรรม 
  2. ร่วมกันสังคราะห์รูปแบบการขับเคลื่อนโครงการของแต่ละภูมิภาคเป็นรูปแบบกลางเพื่อนำสู่การขยาย
  3. ร่วมกันสังเคราะห์คุณลักษณะร่วมของบุคลากร/บรรยากาศในศูนย์การเรียนรู้ฯ ว่ามีความแตกต่างจากโรงเรียนทั่วไปอย่างไร
  4. แลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินงานของมหาวิทยาลัยและศูนย์การเรียนรู้ฯ ว่ามีจุดแข็ง จุดอ่อน และข้อควรระวัง อย่างไร เพื่อเป็นเครื่องมือให้ผู้ที่จะทำงานกับโรงเรียนนำไปใช้


โดยมีขอบเขตประเด็นของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ได้แก่ 1.ร่วมกันมองคุณค่าของการทำงานในโครงการ และผลลัพธ์ของโครงการ /บุคลากร (ผู้บริหาร/ครู/นักเรียน) ของโรงเรียนที่ประสบความสำเร็จจนเป็นต้นแบบการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมีความสำเร็จอย่างไร/เป็นต้นแบบได้อย่างไร 2.พัฒนาการหรือการเปลี่ยนแปลงของบุคลากรที่เข้าร่วมโครงการที่ประทับใจ เป็นใคร และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เช่น ผู้บริหารเปลี่ยนวิธีบริหารจัดการ/ครูเปลี่ยนวิธีการจัดการเรียนการสอน ทำไมจึงเปลี่ยน 3.ผู้ขับเคลื่อน/ทีมงานของมหาวิทยาลัยมีการเปลี่ยนแปลงวิธีคิด วิธีทำงาน หลังการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอย่างไร


โดยคาดหวังว่าความรู้ที่ได้จากการทำงาน ทั้งรูปแบบการทำงานขับเคลื่อนโรงเรียนเครือข่ายแนวทางหรือรูปแบบในการทำงานของมหาวิทยาลัย/ของศูนย์การเรียนรู้ฯ ในการพัฒนาโรงเรียนเครือข่ายให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ฯ และรูปแบบ/แนวทางของโรงเรียนต่างๆ ในการพัฒนาตนเป็นศูนย์การเรียนรู้ฯ พร้อมทั้งเครื่องมือทำงาน รวมทั้งระดับพัฒนาการของโรงเรียนต่างๆ ในการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้พร้อมเงื่อนไขความสำเร็จในการพัฒนาเป็นศูนย์การเรียนรู้ฯ ที่ยั่งยืน หรือปัจจัยเสี่ยง เช่น ผู้บริหารหรือครูแกนนำย้ายจะทำอย่างไร

ทั้งนี้ได้รับเกียรติจากผศ.ดร.เลขา ปิยะอัจฉริยะ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ดร.เจือจันทร์ จงสถิตย์อยู่ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และ นางนงนาท สนธิสุวรรณ ที่ปรึกษากิจกรรมองค์กรเพื่อสังคม ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นผู้อำนวยการเรียนรู้

­


นางสาวศศินี ลิ้มพงษ์ ผู้จัดการโครงการพัฒนาเยาวชนโดยการเรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กล่าวเปิดเวทีว่า “วันนี้เป็นการถอดบทเรียนของทุกท่านในบทบาทของอาจารย์มหาวิทยาลัยและศูนย์การเรียนรู้ฯ ที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนงาน รวมทั้งถอดบทเรียนคุณค่าการทำงาน การที่เราได้ทำหน้าที่พี่เลี้ยง ว่าเกิดอะไรขึ้นในการทำงานของเรา และมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างที่เกิดขึ้นในตัวเราจากการที่เราในฐานะเป็นบทบาทเป็นพี่เลี้ยงช่วยให้โรงเรียนในเครือได้เป็นศูนย์การเรียนรู้ฯ และนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้”


นางปิยาภรณ์ มัณฑะจิตร ผู้จัดการมูลนิธิสยามกัมมาจล กล่าวว่า “ท่านที่สามารถนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้จนประสบความสำเร็จในโรงเรียนจะมุ่งไปที่ตัวครูเป็นหลัก เป็นจุดสำคัญมากที่ไปทำเรื่องการศึกษาไม่ใช่เฉพาะเรื่องการใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปทำให้เป็นเรื่องซีเรียสมาก ได้มองเห็นสถานการณ์เป็นจริงของไทย บันไดก้าวแรกทำความเข้าใจ ครู – เด็ก เข้าใจ ปรับใช้เป็นหลักคิด วิเคราะห์ บันไดขั้นสุดยอดคือสามารถนำไปใช้ให้เกิดเป็นคาแร็คเตอร์ บิ้วดิ้ง (character building) ก่อนเราจะปรับบุคลิกเด็กให้มีคาแร็คเตอร์แบบนี้ไม่ใช่ไปพูดได้อย่างเดียวต้องไปออกแบบให้เด็กนำหลักฯ ไปฝึกใช้บ่อยๆ ตั้งแต่ระดับประถม ถึงมัธยมฯ ค่อยๆ ฝึก ค่อยๆ ใช้เป็น เพราะหลักฯ นี้เป็นทักษะอย่างหนึ่งจึงจำเป็นต้องฝึกใช้ เน้นแอ็คทีฟเลิร์นนิ่ง (active learning)ให้เด็กฝึกในทุกกระบวนการใช้ ส่วนมหาวิทยาลัยก็ใช้ความเชี่ยวชาญมาเสริม เติม มาช่วยแบบเพื่อนช่วยเพื่อน จุดเงื่อนไขความสำเร็จคือการปรับเปลี่ยนครู และให้เชื่อมรอยต่อระหว่างครูกับเด็ก ผู้อำนวยการก็สร้างบรรยากาศหนุนให้ครูทำได้สำเร็จ”


ผศ.ดร.เลขา ปิยะอัจฉริยะ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า "หวังว่าอาจารย์ทุกท่านยังมีไฟที่จะทำงานเพื่อชาติต่อไป เรื่องหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไม่เป็น"ไฟไหม้ฟาง"อย่างแน่นอน"


ผศ.ดร.เรขาอรัญวงศ์ มหาวิทยาลัยราชภัฎกำแพงเพชรหัวหน้าโครงการภาคเหนือตอนล่าง กล่าวว่า “ผู้บริหารสำคัญมากกับความสำเร็จของการเป็นศูนย์การเรียนรู้ฯ และผู้บริหารต้องมีพลังขับเคลื่อนให้ครูทำงานได้ทั้งเต็มใจและไม่เต็มใจก็ตาม ครูต้องการคำแนะนำอย่างตรงไปตรงมา จึงใช้เทคนิคให้ครูอัดวิดีโอตอนตัวเองสอนและกลับมาวิเคราะห์ตัวเองพร้อมเราเข้าไปชี้แนะ"


ดร.ฤทธิไกร ไชยงาม หัวหน้าโครงการภาคอีสานตอนบน แลกเปลี่ยนว่า “พบว่าการขับเคลื่อนโรงเรียนให้มีความยั่งยืนคือโรงเรียนที่นำการเรียนการสอนเข้าไปบูรณาการในรายวิชาโดยเฉพาะโรงเรียนที่เข้าใจหลักสูตรปี 51 ผมใช้บันไดสามขั้นการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการเรียนการสอน ขั้นแรก บอก-สอน-ป้อน-สั่ง ขั้นที่สอง ถอดบทเรียน ตั้งคำถาม ขั้นที่สาม บูรณาการ แบบ CAL C=classroom (ห้องเรียน) A=Active (กิจกรรม) L=life

ได้สรุปสิ่งที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของตนเองได้เกิดผลดังนี้1.เกิดเครือข่ายการขับเคลื่อนฯ หลายระดับ (LLEN มหาสารคาม)2.ได้รูปแบบการขับเคลื่อนฯ ที่ประสบผลสำเร็จ ได้แนวปฏิบัติที่ดี และปัจจัยแห่งความสำเร็จในการขับเคลื่อนฯ สู่โรงเรียนในบริบทต่างๆ3.บุคลากรของโรงเรียนจำนวนมาก รู้และเข้าใจปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาจำนวนมาก สามารถนำไปปรับใช้ในการจัดการเรียนรู้ในโรงเรียนได้อย่างถูกต้อง 4.เกิดการเปลี่ยนแปลงกับนักเรียนแกนนำจำนวนมาก ทำให้นักเรียนแกนนำรู้จักตนเอง ภูมิใจในตนเอง และมั่นใจในตนเอง มีการวางแผนชีวิตและกล้าตัดสินใจดำเนินตามความมุ่งมั่นของตนเอง หลายคนอยากเป็นครู บางคนอย่างเรียนต่อเพื่อทำงานสังคมสงเคราะห์ ฯลฯ5.ทำให้มหาวิทยาลัยมหาสารคามเห็นความสำคัญของการขับเคลื่อนฯ ภายในมหาวิทยาลัย จนมอบหมายเป็นนโยบายให้สำนักศึกษาทั่วไป โดยศูนย์พัฒนาวิชาการเพื่อการเรียนรู้ ดำเนินการอย่างเป็นระบบ”


นายไพโรจน์ คีรีรัตน์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์หัวหน้าโครงการภาคใต้เล่าว่า "การประเมินว่าครูสอนหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้ผลหรือไม่ ให้ดูที่"เด็กหลังห้อง" เพราะว่าถ้าเด็กหลังห้องเข้าใจแสดงว่าเด็กทั้งห้องก็เข้าใจ และการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโดยใช้วิชาเสริมหลักสูตรที่ให้นักศึกษาราชภัฏในพื้นที่มาเรียน มากินนอนในเวลา 1 เทอม หรือ สองเทอม จนทำให้ครูเข้าใจว่าจะสอนหลักหลักปรัชญาฯ อย่างไร ผลที่เกิดประเมินการเรียนเด็กได้เกรด A 11โรงเรียน และมีวิธีการสอนครูให้เข้าใจหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอย่างไร มี 4 หลักได้แก่ ให้ความรู้ ฝึกทักษะที่จำเป็น ทดลองสอน สรุปผล/แลกเปลี่ยนเรียนรู้”


อาจารย์ฉลาด ปาโส โรงเรียนเชียงขวัญพิทยาคม โรงเรียนศูนย์การเรียนรู้ฯ กล่าวว่า “ขอเสริมว่าการทำงานร่วมกับม.มหาสารคามใช้หลักเดินไปพร้อมๆกัน ทั้งทำความเข้าใจเรื่องหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการนำไปใช้ในโรงเรียนโดยใช้หลักสูตรแกนกลาง 51พร้อมทั้งออกแบบกระบวนการร่วมกัน และที่ให้คุณครูศูนย์ฯ สาธิตการสอนว่ามีวิธีนำหลักฯไปลงสู่ตัวเด็กได้อย่างไรทำให้คุณครูเกิดความเข้าใจได้อย่างแท้จริง จึงเกิดผลได้แท้จริง”


อาจารย์ธนิตา กุลสุวรรณ ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาลวัดป่าเรไร กล่าวว่า “ผู้บริหารศูนย์การเรียนรู้ฯ เรียนรู้จากโรงเรียนเชียงขวัญฯ จนเกิดเป็นศูนย์ฯ เรียบร้อยแล้วและได้นำความรู้เรื่องการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การเรียน การสอน ที่ทำได้ผลขอยกตัวอย่าง อาทิ โรงเรียนหนองผักชี โรงเรียนโคกเพชร จนทั้งสองโรงเรียนเกิดความเข้าใจหลักคิดได้ดีขึ้นจนเห็นผลเช่นให้โรงเรียนโคกเพชรไปดูงานที่โรงเรียนหนองผักชีเมื่อเห็นว่าโรงเรียนเขาสะอาดสะอ้านกว่าก็กลับมาปรับปรุงโรงเรียนตัวเองโดยใช้งบประมาณไม่มากแต่ผลที่ได้โรงเรียนถูกซ่อมแซมจนดูดีขึ้น”


ผู้อำนวยการกัญพิมา เชื่อมชิต อดีตผู้บริหาร และผู้ริเริ่มการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงในโรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย เพชรบุรี กล่าวว่า “การขับเคลื่อนฯ โรงเรียนไม่ได้เน้นการสร้างเครือข่ายแต่เน้น "การขยายความรู้สำหรับเรื่องการขยายผลภายนอกเป็นไปในลักษณะวิทยากรตามที่ได้รับเชิญ เริ่มตั้งแต่บรรยายให้เขาฟัง จากนั้นฝึกให้เขาวิเคราะห์สามห่วงสองเงื่อนไขได้ ต่อมาจึงสาธิตการสอนให้เขาดู วางบทบาทให้เราเป็นครูและเขาเป็นลูกศิษย์ที่เราพาคิดวิเคราะห์ วิธีนี้เขานำไปทำกับเด็กเองได้ ถามเขาว่าวิธีนี้ ครูสนุกไหม ถ้าครูสนุก ลูกศิษย์ก็สนุกไปด้วย ครูหลายคนบอกว่าการสาธิตการสอนทำให้เขาเข้าใจจริงและการทำเรื่องการใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงทำเรื่องซ้ำๆ เดิมๆ ไม่ได้ เพราะทำให้เกิดความเบื่อหน่าย ต้องหากิจกรรมใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ กิจกรรมใหม่ๆ ทำให้เกิดการตื่นตาตื่นใจ คนที่เป็นผู้บริหารต้องคิดงานอยู่เรื่อยๆ คิดเรื่องใหม่ๆ คิดบนหลักปรัชญาฯให้หลักปรัชญาฯ ซึมซับอยู่ตลอด และต้องทำให้ทุกคนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ"


อ.ดุษิต พรหมชนะ ผู้บริหารและคุณครูแกนนำขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง โรงเรียนปริ้นส์รอยแยลส์วิทยาลัย จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า “ความสำเร็จของโรงเรียนที่ภาคภูมิใจมากคือ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงที่ได้ละลายไปเป็นเนื้อเดียวกันกับงานปกติ สอดคล้องไปกับวิถีชีวิตครู และมีกิจกรรมใหม่ๆ ต่อเนื่อง มีวง PLC ที่ผู้บริหารมอบโจทย์ให้ครูแกนนำใช้ทำวิจัยแล้วนำเอาสิ่งที่ได้ไปใช้ในการนิเทศก์ขับเคลื่อนขยายผลเศรษฐกิจพอเพียงกับโรงเรียนเครือข่าย มีไทม์ไลน์ชัดเจน และกำหนดวันที่ครูจะนำผลงานของเด็กมาแสดง เป็นการยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว คือ ได้พัฒนาบุคลากร ทั้งเรื่องการเขียนแผน การนิเทศก์ ฯลฯ พร้อมๆ กับ 2. การขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษาเครือข่าย สำหรับลักษณะของศูนย์การเรียนรู้ฯ ที่ดี มองว่าคือโรงเรียนต้องรู้จักเรียนรู้จากบริบทของตัวเอง และสร้างองค์ความรู้ของตัวเองจากสิ่งที่ตัวเองมี สามารถต่อยอดองค์ความรู้ของตนเองได้ มีกิจกรรมส่งเสริมอย่างต่อเนื่องและแปลกใหม่ ไม่ซ้ำซากจำเจ ทำให้มีผลงานออกมาเรื่อยๆ และมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของครูและนักเรียนเพื่อเป็นพื้นที่นำผลงานมาแสดง รวมถึงมีกุศโลบายการขับเคลื่อน เช่น ผู้บริหารมอบโจทย์ให้ครูทำวิจัย ทำให้การขับเคลื่อนเข้มแข็ง ที่สำคัญคือต้องมีเพื่อนร่วมทาง เพราะเราจะได้ทำงานไม่โดดเดี่ยว มีเพื่อนไว้คอยปรึกษาหารือ และได้เห็นวิธีการทำงานของเพื่อนซึ่งมีความหลากหลาย”


ขณะที่อาจารย์อนันต์ แม้นพยัคฆ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี หัวหน้าโครงการภาคอีสานตอนล่างสะท้อนบทบาทการทำงานเป็น 8 หัวข้อ 1.ทำความเข้าใจศูนย์ฯ ทำความเข้าใจความหมายของศูนย์การเรียนรู้ฯ ให้ตรงกันเสียก่อน 2.ออกแบบการทำงานร่วมกัน 3.สร้างความเข้าใจในโรงเรียน(ผู้บริหาร+ครู) 4.พัฒนา การเขียนแผน ออกแบบ การสอน ถอดบทเรียน (ครูแกนนำ) 5.จัดวงCOP ทีม ติดตามงาน เสริมกำลังใจ 6.พัฒนานักเรียนแกนนำ ถอดบทเรียน การตั้งคำถาม เลือกมาโรงเรียนละ 5 คน จัดกิจกรรมค่าย 7.พัฒนาฐานการเรียนรู้ (สอนอย่างไร วัดอย่างไร) 8.นิเทศติดตาม


ด้านอาจารย์จรวยพรรณ เย่าเฉื้อง ครูศูนย์การเรียนรู้ฯ โรงเรียนห้วยยอด บอกว่า "ข้อค้นพบคือถ้ามีศูนย์การเรียนรู้ฯ ใด ต้องการให้โรงเรียนห้วยยอดเข้าไปช่วยพัฒนาเราจะจัดเวทีครูและนักเรียนควบคู่กันไปด้วยถึงจะเห็นผลและประสบความสำเร็จได้"โดยขยายการจัดกระบวนการเรียนรู้หน่วยการเรียนรู้ครูพอเพียง มี 8 หน่วยดังนี้ หน่วยที่ 1.Bar เปิดใจครูพอเพียง หน่วยที่ 2.ใช้หลักเพียงพอ หน่วยที่ 3.ต่อยอดด้วยหลักคิด หลักยึด หลักปฏิบัติ หน่วยที่ 4 จัดฐานการเรียนรู้สู่จิตอาสา หน่วยที่ 5 พาสู่การจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 6 บูรณาการด้วยโครงงาน หน่วยที่ 7 สานต่องานวิจัย หน่วยที่ 8 ใส่ใจพัฒนา หน่วยที่ 9 AAR สรุปบทเรียน


สุดท้ายที่ ผู้อำนวยการธีระเชษฐ ป้องจันมณีสกุล โรงเรียนอนุบาลประชารัฐสามัคคี ผู้บริหารศูนย์การเรียนรู้ฯ บอกว่า "ต้องให้ผู้ปกครองเห็นพฤติกรรมของเด็กเป็นรายบุคคล โดยให้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการปลูกฝังเด็ก และที่สำคัญเราใช้ป้อนคำถามด้วย mindmaping กับครูและนักเรียน"


โดยมีผู้เข้าร่วมการประชุมดังนี้

  • ผศ.ดร.เรขาอรัญวงศ์มหาวิทยาลัยราชภัฎกำแพงเพชรหัวหน้าโครงการภาคเหนือตอนล่าง
  • ดร.ฤทธิไกรไชยงาม มหาวิทยาลัยมหาสารคามหัวหน้าโครงการภาคอีสานตอนบน
  • นายอนันต์ แม้นพยัคฆ์มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานีหัวหน้าโครงการภาคอีสานตอนล่าง
  • นายภาษิตประมวลศิลป์ชัยผู้อำนวยการโรงเรียนทีมงานภาคกลาง อยุธยา และนครนายก
  • นายไพโรจน์ คีรีรัตน์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์หัวหน้าโครงการภาคใต้
  • นส.นราพรอาษาพันธ์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ทีมงานโครงการภาคใต้
  • ผอ.กัญพิมา เชื่อมชิต อดีตผอ.โรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย เพชรบุรี
  • ผอ.สมจริง อินทรักเดช อดีตผอ.โรงเรียนห้วยยอด
  • ผอ.ระวีขุณิกากรณ์โรงเรียนอาจสามารถวิทยาอดีตผอ.โรงเรียนเชียงขวัญพิทยาคม
  • นายดุษิตพรหมชนะรองผอ.โรงเรียนปรินส์รอยแยลวิทยาลัยศูนย์การเรียนรู้ฯ
  • ผอ.ธนิตากุลสุวรรณโรงเรียนเทศบาลวัดป่าเรไรศูนย์การเรียนรู้ฯ
  • ผอ.ธีรเชษฐ์ป้องจันมณีสกุลโรงเรียนอนุบาลประชารัฐสามัคคีศูนย์การเรียนรู้ฯ
  • นายฉลาด ปาโสโรงเรียนเชียงขวัญพิทยาคมศูนย์การเรียนรู้ฯ
  • นางสารภีสายหอมโรงเรียนสำโรงทาบวิทยาคมศูนย์การเรียนรู้ฯ
  • นางจรวยพรรณเย่าเฉื้องโรงเรียนห้วยยอดศูนย์การเรียนรู้ฯ
  • นายสุทธิรัตน์เสนีชัยโรงเรียนห้วยยอดศูนย์การเรียนรู้ฯ