โครงการ Green Heart Green World พัฒนาแกนนำเครือข่ายเยาวชนหัวใจสีเขียว
กลุ่มนักคิดเพื่อสังคมจ.ตาก
“ลำห้วยกล้อทอ” แหล่งชุ่มน้ำที่สำคัญถูกจัดอยู่ในเขตพื้นที่ต้นน้ำชั้นเอ ถือเป็นต้นน้ำ ต้นกำเนิดของน้ำตกทีลอซู ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สำคัญ และถือเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่คนอำเภออุ้งผางภาคภูมิใจ ก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำแม่กลองที่ ต. แม่ละมุ้ง อ. อุ้มผาง นอกจากนี้พื้นที่ต้นน้ำกล้อทอยังเป็นที่ตั้งของชุมชนชาวปกาเกอญอที่มีวิถีชีวิต ความเป็นอยู่พึ่งพาอาศัย และผูกพันกับผืนป่ามาตั้งแต่บรรพบุรุษ
จากปัญหาการตัดไม้และบุกรุกพื้นที่ป่าอย่างต่อเนื่องและขยายเป็นวงกว้างขึ้นทุกๆ ปี เพื่อปลูกพืชเชิงเดี่ยว โดยเฉพาะข้าวโพดที่นอกจากจะทำให้สูญเสียพื้นที่ป่าไม้อย่างรวดเร็วแล้วยังมีการใช้สารเคมีและปนเปื้อนสู่แหล่งน้ำ ปัญหาเหล่านี้ได้ก่อให้เกิดผลเสียมากมายตามมา ที่เห็นได้ชัด ด้วยต้องใช้ชีวิตและทำกิจกรรมอยู่ในพื้นที่ กลุ่มเด็กเยาวชน ได้รับรู้ถึงสถานการณ์ปัญหา มองเห็นตัวเองน่าเป็นกำลังสำคัญในการดูแลรักษาสิ่งดีงามเพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติอยู่มั่นคงตลอดกาล และเริ่มรู้สึกว่าปัจจุบันทรัพยากรธรรมชาติให้ปัจจัยที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์นั้นลดลงไปเป็นจำนวนมาก และหากยังคงมีการทำลายทรัพยากรธรรมชาติมากยิ่งขึ้นไป สุดท้ายโลกใบนี้ก็จะไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ “ธรรมชาติอยู่ได้โดยไม่มีมนุษย์ แต่มนุษย์อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีธรรมชาติ”
กลุ่มเป้าหมาย/พื้นที่ดำเนินการ เยาวชนในพื้นที่อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก
โครงการ Green Heart Green World พัฒนาแกนนำเครือข่ายเยาวชนหัวใจสีเขียว
กลุ่มนักคิดเพื่อสังคมจ.ตาก
“หากเอ่ยถึงแหล่งท่องเที่ยวในเมืองอุ้มผาง จังหวัดตาก"น้ำตกทีลอซู"คงเป็นคำตอบแรกๆ ของนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ เพราะน้ำตกแห่งนี้ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามติดอันดับโลกเลยทีเดียว”
“ลำห้วยกล้อทอ” แหล่งชุ่มน้ำที่สำคัญถูกจัดอยู่ในเขตพื้นที่ต้นน้ำชั้นเอ ถือเป็นต้นน้ำ ต้นกำเนิดของน้ำตกทีลอซู ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สำคัญ และถือเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่คนอำเภออุ้งผางภาคภูมิใจ ก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำแม่กลองที่ ต. แม่ละมุ้ง อ. อุ้มผาง นอกจากนี้พื้นที่ต้นน้ำกล้อทอยังเป็นที่ตั้งของชุมชนชาวปกาเกอญอที่มีวิถีชีวิต ความเป็นอยู่พึ่งพาอาศัย และผูกพันกับผืนป่ามาตั้งแต่บรรพบุรุษ
จากปัญหาการตัดไม้และบุกรุกพื้นที่ป่าอย่างต่อเนื่องและขยายเป็นวงกว้างขึ้นทุกๆ ปี เพื่อปลูกพืชเชิงเดี่ยว โดยเฉพาะข้าวโพดที่นอกจากจะทำให้สูญเสียพื้นที่ป่าไม้อย่างรวดเร็วแล้วยังมีการใช้สารเคมีและปนเปื้อนสู่แหล่งน้ำ ปัญหาเหล่านี้ได้ก่อให้เกิดผลเสียมากมายตามมา ที่เห็นได้ชัด คือ ปริมาณน้ำในน้ำตกทีลอซูลดน้อยลง ปริมาณน้ำที่แอ่งน้ำที่ป่าต้นน้ำที่ชาวบ้านกล้อทอ ตำบลแม่จันใช้อุปโภคบริโภคลดน้อยลง จนเหือดแห้งในฤดูแล้ง ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน นอกจากนั้นการทำไร่ข้าวโพดนั้นทำลายหน้าดินเป็นจำนวนมาก เมื่อฝนตกหนัก ดินจำนวนมหาศาล ได้ไหลลงสู่ลำห้วย แม่น้ำ ก่อให้เกิดความตื้นเขิน และกีดขวางทางน้ำไหล การใช้สารเคมีจำนวนมากในการทำการเพาะปลูก ได้ทำลายระบบนิเวศอย่างหนัก จนส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตตลอดจนสุขภาพของคนในชุมชน การตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่ดังกล่าว ยังดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่องแทบทุกวัน ซึ่งจะส่งผลเสียหายต่อชุมชนอย่างมหาศาลหากไม่ช่วยกันดูแลรักษาผืนป่าให้คงอยู่ในอนาคต
ด้วยต้องใช้ชีวิตและทำกิจกรรมอยู่ในพื้นที่ กลุ่มเด็กเยาวชน ได้รับรู้ถึงสถานการณ์ปัญหา มองเห็นตัวเองน่าเป็นกำลังสำคัญในการดูแลรักษาสิ่งดีงามเพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติอยู่มั่นคงตลอดกาล และเริ่มรู้สึกว่าปัจจุบันทรัพยากรธรรมชาติให้ปัจจัยที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์นั้นลดลงไปเป็นจำนวนมาก และหากยังคงมีการทำลายทรัพยากรธรรมชาติมากยิ่งขึ้นไป สุดท้ายโลกใบนี้ก็จะไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ “ธรรมชาติอยู่ได้โดยไม่มีมนุษย์ แต่มนุษย์อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีธรรมชาติ”
หากชาวบ้านยังไม่หันมาใส่ใจดูแลรักษาป่า ร่วมกับมือน้อยๆ ของกลุ่มเยาวชนเครือข่ายอำเภออุ้มผางหลายร้อยมือ ที่ช่วยกันปลูกป่า ปรับปรุงพื้นที่ ประชาสัมพันธ์ สานความร่วมมือจากหลายๆ หน่วย เพียงเพื่อรักษาผืนป่าต้นน้ำทีลอซูให้คงอยู่กับชุมชนต่อไปอย่างยั่งยืน
จากเด็กกลุ่มเล็กๆ ขยายเป็นเครือข่ายทำงาน
การตั้งถิ่นฐานและอพยพเข้ามาอยู่อาศัยของผู้คนในพื้นที่อำเภออุ้มผาง ทำให้เกิดความหลากหลายของชาติพันธุ์ที่มาอยู่รวมกันถึง 11 ชนเผ่า และใช้ภาษาที่แตกต่างกัน 9 ภาษา แต่เด็กและเยาวชนสามารถอยู่รวมกันเป็นหนึ่งในโรงเรียนอุ้มผางวิทยาคม ด้วยความแตกต่างแต่ไม่แตกแยก กลุ่มแกนนำเยาวชนได้ถือกำเนิดขึ้นในนาม "กลุ่มเยาวชนอำเภออุ้มผาง" โดยมีนายอดิศร บุญตาล อดีตประธานกลุ่มดอกเสี้ยว ถ่ายทอดแนวคิด และสานความร่วมมือกับ นายสมประสงค์ มั่งอะนะ ผู้อำนวยการโรงเรียนอุ้มผางวิทยาคม เปิดรับสมัครสมาชิกเข้าร่วมกิจกรรมซึ่งเป็นการส่งไม้ต่อจาก "กลุ่มหนุ่มสาวอุ้มผาง" ในอดีต มาสู่ "กลุ่มเยาวชนอำเภออุ้มผาง" เน้นข้อมูลด้านวิชาการ ข้อมูลบุคคลที่เคยร่วมงานในกลุ่ม และชาวบ้านในอดีต เพื่อให้กลุ่มเยาวชนรุ่นหลังได้ทราบถึงความเป็นมา รวมถึงกิจกรรมในท้องถิ่น สานต่อเจตนารมณ์ในการดูแลรักษาป่าให้อยู่คู่อุ้มผางตลอดไปแนวคิดการทำงานคือ การรักษาพื้นที่ป่าไว้ให้มากที่สุด และปลูกเสริมในพื้นที่เสื่อมโทรม ป้องกันการบุกรุกป่า เพิ่มปริมาณต้นไม้ในป่า รณรงค์ให้ชาวบ้านใช้ประโยชน์จากป่าอย่างยั่งยืน
"เราเกิดมาก็เห็นน้ำตกทีลอซูมาตั้งแต่เด็ก เห็นป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ที่เป็นแหล่งกำเนิดของน้ำตก พอต่อมาเรารู้สึกว่าป่ามันหายไปอย่างมาก เพราะมันมีการทำลายป่าเข้าไปทำกินในป่า เช่น การมีนายทุนไปกว้านซื้อที่ดินแล้วไปทำไร่ต่างๆ ในป่าทำให้ความสมบูรณ์ของป่าหายไปอย่างเห็นได้อย่างชัดเจน เราเคยลองคิดกันเล่นๆ ว่าถ้าป่ามันหมดไปจริงๆ แล้วน้ำตกทีลอซูที่เป็นแหล่งรายได้หลักของอุ้มผางซึ่งอาจจะหมายถึงประเทศไทยด้วยก็คงจะหายไปด้วย เราจึงเขาไปถามพ่อแม่ผู้ใหญ่ในชุมชนว่าเราควรจะทำอย่างไร จะรักษาป่านี้ไว้ เราก็ได้คำตอบว่าก่อนที่มีการเริ่มถากถางป่าใหม่ก็มีคนที่จะดำเนินการอนุรักษ์ป่าแต่ก็โดนอิทธิพลต่างๆ ไม่ให้ทำได้ คือ เราได้รู้ว่าเคยมีคนคิดจะอนุรักษ์เราก็เคยอยากทำบ้างเพราะที่นี้คือบ้านของเรา เราเลยมาคุยกันกับเพื่อนและคุณครูที่โรงเรียนอุ้มผางวิทยาคมว่าเราควรทำอย่างไร เราก็เริ่มการออกตระเวนในพื้นที่อุ้มผางขอการสนับสนุนเพื่อนำมาฟื้นฟูป่าที่เราพอจะทำได้ จึงมีการจัดตั้งกลุ่มเยาวชนอุ้มผางขึ้นและทำงานร่วมกันกับเพื่อนต่างโรงเรียนเพื่อสร้างเครื่อข่ายเพื่อรักษาป่าไว้ เพราะถ้าเรารักษาป่าไว้ก็เท่ากับเรารักษาทีลอซูด้วย"ใบเฟิร์น(สาวลักษิกา สมจิตร)แกนนำกลุ่มนักคิดเพื่อสังคมและแกนนำรุ่นแรกกลุ่มเครือข่ายเยาวชนอำเภออุ้มผาง บอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นของกลุ่มเครือข่ายฯ
ปี 2552 กลุ่มเยาวชนอำเภออุ้มผาง จัดการออกค่ายที่โรงเรียนกล้อทอ จึงจัดตั้งคณะกรรมการประสานงาน รับสมัครสมาชิกใหม่ และเปลี่ยนชื่อเป็น "กลุ่มเครือข่ายเยาวชนอำเภออุ้มผาง" เพื่อให้การทำงานครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งอำเภออุ้มผาง การทำงานของกลุ่มเยาวชนเครือข่ายอำเภออุ้มผาง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กมัธยมศึกษา สร้างการมีส่วนร่วมให้คนในชุมชนหันมาอนุรักษ์ป่ามากขึ้น "คือ... ใครก็รักบ้านเกิดกันทั้งนั้นพวกเรายังเป็นเด็กอยู่ในการทำงานจึงไม่ค่อยมีปัญหาอะไร เพราะในการทำกิจกรรมรณรงค์มันต้องมีค่าใช้จ่ายเราก็ใช้วิธีการขอบริจาคตามรีสอร์ทต่างๆ ซึ่งมีมากในอุ้มผางเพื่อมารณรงค์และทำกิจกรรมอนุรักษ์ป่าไม้ ผู้ใหญ่ก็ใจดีและยินดีที่เราออกมาทำกิจกรรมอย่างนี้ คืออย่างน้อยผู้ใหญ่ก็เห็นว่าเราทำสิ่งที่มีประโยชน์ต่อสังคม การสนับสนุนจึงมีพอสมควร นอกจากนั้นการทำงานในระดับพวกเราก็ทำงานร่วมกับเพื่อนๆ ต่างโรงเรียนอื่นๆ ที่อยู่ในเขตอำเภออุ้มผาง โดยมีวัตถุประสงค์ร่วมกันในการอนุรักษ์ป่าไม้ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของน้ำตกทีลอซูเอาไว้ เราก็ดีใจที่ผู้ใหญ่ยังให้ความสำคัญกับการทำงานของเรา และอยากจะอนุรักษ์ป่าไว้เพื่อเราจะมีน้ำตกทีลอซูเที่ยวกันนาน" น้องอิ๋ว (จันจนา หมื่นอินต๊ะ) แกนนำของกลุ่มเครือข่ายเยาวชนอำเภออุ้มผางกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
เมื่อจบ ม. 6 ใบเฟิร์น และเพื่อนๆ แกนนำต้องแยกย้ายไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่ตัวเองสอบได้ จากประสบการณ์ทำกิจกรรมและช่องทางการเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยของใบเฟิร์น คือ การคัดเลือกนักศีกษาที่ทำกิจกรรมสิ่งแวดล้อมในชุมชน ใบเฟิร์น จึงได้รวมกลุ่มกับเพื่อน จัดตั้ง กลุ่มนักคิดเพื่อสังคม สาขาปรัชญาและศาสนา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทำกิจกรรมและโครงการด้านสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน โดยไม่ลืมงานที่ตัวเองขับเคลื่อนอยู่ในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำให้น้องๆ แกนนำแถว 2 ที่ยังไม่มีประสบการณ์การเป็นแกนนำหลักในการคิดงานเองในพื้นที่ ซึ่งต้องพัฒนาพวกเขาขึ้นมา และทำงานเชื่อมประสานขับเคลื่อนงานไปด้วยกันให้ได้ แม้ว่าแกนนำรุ่น 1 จะกลับเข้าไปทำกิจกรรมได้เพียงช่วงเปิดเทอม หรือวันหยุดยาวเท่านั้น
พัฒนาเครือข่ายแกนนำเยาวชนหัวใจเขียว
"ความสวยงามของน้ำตกทีลอซูและผืนป่าที่นักท่องเที่ยวได้มาเห็นนั้น เบื้องหลังของผืนต้นน้ำเต็มไปการบุกรุกป่าเพื่อปลูกพืชเชิงเดี่ยว โดยเฉพาะข้าวโพด มีการใช้สารเคมีและปนเปื้อนสู่แหล่งน้ำ ก่อนจะไหลลงมาสู่ชุมชน หากไม่ช่วยกันดูแลรักษาผืนป่าให้คงอยู่ อนาคตก็จะไม่มีสายน้ำตกที่สวยงามให้ได้ชมกันอีกต่อไป และจะส่งผลกระทบต่อชุมชนที่ต้องอาศัยน้ำในการหล่อเลี้ยงชีวิตอีกมากมาย" ใบเฟิร์น สรุปภาพปัจจุบันที่สะท้อนถึงอนาคต
เมื่อกลุ่มนักคิดเพื่อสังคม ได้เล็งเห็นความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติและปัจจัยที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของคนในพื้นที่ จึงได้ดำเนินการรวมกลุ่มคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน กล่าวคือ มีความรัก หวงแหนและต้องการรักษาทรัพยากรธรรมชาติมาทำกิจกรรมร่วมกันโดยมีภาคีเครือข่าย คือ กลุ่มนักคิดเพื่อสังคม มช., ชมรมอาสาพัฒนา มช. ,ชมรมนักสื่อความหมายธรรมชาติ และกลุ่มเครือข่ายเยาวชนอำเภออุ้มผาง ร่วมกันทำงาน เพื่อพัฒนาเครือข่ายแกนนำเยาวชนหัวใจสีเขียวร่วมอนุรักษ์ดูแลทรัพยากรป่าต้นน้ำ และให้เครือข่ายเยาวชนในพื้นที่ได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ รวมไปถึงการพัฒนาศักยภาพของกลุ่มเยาวชนในการร่วมฟื้นฟูดูแลพื้นที่ป่าต้นน้ำให้ดียิ่งขึ้น และสร้างความเข้าใจให้กับคนในชุมชนถึงสภาพปัญหาและแนวการฟื้นฟูพื้นที่ป่าต้นน้ำ “เรายังได้เล็งเห็นความสำคัญของเยาวชน ที่จะเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติ หากปลูกฝังจิตสำนึกและเจตนารมณ์ที่ดีให้แก่เยาวชนเหล่านั้น ในอนาคตก็จะมีนักอนุรักษ์ธรรมชาติเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากและสามารถขยายเครือข่ายไปตามหน่วยงานต่างๆ ที่สำคัญทรัพยากรธรรมชาติสามารถกลับคืนสู่โลกของเราได้อย่างยั่งยืนสืบไป”
ค่าย“Green Heart …Green World: พัฒนาแกนเครือข่ายแกนนำเยาวชน” จึงเกิดขึ้นหลังจากที่ใบเฟิร์นและเพื่อนๆ แกนนำได้หารือและสรุปร่วมกัน เพื่ออบรมเสริมทักษะการทำกิจกรรมและขยายเครือข่ายให้เพิ่มขึ้น เรียนรู้และสำรวจพื้นที่ป่าต้นน้ำกล้อทอ น้ำตกทีลอซูอำเภออุ้มผาง โดยหน้าที่หลักในการออกแบบกิจกรรมหลักๆ อยู่ที่ใบเฟิร์ม และมิ้มช่วยกันวาง ประกอบด้วย การอบรมเสริมสร้างทักษะการลงสำรวจและรวบรวมข้อมูลสถานการณ์พื้นที่ป่าต้นน้ำ เช่น สภาพป่า เนื้อที่ ความหลากหลายของป่า กิจกรรมนักสืบสายน้ำ กิจกรรมนักสืบสายลม และจัดทำลายแทงธรรมชาติ บ้านกล้อทอ สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมและปัญหาในพื้นที่ น้องๆ แกนนำแถว 2 ซึ่งเรียนอยู่ในโรงเรียนอุ้มผางวิทยาคม ทำหน้าที่ประสานเชิญชวนเพื่อนๆ ในโรงเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในวันเสาร์-อาทิตย์ ตามเวลาที่กำหนด เมื่อวันจัดค่ายมาถึงใบเฟิร์มและเพื่อนๆ เดินทางกลับมาในชุมชนก่อน 1 วัน เพื่อเตรียมประชุมแบ่งบทบาทหน้าที่ เช็คความพร้อมของงานกับน้องๆ ในพื้นที่ ทุกอย่างถูกประสานเรียบร้อยจากช่วยกันประสานความร่วมมือมาเป็นระยะ แม้จะมีปัญหาบ้างด้วยอยู่คนละพื้นที่ แต่ปัญหาต่างๆ ก็ถูกแก้ไข โดยมีพ่อและแม่ของใบเฟิร์นคอยช่วยเหลือและจัดเตรียมเรื่องอาหารการกิน ด้วยการภารหน้าที่ การเรียน และต้องช่วยพ่อแม่หาเงิน ใบเฟิร์นและมิ้น จึงมีเวลาในการเตรียมกิจกรรมน้อย อีกทั้งเพื่อนๆ จากมหาวิทยาลัยที่นัดหมายไว้ไม่สามารถมาร่วมจัดกิจกรรมครั้งนี้ได้ ทำให้อุปกรณ์สำหรับกิจกรรมนักสืบสายน้ำไม่พร้อม มีระยะเวลาในการจัดกิจกรรมน้อย กิจกรรมจัดทำลายแทงธรรมติ เพื่อสะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมจึงถูกยกเลิกไป แต่กระนั้นกลุ่มเป้าหมายที่เชิญชวนให้มาเข้าค่ายก็ยังคงเหนียวแน่นมากันครบ 30 คน หนึ่งในแกนนำรุ่น 2 เล่าให้ฟังถึงกลยุทธ์ที่ใช้เชิญเพื่อนๆ มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ “หนูช่วยกันแจ้งข่าวผ่าน Facebook ของพวกเราค่ะ ก็มีเพื่อนๆ ที่สนใจมาถาม และลงชื่อกันไว้ ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะมากันจริงๆ”
เมื่อได้เรียนรู้ ได้สมาชิกใหม่และแนวร่วมขันอาสาเป็นแกนนำ หลังจัดค่ายเสร็จเพียง 2 วัน ใบเฟิร์ม ชวนน้องๆ แกนนำ มาพูดคุย หลายคนขันอาสาลุกขึ้นมาขอเป็นแกนนำจัดเตรียมงาน “ฟื้นฟูป่าที่จะเกิดขึ้นใน 1 อาทิตย์ ถัดไป” อย่างขมีขมั่น ขันอาสารับผิดชอบหน้าที่หลัก พยายามเรียนรู้กระบวนการทำงานทั้งหมด และบทบาทหน้าที่ของตัวเอง
บทเรียนอันยิ่งใหญ่ ล้มเหลวหรือสำเร็จ
แม้จะไปไม่ถึงฝันสวยงาม เพราะด้วยภารกิจด้านการเรียนที่ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาลงมาขับเคลื่อนงานในพื้นที่ ทักษะการบริหารจัดการเพื่อพัฒนาศักยภาพแกนนำรุ่นใหม่ยังไม่เข้มแข็ง เข้มข้น ต้องการกระบวนการชวนคิด ชวนมอง ชวนคุยสรุปบทเรียนเป็นระยะและอย่างใกล้ชิดจากพี่เลี้ยง แต่วันนี้กลุ่มนักคิดเพื่อสังคม และเครือข่าย..... ก็ได้ช่วยกันสร้างสมาชิกใหม่ที่สนใจอยากจะเรียนรู้เรื่องทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในถิ่นที่อยู่ อยากมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมที่เกิดขึ้นในชุมชน อีกทั้งได้เรียนรู้ร่วมกันแล้วว่างานจะสำเร็จได้ต้องมีส่วนร่วมกันทุกฝ่าย และเข้าใจถึง “การมีส่วนร่วม” ที่มิใช่เพียงการร่วมทำตามคำสั่งของพี่เพียงอย่างเดียว แต่ต้องเปิดโอกาสให้น้องๆ แกนนำแถว 2 ได้มีโอกาสร่วมคิด และรับอาสารับผิดชอบงานถามความถนัดด้วย การออกแบบกิจกรรมต้องตอบเป้าหมายหรือสิ่งที่อยากจะให้เกิดขึ้น ต้องเตรียมการดีๆ “ถ้าจะให้น้องๆ ได้รู้จักต้นไม้ก็ต้องพาเขาลงไปดู ไปเห็นของจริง แต่ก็ขาดคนที่บอกเขาแนะนำเขาไม่ได้ และหากพาผู้รู้ คนที่ใช้ประโยชน์ในชุมชนไปแนะนำบอกเขาก็จะยิ่งดี น้องๆ จะได้เห็นว่าป่า ต้นไม้ มันสำคัญนะ มีคนได้ประโยชน์จากที่ต้นไม้มันยังอยู่”
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือได้เห็นพลังบริสุทธ์ของเด็กรุ่นใหม่ที่ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และทำให้เด็กๆ เหล่านี้กล้าที่จะทำงานเพื่อสังคมบ้านเกิดโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนเป็นสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่าทำไมเด็กกลุ่มเครือข่ายเยาวชนอำเภออุ้มผางจึงกล้าที่จะลุกขึ้นมาทำกิจกรรมที่เด็กๆ ในวัยเดียวกันเอาเวลาเหล่านี้ไปเที่ยวเล่น พร้อมทั้งการต่อสู้ในระบบการศึกษาไม่เอื้อต่อการทำกิจกรรมที่หนักเกินเด็ก เป็นที่น่าชมเชยเป็นอย่างยิ่งว่าเด็กๆ สามารถที่จะจัดการกับตัวเองได้อย่างเป็นระบบ"การทำกิจกรรมอย่างนี้เราต้องรู้จักแบ่งเวลาให้ถูกต้องด้วย การประสานงานระหว่างกันซึ่งอยู่กันคนละที่ต้องทำงานเชื่อมกันให้ได้ เพราะถ้าเราไม่ทำทุกอย่างก็จะไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งการเรียนและกิจกรรมที่ทำอยู่ เหมือนการทำงานครั้งนี้หนูก็ต้องออกไปเรียนที่เชียงใหม่ ทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัยด้วย เรียนด้วย ทำงานหาเงินด้วย ก็อยากจะให้น้อง ๆ แกนนำรุ่นใหม่ทุกคนหันมาและพร้อมที่จะลุกขึ้นมาเป็นกำลังหลักทำงานเพื่อชุมชนที่เราอาศัยอยู่ทำในสิ่งที่เราทำได้เล็กๆ น้อยๆ เหมือนอย่างที่เราทำการอนุรักษ์ป่ายิ่งมีมากเท่าไรมันก็จะส่งผลดีให้เราทุกคน เพื่อให้ความสมบูรณ์ของธรรมชาติกลับคืนมาอีกครั้ง"ใบเฟิร์น กล่าวส่งท้าย
แกนนำเยาวชน
ลักษิกา สมจิตร (ใบเฟิร์น) อายุ 19 ปี
กำลังศึกษาระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 1 สาขาปรัชญา คณะมนุษย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
จากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาหลายปีทำให้เฟิร์นเป็นคนกล้าแสดงออก และถนัดกับการประสานงานและความร่วมมือจากกลุ่มคนต่างๆ มีความสามารถในการทำโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมอยู่บ้าง
เฟิร์นลุกขึ้นมาขับเคลื่อนงานต่อด้วยเหตุผลเพราะว่า “อยากเห็นความอุดมสมบูรณ์ของสภาพแวดล้อม, เห็นปัญหาจึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยดูแลและอนุรักษ์ทรัพยากร เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเพื่อนเกี่ยวกับปัญหาและอุปสรรคเพื่อช่วยกันแก้ไข”
ณิชาดาสิงโตนารา (มิ้ม) อายุ 18 ปี
กำลังศึกษาระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 1 สาขาปรัชญา คณะมนุษย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
มิ้นเล่าให้ฟังว่าเหตุผลที่ลุกขึ้นมาทำโครงการนี้กับเพื่อน “ตัวเองมีความรักในสิ่งแวดล้อม ชอบธรรมชาติ อยากพัฒนาส่งเสริมและดูแลสังคม ชอบการทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์”
เดิมทีนั้น มิ้นเองเป็นคนที่กล้าคิด กล้าพูด กล้าแสดงออก และพอจะมีความสามารถในการทำโครงการเกี่ยวกับสังคมและสิ่งแวดล้อมอยู่บ้าง
ที่ปรึกษาโครงการ
ระพี แสงสาคร
(พี) อายุ 38 ปี
จบการศึกษาระดับปริญญาตรี (สาขาปรัชญา) และกำลังศึกษาระดับปริญญาเอก (ปรัชญา) Visva-bharati University (มหาวิทยาลัยใต้ต้นไม้) ประเทศอินเดีย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งอาจารย์ คณะมนุษย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
อาจารย์พี ถูกเชิญให้มาเป็นที่ปรึกษาของกลุ่มฯ โดยมีบทบาทหน้าที่อำนวยการ ประสานงานให้กับเยาวชนในทุกๆ ด้าน ทั้งนี้อาจารย์พี ได้เล่าให้ฟังถึงเหตุผลที่ตัดสินใจรับคำเชิญจากน้องๆ “ผมมีความสุขที่ได้เป็น “ผู้ให้” และทำกิจกรรมดีๆ และสร้างสรรค์สังคม, อยากบ่มเพาะเยาวชนและมีส่วนช่วยสร้างโอกาสและเรียนรู้ประสบการณ์การทำงานไป
ด้วยกันกับเยาวชน ได้รับโอกาสดีๆ ประสบการณ์จากครูอาจารย์รุ่นก่อนจึงอยากจะส่งต่อโอกาสเหล่านี้ไปยังรุ่นต่อๆ ไป” จึงได้นำความถนัดและความสามารถทั้งเรื่องการพูด การนำเสนอ การวางแผน และประสานงานในการทำโครงการและกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งการทำสื่อ Multimedia มาหนุนเสริมทักษะและให้คำแนะนำกับน้องๆ ในกระบวนการทำงานให้สำเร็จ
บทบาทของอาจารย์พีจะชัดเมื่อกระบวนการทำงานที่หาข้อสรุปกันเองไม่ได้ ก็จะเข้ามาขอคำปรึกษา โดยส่วนใหญ่แล้วอาจารย์พีจะปล่อยให้แกนนำเยาวชนคิดและขับเคลื่อนงานกันเอง ตัวเองจะคอยดูอยู่ห่างๆ และหากเห็นว่าน้องๆ สามารถเคลื่อนงานไปได้ก็ปล่อยให้ได้เรียนรู้กันไป “ผมว่ากลุ่มนี้เขามีต้นทุนของตัวเองเยอะ เด็กเก่ง สามารถคิดเอง บริหารจัดการกันเองได้ และเขามีโอกาสเยอะ คนสนใจเขาเยอะ ทำให้เขาได้เรียนรู้ประสบการณ์มากมาย” แต่มีบางครั้งเท่านั้นที่อาจารย์พีจะยื่นมือเข้าไปช่วยให้กระบวนการคิดของน้องๆ ชัดขึ้น หรือจัดวงพูดคุยยามที่น้องๆ ท้อแท้กับการทำงาน “โดยส่วนใหญ่ผมจะคอยดูอยู่ห่างๆ หากเขามีปัญหา เขาก็จะเดินเข้ามาปรึกษา แต่ถ้าเขาเดินกันเองได้ ผมก็ปล่อยให้เขาทำกันเอง จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ” เสียงบอกเล่าของอาจารย์พีต่อบทบาทหน้าที่ของพี่เลี้ยงและที่ปรึกษา
โครงการGreen Heart Green World: พัฒนาแกนนำเครือข่ายเยาวชนหัวใจสีเขียว
กลุ่มนักคิดเพื่อสังคมจ.ตาก
ผู้ประสานงาน ลักษิกา สมจิตร (เฟิร์น) โทรศัพท์ 08-1187-1469 อีเมล์ Luksika_ds@hotmail.com
กลุ่มเป้าหมาย/พื้นที่ดำเนินการเยาวชนในพื้นที่อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก