งานพัฒนาศักยภาพภาคี เรื่อง ทักษะกระบวนกรพัฒนาเยาวชน
วัตถุประสงค์
- เพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานการเป็นโค้ช การออกแบบการเรียนรู้ การถอดบทเรียนการเรียนรู้ สำหรับเจ้าหน้าที่โครงการ
- เพื่อเปิดพื้นที่ (platform) ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงของเจ้าหน้าที่โครงการ ที่ทำหน้าที่ Coach
ระยะเวลาในการอบรม 4 ครั้ง (เมษายน - กันยายน 2558)
ครั้งที่ 1 งานพลังกลุ่มและความสุข (วันที่ 28 - 30 เมษายน 2558)
- การสื่อสาร การฟัง พื้นฐานด้านจิตใจและโลกทัศน์ของกระบวนกร
- การทำงานเป็นทีม
- การเป็นผู้นำ ผู้ตาม
ครั้งที่ 2 ทักษะพื้นฐานกระบวนกร (วันที่ 26 - 29 พฤษภาคม 2558)
- การตั้งคำถามกระตุ้นคิดอย่างลึกซึ้ง การฟังด้วยหัวใจ
- การจับประเด็น
- การดำเนินการจัดประชุมแบบมีส่วนร่วม
- อุปสรรค และแนวทางแก้ไขการจัดประชุม
ครั้งที่ 3 ทักษะการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ (วันที่ 22 - 25 กรกฎาคม 2558)
- ทักษะ และกรอบวิธีคิดในการออกแบบให้เข้าถึงเนื้อหา
- การเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงภายใน
- ฝึกนำกระบวนการ และสรุปบทเรียนครบกระบวนการ
ครั้งที่ 4 ทักษะการสรุปบทเรียน (วันที่ 7 - 10 กันยายน 2558)
- การสรุปบทเรียนการทำงานของเยาวชน
- การตั้งคำถาม - การฟัง - การจับประเด็น
วิทยากร ทีมเสมสิกขาลัย
การอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรการพัฒนาทักษะกระบวนกร
มูลนิธิสยามกัมมาจล
โรงแรมฮิป กรุงเทพ
วันที่ 26-29 พฤษภาคม 2558
26 พฤษภาคม 2558
กิจกรรมภาคเช้า
โจทย์
- แนะนำตัว ชื่อจริง ชื่อเล่น มาจากโครงการใด
- ความสุข ความทุกข์ในชีวิต ช่วงชีวิต 1 เดือนที่ผ่านมา
ความสุข ความทุกข์ในชีวิต ช่วงเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา
- เป็นช่วงที่ยุ่งมาก แต่ก็พยายามจัดการอารมณ์ตัวเองให้ได้ตามที่เรียนมา
- เป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงและใช้พลังชีวิตมากในการทำความเข้าใจสถานการณ์ ได้พยายามเฝ้าดูภายในของตัวเอง ทำความเข้าใจคนทำงานและองค์กรของตนเอง ได้ไปเพิ่มพลังชีวิตโดยการไปเข้าวัด
- เพิ่งไปนอนโรงพยาบาลมา เข้าใจว่าย่างเข้าสู่เลข 5 แล้ว ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลง อยากให้ทุกคนดูแลตัวเอง ไม่ต้องรอจนป่วยมาก เป็นห่วงระบบสาธารณสุขไทย อยากให้ชื่นชมกับผลงานที่ตนเองตั้งใจทำ เรื่องการเติบโตของเยาวชน ชื่นชมทีมงานตนเองที่สามารถทำงานได้แม้ว่าตัวเองจะไม่อยู่
- ทุกข์กับความคาดหวังขององค์กร และยังไม่เข้าใจ สับสนกับระบบงาน สุขใจที่น้องชายจะบวชเรียน ที่เห็นน้องชายอยากศึกษาธรรมะ
- สุขใจแม้ว่าจะมีงานเยอะ โดนตามงานบ่อย แต่เพื่อนๆกับคนรอบข้างก็ทำให้มีความสุขดี
- ทุกข์กับร่างกายที่เจ็บป่วย คงถึงเวลากลับมาดูแลตัวเองให้มากขึ้น สุขที่มองเห็นอารมณ์ เห็นตัวเองมากขึ้น นิ่งและเข้าใจตัวเองมากขึ้น ให้เวลากับตัวเองและครอบครัวมากขึ้น
- เจ็บป่วย อยากมาเติมพลังให้ตัวเองอีกครั้ง
- ทำงานติดๆ กัน มีสิ่งที่ต้องจัดการเยอะมาก เห็นความสุขที่คนในทีมช่วยกันทำงาน เกื้อหนุนกันให้งานผ่านไปด้วยดี
- สุขที่ได้อยู่กันพร้อมหน้าในครอบครัว ได้ทำสวน ได้อยู่กับตัวเอง ช่วงนี้มีงานเยอะมาก ยังจัดการได้ แต่หงุดหงิดนิดหน่อยกับงานที่ไปได้ช้า จึงพยายามจัดการกับอารมณ์ของตนเอง
- มีความพยายามทำให้งานชัดเจน จัดการกับความวุ่นวาย แต่พยายามไม่ฟุ้งซ่าน ปล่อยวางได้ ไม่ค่อยเหนื่อยใจ หาเวลาดูแลสุขภาพของตัวเองเพื่อให้พร้อมกับการทำงาน
- ไม่ค่อยได้เจอครอบครัวเท่าไหร่ สิ่งต่างๆ เข้ามาเร็วมาก จนไม่ได้คิดว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่มีเวลาทบทวนตัวเอง เหนื่อยและร่างกายไม่ค่อยไหว
- ทุกข์เพราะร่างกายที่ไม่ปกติ พักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่มีสติในการใช้ชีวิตประจำวัน สุขที่ได้ทำงาน เดินทางบ่อย ปกติจะหงุดหงิดง่ายแต่เห็นอารมณ์ของตัวเองเร็วขึ้น เห็นความตั้งใจทำงานของน้องๆภาคีและการทำงานเป็นทีมกับเพื่อนร่วมงาน มีความสุข สนุกกับการทำงาน
- 1 เดือนที่ผ่านมาได้เติบโตหลายอย่าง ตั้งรับตัวเองไม่ทัน ตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้น เจอในสิ่งที่ไม่เคยเจอ จนได้มานั่งทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาว่าเกิดจากอะไร ทำให้เข้มแข็งขึ้น หวังว่าการมาเรียนรู้ครั้งนี้จะได้เติมพลังชีวิตในการทำงานต่อไป
- ทำงานเป็นปกติ แต่ได้ไปสัมผัส เติมพลังจากธรรมชาติ ได้ไปเดินป่า
- ว่างงาน ทำงานแค่เสาร์ อาทิตย์ มีเวลาดูซีรีส์ญี่ปุ่นเยอะ ซึ่งจะมีช่วงที่ให้ความรู้ในเรื่องที่ดู เห็นแง่มุมชีวิตต่างๆจากซีรีส์ ได้ไปช่วยสอนเด็กๆ ทำตุ๊กตาส่งไปให้เด็กๆ ที่เนปาล เห็นวิธีการทำงานของครูและน้องที่ทำกิจกรรมนี้ด้วยกัน
- สุขใจที่ได้เห็นน้องๆในทีมเยาวชนเติบโต เป็นพลังใจให้กับตัวเอง เห็นว่าตนเองเติบโตไปพร้อมกับน้องๆ ทุกข์กังวลว่าจะดูแลน้องๆได้ดีหรือไม่ มีทีมจากมูลนิธิมาช่วยเหลือ ทำให้เห็นความเป็นภาคีที่สร้างมาร่วมกัน ที่ทำงานก็มีการเปลี่ยนผ่านคน กังวลเรื่องการทำงานว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร
- หลังจากผ่านการอบรมครั้งที่ 1 ก็นำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปจัดการอารมณ์ในชีวิตตัวเอง อยากให้เด็กๆได้มาเรียนรู้กับเพื่อน กับทีมอื่นๆที่เด็กบันดาลใจ
- เหนื่อย สุขภาพไม่ค่อยดี โหมทำรายงาน ทำงานที่ไม่ค่อยถนัด แต่พอไม่สบายได้พักก็หาย มีการเปลี่ยนผ่านคนทำงาน
- มีทั้งสุข ทุกข์ เหนื่อย จะดูแลตัวเองมากขึ้น
- มีเวลาว่างได้ดูคลิป อ่านหนังสือที่อยากอ่านทำให้ได้แง่คิด ได้งานที่ใหม่ คิดว่าต้องเรียนรู้กันใหม่
- งานเยอะ เหนื่อย โชคดีที่มีทีมงานที่ดี ป่วยกันหลายคน เป็นเพราะไม่ได้พัก ได้เจอกันที่ทำงาน แต่ไม่ค่อยได้คุยเรื่องสุขทุกข์กัน อยากมีเวลาได้คุยกัน
- ทำงานเยอะ แต่ก็ทั้งสนุกและมีความสุขกับการทำงาน แม้ว่าจะเหนื่อยมาก ไม่ค่อยได้พักผ่อน
- ได้กลับบ้าน ได้นำกงล้อ 4 ทิศไปเล่นกับพ่อ เข้าใจพ่อมากขึ้น แม้จะมีเวลาน้อย แต่พ่อก็ให้เวลากับเรา ทุกข์ที่เวลาแห่งความสุขมีน้อยเพราะต้องรีบไปตามงาน กำหนดการที่มี
- เป็นปกติ ไม่ได้รู้สึกเหนื่อย ทุกข์ ทำงานไปตามปกติ
- งานเยอะ ได้พักแค่ 1 วัน มีโอกาสได้ตามเข้าไปในป่า ได้เจอธรรมชาติที่สวยงาม เห็นคนที่ทุกข์กว่าเราเยอะ แต่ก็ยังอยู่ได้ ทำให้ได้รับพลังใจ
- ได้รับงานใหม่เพิ่ม มีงานเยอะ แบ่งเวลาไม่ค่อยได้ สุขที่ทำงานในองค์กร อยู่แบบพี่น้อง แบบเป็นครอบครัว
- มีความวิตกกังวลกับงานที่ได้รับมอบหมาย มองว่าตัวเองจะทำไหวหรือเปล่า แต่พอได้อยู่กับตัวเองได้ทบทวนตัวเอง ก็ทำให้คิดปล่อยวางได้ เลือกที่จะสื่อสารกับคนอื่น มีความสุขที่เห็นคนรอบข้างมีความสุข
- มีงานเข้ามาเยอะ มีอารมณ์ไม่ได้ดั่งใจ ต้องประสานงานกับน้องๆที่มีเงื่อนไขแตกต่างกัน แต่ได้พยายามทำความเข้าใจให้มากขึ้น มีความสุขที่ได้กลับบ้าน ได้แบ่งปันความฝันและมีคนเห็นด้วย สนับสนุน
- ทุกข์เพราะไม่มีเวลาให้คิดว่าจะทุกข์อะไร ไม่ค่อยมีเวลาว่าง สุขในการทำงาน มีทั้งสุข ทุกข์ร่วมกัน อยู่ที่เราเลือกว่าจะมองอะไร ได้ความรู้ใหม่เรื่องการตัดต่อเพราะเปิดใจเรียนรู้
- ได้เรียนรู้จากคนที่ไปร่วมงานด้วยเป็นต้นแบบ เวลาที่ได้ลงพื้นที่ได้พูดคุย ได้แลกเปลี่ยน รู้สึกใกล้ชิดกัน การเดินทางก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง
- งานหนัก แต่ก็พยายามหาความสุขจากการทำงาน หาความสมดุล ทำใจยอมรับกับการเปลี่ยนผ่านของคนทำงาน แต่ใช้เวลาในการอยู่ด้วยกันให้ดีที่สุด ให้น้องๆมีทุนติดตัวในการทำงานต่อไป
เนื้อหาการอบรม
TOT1 ทักษะพื้นฐานของการเป็นกระบวนกร
- ความหมายของกระบวนกร ทักษะพื้นฐาน
- เงื่อนไขการเรียนรู้
- การออกแบบกระบวนการเรียนรู้
- องค์ประกอบการเรียนรู้
- ทักษะพื้นฐานของการเป็นกระบวนกร
- ความมั่นคงภายใน
- การรับฟัง
- การจับประเด็น
- การใช้วิธีคิด
- การตั้งคำถามเพื่อให้เกิดการเรียนรู้
กระบวนการเรียนรู้
- กิจกรรมผ่านประสบการณ์ตรง
- พูดคุยหลักการ
- ฝึกปฏิบัติจริง
ข้อตกลงร่วมกัน
- อยู่ร่วมในการอบรมอย่างต่อเนื่อง
- ฝึกฝนเรียนรู้เต็มที่
- ใจกว้างในต่อกันและกัน สะท้อนบนพื้นฐานความรัก ใช้ความเป็นมิตรในการเรียน
- ปิดเสียงโทรศัพท์
- รับฟังกันอย่างใส่ใจ
ตารางกิจกรรม
09.00 – 09.20 น.สมาธิภาวนา
09.20 – 12.20 น. กิจกรรมภาคเช้า
12.20 – 13.20 น. อาหารกลางวัน
13.20 – 14.00 น. นอนผ่อนคลาย
14.00 – 18.30 น. กิจกรรมภาคบ่าย
กิจกรรม "สี่เหลี่ยมแตก"
โจทย์ ให้ทุกคนประกอบชิ้นส่วนให้เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส
กติกา
- ห้ามสื่อสารระหว่างกัน
- ให้ทำการแลกเปลี่ยนชิ้นส่วนทีละ 1 ชิ้น
- ชิ้นส่วนทุกชิ้นต้องถูกใช้งาน
- มีเวลา 20 นาที
สรุปบทเรียนจากกิจกรรม "สี่เหลี่ยมแตก"
- ความรู้สึกในการเล่น
- อึดอัดที่เพื่อนไม่เข้าใจว่าเราต้องการจะสื่ออะไร
- เมื่อทำเสร็จก่อน จะรู้สึกโล่งใจ แต่พอเพื่อนคนอื่นยังทำไม่เสร็จก็กังวล
- อึดอัด อยากให้เพื่อนปล่อยตัวที่เป็นปัญหาลงมาตรงกลาง
- ความรู้สึกที่มีต่อเพื่อนที่ยังไม่เสร็จแต่ไม่ยอมปล่อยชิ้นส่วนมา
- เข้าใจผิดจึงไม่ยอมปล่อยชิ้นส่วนนั้น
- ควรมีบางคนต้องเสียสละ
- อยากให้เพื่อนปล่อยชิ้นส่วนออกมาได้
- ความรู้สึกของคนที่เสร็จทีหลัง
- กดดัน
- พยายามค้นหาความผิดพลาด
- ตั้งคำถามกับคนที่ทำเสร็จแล้ว คิดว่าควรต้องช่วยกันทำให้สำเร็จทุกคน
คนที่ทำเสร็จแล้วมักรู้สึกโล่งใจ อยู่รอดปลอดภัย จนกว่าจะมีเพื่อนที่ทำไม่เสร็จ แสดงอะไรบางอย่างออกมา เช่น เคาะแรงๆ หรือเพื่อนทำไม่เสร็จ จะรู้สึกตัวและลองแลกเปลี่ยนชิ้นส่วนออกมา
- เหตุปัจจัยที่ทำให้กลุ่มทำงานสำเร็จ
- การแบ่งปัน เกิดจาก
- ต้องมองภาพรวมของกลุ่ม
- การทำงานไม่สามารถมองเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งได้ ต้องมองความโยงใยสัมพันธ์กัน
- เห็นความสำเร็จร่วมของกลุ่มมาจากความสำเร็จของทุกคน
- ชีวิตจริง จะทำอย่างไรให้ทุกคนมองเห็นความสำเร็จของกลุ่มร่วมกัน
- มองเป้าหมายร่วมกัน
- มีการแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์และมุมมองในการทำงานให้เห็นภาพร่วมกัน
- เปิดใจ สื่อสารข้อติดขัดระหว่างกัน
- มองข้ามความแตกต่าง การแบ่งแยก
- มีปัจจัยภายนอกกดดัน จากการที่เห็นกลุ่มอื่นทำสำเร็จ
- เห็นว่าตัวเองทำสำเร็จ เลยอยากให้คนอื่นทำสำเร็จ
- มองเห็นความเชื่อมโยงของเรากับเพื่อน
- ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน มีความเสมอภาคในการทำงาน
- มีเวลาเข้ามาเป็นเงื่อนไข ซึ่งเป็นทั้งแรงเสริมและแรงกดดัน
- แรงกดดัน ช่วยให้
- เกิดการกระตุ้นในการทำงาน
- เกิดความต่อเนื่องกรณีที่บางคนหมดไฟ
- ขึ้นอยู่กับท่าทีและจังหวะ วิธีการที่สอดคล้องของแต่ละคน
- ชีวิตจริง เรามักมีกำแพงภายในที่ทำให้ไม่สื่อสารกับเพื่อน
- วิธีคิดแบบ win-win
กิจกรรมภาคบ่าย
"การเรียนรู้เกิดขึ้นตอนไหน"
1) หลังฟังกติกา โจทย์ เพราะ
- ต้องทำความเข้าใจโจทย์
- ใช้ความคิดในการแก้ไขโจทย์
การเรียนรู้ในชีวิตจริงต่างกับกิจกรรม เพราะ
- เราปัดสิ่งที่ไม่พอใจออกไปเร็ว
- เราเคยชินและมักใช้ประสบการณ์เก่าในการใช้ชีวิต
- มีเวลาเข้ามาเร่งรัด
- เคยผ่านการเรียนรู้มาแล้ว และจดจำจนทำเป็นอัตโนมัติ
- ขาดการตั้งคำถามในชีวิตจากตัวเราเองหรือคนอื่น
- คิดว่าไม่สำคัญหรือไม่มีผลกระทบให้เห็น
สิ่งที่ทำให้เรียนรู้เมื่ออยู่ในกิจกรรม
- มองเห็นโจทย์ชัดเจน
- ตัวเราเองมีความพร้อมในการเรียนรู้
- บรรยากาศรอบตัวเอื้อให้เกิดการเรียนรู้
- เงื่อนไขไม่มากและไม่ซับซ้อนเหมือนในชีวิตจริง
2) ระหว่างทำกิจกรรม เพราะ
- เมื่อลงมือทำ ทำให้เห็นเงื่อนไข ข้อจำกัดชัดเจนขึ้น
- มีการแก้ไข ปรับตัวจากข้อติดขัด
- เกิดคำถาม มีข้อสังเกตที่ต่างไปจากเดิม
- มีการลองผิดลองถูก
อะไรทำให้เราเกิดภาวะการเรียนรู้
- กลุ่มมีโจทย์ร่วมกัน
- ในกิจกรรมมีโอกาสและให้เวลาเราได้แก้ไขความผิดพลาด
- มีสติใคร่ครวญ
- ตื่นรู้ที่จะตอบสนอง
- ยอมรับกับสถานการณ์ตรงหน้าตามความเป็นจริง ทำให้
- ลดอัตตาลง
- เห็นมุมมองใหม่
3) ช่วงสรุปบทเรียน เป็นช่วงที่เรียนรู้ได้มาก เพราะ
- ได้ผ่านประสบการณ์
- ได้ทบทวนสิ่งที่ได้ทำไปแล้ว
- มีการตั้งคำถามจากตัวเองและจากเพื่อนแล้ว
- นำมาขบคิด
- เปรียบเทียบกับชุดความรู้เดิม
- เชื่อมโยงความคิดระหว่างเรากับเพื่อน
- เกิดการแลกเปลี่ยนและต่อยอดจนได้ความคิดใหม่
- เห็นกระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบ
- เกิดอารมณ์หรือความรู้สึกบางอย่าง กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้
เงื่อนไขที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ในชีวิตประจำวัน
- การให้คุณค่า ความสำคัญกับสิ่งที่เกิดขึ้น ความใส่ใจ
- การตั้งคำถามกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
- ไม่ด่วนตัดสิน ปัดทิ้งหรือรีบโอบกอด
- ลองเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย
- มีสติ นำบทเรียนมาใช้ (ระลึกรู้)
- จัดกระบวนการเรียนรู้
กระบวนกร คือ นักสร้างสรรค์กระบวนการเรียนรู้
กระบวนกร คือ ผู้ที่สร้างพื้นที่การเรียนรู้ให้คนได้ใช้ศักยภาพร่วมกัน
กระบวนการเรียนรู้
ความแตกต่างระหว่างพี่เลี้ยงกับกระบวนกร
พี่เลี้ยง
- ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ที่ลงไป
- ให้การเรียนรู้ตามประสบการณ์
- พี่เลี้ยงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกลุ่มเป้าหมายมากกว่า
กระบวนกรจัดกระบวนการ มีการสร้างโจทย์ เงื่อนไข
- หัวใจและหลักคิดของกระบวนกรสามารถนำไปปรับใช้ได้ในบทบาทและรูปแบบที่หลากหลาย
- เชิญชวนให้แลกเปลี่ยน
- ละวางความถูกผิด
ตัวอย่างหน้าที่กระบวนกร
- จัดการประชุมเปิดพื้นที่การมีส่วนร่วม
- พี่เลี้ยงสอนงาน
- ลงพื้นที่ดูงาน
- พ่อจัดกระบวนการเรียนรู้ให้ลูก
คุณสมบัติของกระบวนกร
- ตั้งคำถามให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิด
- นำไปสู่การเรียนรู้
- กระตุ้นความคิด ค้นหาทางออกหรือข้อสรุป
- เชื่อมโยงกับประสบการณ์ในอดีต ปัจจุบัน อนาคต
- มีทักษะในการพูดและนำเสนอ
- มีความรู้ในเรื่องที่จะพูด ทำให้ แยกแยะประเด็นได้
- ข้อสังเกต ถ้ายึดความรู้ที่มีของตัวเองทำให้สุ่มเสี่ยงในการครอบงำความรู้ให้เขา ปิดพื้นที่ในการเรียนรู้ร่วมกัน
- ท่าทีที่รับฟังอย่างตั้งใจ
- อดทนที่จะรับฟังแม้ว่าเราจะเห็นต่างหรือมีความรู้ที่แตกต่างไปจากผู้พูด
- ฟังอย่างใส่ใจ รับรู้สภาวะที่เกิดขึ้นตามที่เป็น
- จับประเด็นแม่นยำ ทำให้
- กลุ่มเห็นประเด็นชัด
- รับรู้ จับสังเกตการตอบสนองของกลุ่มและสถานการณ์
- มีไหวพริบจัดการสถานการณ์ กลุ่มผู้เรียนรู้
- บุคลิกภาพกระฉับกระเฉง มั่นใจ
- เปิดใจกว้าง ไม่ผูกขาดความจริง
- ทำการบ้านกับผู้เรียน
- วิธีการเรียนรู้ของกลุ่ม
- รู้จักพื้นฐานของกลุ่ม
- มีความนิ่ง ควบคุมอารมณ์
ทักษะการรับฟังอย่างลึกซึ้ง
- วิธีการฟังที่ดี
- ไม่พูดแทรก
- จดจ่อกับผู้พูด สบตา
- จัดบรรยากาศให้เอื้อต่อการรับฟัง
- ไม่ตัดสินความคิด ความเห็นที่ได้ยิน
- ตั้งข้อสังเกต เตรียมใจที่จะค้นหาความจริงจากผู้พูด
- วิเคราะห์ระหว่างฟัง
- ทำความเข้าใจกับเรื่องที่ได้ยิน
- รับรู้ความรู้สึกของผู้พูด
- กรณีผู้พูดมีอารมณ์ ความรู้สึกเราเพียงแต่รับรู้
- เตรียมกายและใจให้พร้อมฟัง
- ถามเพื่อให้ผู้พูด พูดชัดเจนขึ้น
- ฟังด้วยความผ่อนคลาย
กิจกรรม "กระบวนการฝึกการรับฟังอย่างลึกซึ้ง ครั้งที่ 1"
- แบ่งกลุ่มย่อยกลุ่มละ 6 คน
- วงสนทนามีคนคุย 4 คน
- ผู้ฝึกฟัง 2 คน บอกสิ่งที่ได้ยินในวงสนทนา
- พูดคุยในประเด็นที่เลือก 10 นาที สะท้อน 20 นาที
- เมื่อจบการสนทนาในแต่ละครั้ง
- ผู้ฟังทบทวนส่วนตัวในประเด็น
- ตนเองฟังแล้วได้ยินอะไรบ้าง
- เราอยู่กับวงสนทนาได้มากน้อยเพียงไร
- มีอะไรที่เป็นอุปสรรคในการรับฟังของเรา
- ผู้พูดทบทวนส่วนตัวว่าตนเองพูดในประเด็นใดบ้าง
- ผู้ฟังบอกให้วงสนทนาทราบว่าตนเองได้ยินอะไรจากการฟังการสนทนาบ้าง
- ผู้พูดสะท้อนผู้ฟังว่าประเด็นที่ได้ครบถ้วน ตรงตามที่พูดคุยกันหรือไม่ มีการตีความเพิ่ม/ตัดสิน เพิ่มความคิดเห็นอย่างไร
- ผู้ฟังทบทวนส่วนตัวในประเด็น
ประเด็นพูดคุย
- ทำงานวันหยุดทุ่มเทหรือขาดประสิทธิภาพ
- คนรุ่นใหม่ทำงานไร้วินัยจริงหรือ
- จะใช้ social media อย่างไรไม่ให้เสียงาน
- โรฮิงญาปัญหาของโลกหรืออาเซียน
- การทำแท้งคือทางออกของท้องไม่พร้อมจริงหรือ
- บริโภคสื่ออย่างไรไม่ให้จิตตก
- ชีวิตนักพัฒนา “ชุมชนเข้มแข็ง ครอบครัวล่มสลาย”
- คนรุ่นใหม่กับอุดมคติในการทำงานเพื่อสังคมลดลงหรือไม่ อย่างไร
27 พฤษภาคม 2558
กิจกรรมภาคเช้า
สรุปบทเรียนการฝึกการรับฟังอย่างลึกซึ้ง ครั้งที่ 1
อุปสรรคในการฟัง
- มีความคิดของเราไปผสมกับเรื่องที่เพื่อนพูด
- คิดนำเรื่องที่เพื่อนพูด
- คิดต่อยอดจากเรื่องที่เพื่อนพูด
- วิธีแก้ไข
- เมื่อรู้ตัวระหว่างการฟัง ให้เตือนตัวเองให้รับฟัง
- จับสังเกตว่า เรื่องที่เรามักแทรกเป็นเรื่องใด
- ใคร่ครวญภายใน หาสาเหตุหรือสิ่งที่แทรกแซง
- ฝึกความรู้สึกตัว “สติ” บ่อยๆ?
- ให้เพื่อนสะท้อนบอกสิ่งที่เขาพูด เทียบกับสิ่งที่เราได้ยิน
- ย้อนคิดสิ่งที่เพื่อนพูดไปแล้ว
- วิธีแก้ไข
- เมื่อรู้ตัวให้กลับมารับฟังสิ่งที่เพื่อนพูด ณ ปัจจุบัน
- เตือนตัวเองว่า ผิดพลาดได้ เผลอได้ ให้โอกาสเริ่มใหม่
- จำไม่ได้ จำได้สั้นๆ
- วิธีแก้ไข
- มี keyword ช่วยจำ
- ฟังอย่างตั้งใจ ทำความ เข้าใจกับเรื่องที่ฟัง
- หาสาเหตุว่า อะไรเป็นตัวดึงดูดเราออกจากเรื่องที่ฟัง
- ฝึกรู้ตัว ปล่อยวางอารมณ์ ความรู้สึก ความคาดหวัง
- ใส่ใจกับผู้พูด
- ลดพฤติกรรมที่ทำให้เราหันเหความสนใจได้เร็ว เพิ่มการจดจ่อกับการทำบางสิ่งอย่างต่อเนื่อง เช่น การใช้ social media ไปพร้อมๆกับการดูโทรทัศน์
- ทบทวนตัวเองก่อนนอน
- ฝึกแยกประสาทการรับรู้บางช่วง
การฟังอย่างลึกซึ้ง ช่วยให้เราสามารถจับได้มากกว่าเนื้อหาที่ผู้พูดต้องการสื่อ ทำให้เราสามารถจับอารมณ์ ความรู้สึก ความคิด ความเชื่อ อคติ ความต้องการ ความคาดหวังของผู้พูดได้ด้วย
กิจกรรม "กระบวนการฝึกการรับฟังอย่างลึกซึ้ง ครั้งที่ 2"
- แบ่งกลุ่มย่อยกลุ่มละ 6 คน
- วงสนทนามีคนคุย 4 คน
- ผู้ฝึกฟัง 2 คน บอกสิ่งที่ได้ยินในวงสนทนา
- พูดคุยในประเด็นที่เลือก 10 นาที สะท้อน 20 นาที
- เมื่อจบการสนทนาในแต่ละครั้ง
- ผู้ฟังทบทวนส่วนตัวในประเด็น
- ตนเองฟังแล้วได้ยินอะไรบ้าง เห็นสิ่งที่อยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็งของผู้พูดอย่างไร
- เราอยู่กับวงสนทนาได้มากน้อยเพียงไร
- มีอะไรที่เป็นอุปสรรคในการรับฟังของเรา
- ผู้พูดทบทวนส่วนตัวว่าตนเองพูดในประเด็นใดบ้าง
- ผู้ฟังบอกให้วงสนทนาทราบว่า
- ตนเองได้ยินอะไรจากการฟังการสนทนาบ้าง
- สะท้อนสิ่งที่อยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็ง
- ผู้พูดสะท้อนผู้ฟังว่าประเด็นที่ได้ครบถ้วน ตรงตามที่พูดคุยกันหรือไม่ มีการตีความเพิ่ม/ตัดสิน เพิ่มความคิดเห็นอย่างไร
- ผู้ฟังทบทวนส่วนตัวในประเด็น
ประเด็นพูดคุย
- ทำงานวันหยุดทุ่มเทหรือขาดประสิทธิภาพ
- คนรุ่นใหม่ทำงานไร้วินัยจริงหรือ
- จะใช้ social media อย่างไรไม่ให้เสียงาน
- โรฮิงญาปัญหาของโลกหรืออาเซียน
- การทำแท้งคือทางออกของท้องไม่พร้อมจริงหรือ
- บริโภคสื่ออย่างไรไม่ให้จิตตก
- ชีวิตนักพัฒนา “ชุมชนเข้มแข็ง ครอบครัวล่มสลาย”
- คนรุ่นใหม่กับอุดมคติในการทำงานเพื่อสังคมลดลงหรือไม่ อย่างไร
กิจกรรมภาคบ่าย
"การจับประเด็น"
การจับประเด็น คือ :
- ใจความสำคัญของเรื่อง
- ความต้องการของผู้พูด
- ประเด็นหลักของสิ่งที่เพื่อนพูด
- การย่อความ
- การจับสารที่ผู้พูดต้องการส่งสารให้กับผู้ฟัง
- ดึงคำสำคัญ (keyword) มาตั้งคำถามหรือข้อสังเกต
- สรุปความของผู้พูด
กระบวนการจับประเด็น
- ทำความเข้าใจกับสิ่งที่ผู้พูดกำลังสื่อ
- มีเนื้อความอะไร
- ขมวดความเป็นแก่นสำคัญของเรื่องนั้น
- จัดเรียงเป็นรูปประโยคให้เข้าใจง่าย
- การจับประเด็นเชิงลึกสามารถจับได้ถึงอคติของผู้พูดหรือผู้เขียน
รูปแบบในการจับประเด็น
- การพูดคุย
- การดูหนัง
- การอ่านหนังสือ
- การชมงานศิลปะ
- การดูละคร
- การจับประเด็นภายในตนเอง
- สังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นภายในตัวเรา
- ทำให้
- ล่วงรู้ความคิด ความรู้สึก ความต้องการเราชัดเจนขึ้น
- ยอมรับและเข้าใจตนเอง
- เกิดความสงบภายใน นิ่งมากขึ้น
- จับประเด็นโลกรอบตัว
- ปรากฏการณ์ของกลุ่มคน
- สถานการณ์ในสังคม
- สิ่งแวดล้อมรอบตัว
วิธีการที่จะทำให้จับประเด็นได้เก่ง แม่นยำ
- ใส่ใจฟัง ให้ความสำคัญกับผู้พูด แต่ไม่จดจ่อหรือเครียดจนเกินไป
- นึกในใจไว้ว่าผู้