ยายล้วน "ครูสอนนิสัย" คนแรกของชีวิต
กิตติรัตน์ ปลื้มจิตร


ยายล้วน...

ยายล้วน เป็นลูกสาวคนที่ 3 ในบรรดาลูกๆ เกือบสิบคนของตาภักดิ์-ยายน้อม นามสกุล สอนสงวน บ้านอยู่ริมคลองระแหง วัดราษฎร์นิยม ลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี ตาภักดิ์ เป็นชาวนา มีที่นาผืนหนึ่งประมาณ 50 ไร่ ด้วยความที่เป็นลูกสาวคนโต ยายล้วนจึงต้องรับผิดชอบหุงหาอาหาร ดูแลเรื่องข้าวปลาการกินของพี่น้องในครอบครัว ขณะที่พี่น้องคนอื่นๆ ออกแรงปลูกข้าว ทำนา เลี้ยงควายเป็นหลัก

­

ยายล้วนเป็นสาวสวย ตาคม ปากเรียว เสียงไพเราะ สาวงามได้พบรักกับ ตาสาระ หนุ่มชาวมอญ และได้ย้ายไปทำงานไปรษณีย์อยู่ที่กรุงเทพฯ ยายล้วน มีลูกสาว 2 คน คนหนึ่ง ชื่อ สำราญ คือแม่ผม คนหนึ่งชื่อ สำรวม คือ น้าผม ต่อมา "ผู้หญิง" 3 คนนี้เป็นผู้ทรงอิทธิพลในชีวิตของผมอย่างมากถึงมากที่สุด

­

อยู่กับยายมาตั้งแต่เล็ก...


ยายล้วน ร้องเพลงกล่อมเด็กได้ไพเราะที่สุด เอยๆๆๆๆ เจ้านกกาเหว่า เอ้ยยยยย .... ผมยังจำเสียงได้ ตอนช่วงประถมจำได้ว่าอัดเทปคาสเส็ทเสียงยายไว้ ตอนนี้หายไปไหนแล้วไม่รู้ ยายใส่เสื้อคอกระเช้าหลากสี นุ่งผ้าถุงลายเก๋ที่สุด ภาพสาวสุดที่จำได้ยายมีผมสีดำ ผมหนาตัดเท่าติ่งหู ผมหยักโศก ต่อมาสีเทาเท่มาก ยายมีใบหูใหญ่ ผิวเหลือง คิ้วคมเข้ม ผิวเริ่มเหี่ยวย่นตามธรรมชาติ ยายไม่เคี้ยวหมาก เพราะยายเปรี้ยวเข้าเมืองกรุงตั้งแต่สาวๆ เค้าเล่าต่อๆมาว่าพอตาตาย ยายก็กินเหล้า สูบบุหรี่ ตอนเด็กๆยายให้ไปซื้อบุหรี่สายฝน เหล้าขาว บ้างเป็นบางครั้งบางโอกาส เดาเอาว่าคงเหงาและเศร้ามาก ลึกเข้าไปในแววตายายมันบอกอย่างนั้น แม้ว่ายายจะเป็นคนหัวเราะง่ายเป็นที่สุด ยายเป็นแม่หม้ายที่สวยมาก แม้มีหนุ่มจีบแต่ยายไม่ยอมมีผัวใหม่ และขยันทำงานที่โรงงานปากกาย่านหนองจอก มีนบุรี เลี้ยงลูกสาว 2 คน จนลูกสาวคนโต (แม่ผม) ทำงานเองได้ ก็ให้ยายเลิกทำงาน

­

ยายเป็นแม่ครัวของบ้าน...

­

ยายชอบกินน้ำปลาร้าปลากระดี่ต้มสุก บีบมะนาว โรยพริกป่นเผ็ดๆ คลุกกับข้าว ยายเป็นคนตระหนี่ ประหยัดอดออม เพราะฉะนั้นจึงทำกับข้าวครั้งละไม่มาก เน้นน้ำพริกกะปิ ผัก ปลาทู เพราะฉะนั้นรากเหง้าผมจึงกินปลาทูมาตั้งแต่เด็ก ในครัว...ยายจะมีครกหินกับสากหิน เป็นเครื่องมือหลัก ปัจจุบัน น้าแขกได้รับมรดกครกมา ซึ่งผมจะรับช่วงต่อแน่นอน ยายมีกระต่ายขูดมะพร้าวเป็นของตัวเอง ได้ทำแกงกะทิ หลน แต่ผมไม่ค่อยชอบกิน จำได้ตอนเด็กๆ มีเพื่อนอีกสองคน ชอบแอบเข้าครัว ขโมยควักกะปิ ควักน้ำตาลมะพร้าวยายมากิน หัวเราะกันคิกคักๆ ผมชอบให้ยายทำไก่บ้านลวนเค็ม แต่นานๆยายจะทำทีเพราะไก่มันแพง ยายมีชุดอุปกรณ์สำหรับทำอาหารนึ่ง มีกะลังมังเล็กๆสีเงินบุบๆ 1 อัน ที่ยายมักจะทำไข่ตุ๋น... ต่อมาก็มารู้ตัวว่าเป็นอาหารโปรดที่สุดของผม นานน้านยายจะโชว์ฝีมือทำปลาจะละเม็ดเจี๊ยนนึ่ง ยายชอบปลานี้เพราะก้างจะนิ่ม บางทีก็จะเอามาทอด ปลาทอดนี่แหละที่เป็นอาหารหลักของบ้านเรา เวลาพ่อพาไปบ้านย่าที่เพชรบุรี ย่าจะฝากมะนาวดองมาให้ยาย ยายชอบทำต้มจืดมะนาวดอง ซี่โครงหมูมั่ง ไก่ต้มฟักมะนาวดองมั่ง แต่ที่เห็นยายทำบ่อยน่าจะเป็นแกงจืดหน่อไม้ อร่อยอย่าบอกใคร

­

ยายพาไปรู้จักตัวตน รากเหง้า ให้รู้จักกตัญญู และรักบ้านเกิด..

­

ยายนั่นแหละที่พาผมเดินทางไปบ้านตาชวด ยายชวด กลับไปบ้านไม้ ริมนา ริมคลองระแหง เราต้องนั่งรถเมล์ไปไกลมาก ผมเมารถอ้วกตลอดทาง ยายพกถุงพลาสติกเช็ดอ้วก พอถึงตลาดน้ำ ต่อเรือที่ลาดบัวหลวง ตอนนั่งเรือผมดีใจที่สุด ผมเอามือจุ่มลงไปในคลอง พอเรือเมล์แล่นออกไปผมเอามือสัมผัสน้ำที่กระเด็นขึ้นมา มันน่าตื่นเต้นที่สุด ยายจะใส่ชุดตัวเก่ง ใส่ทอง ทาปากสีแดง ถือกระเป๋าหนัง พอไปถึงยายค่อยเปลี่ยนมาใส่ผ้าถุง ผมเพิ่งจะเห็นยายกินหมากก็ที่บ้านตาชวด ตาชวดผอม ผิวขาว ผมเกรียน ใส่แว่น ไปถึงเราต้องล้างเท้าก่อนขึ้นบ้าน ผมจำได้ว่ายายพาไปอาบน้ำตาชวด น่าจะเทศกาลสงกรานต์ พอตาชวดตาย ก็ยังกลับไปทำบุญทุกปี ทุกปี ที่จะเห็นยายกับพี่น้อง นั่งกรองเอาไข่ขาวออกจากไข่แดง เอาไข่แดงมาทำฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด เอาไข่ขาวมายำ นั่งขูดมะพร้าวทำแกงเขียวหวาน ขนมจีนเลี้ยงพระ

­

ยาย คือ ครูที่จัดบรรยากาศการเรียนรู้ ที่ปรากฏตัวมาตลอดทั้งวัน... 

­

แม้ว่ายายเรียนจบแค่ ป.4 โรงเรียนวัด ยายก็เป็นคนแรกที่สอนผมเขียน กอไก่ ยายจับมือวาดกอไก่ ยายสอนทำการบ้าน ยายติวเข้มเพื่อให้ผมเรียนเก่ง ที่บ้านจะมีโปสเตอร์ตัวหนังสือ กอไก่ถึงฮอนกฮูก ไว้ท่องเล่น ยายจัดหาครูสอนพิเศษมาติวเฉพาะตั้งแต่ประถม ทุกเช้ายายจะปลุกให้ตื่น ยายรีดชุดนักเรียนไว้ให้เรียบร้อย ยายเอาเหรียญบาท 2 เหรียญใหญ่มัดหนังยางใส่ก้นกระเป๋ากางเกงสีแดงให้เพราะกลัวหาย ยายจะส่งขึ้นรถโรงเรียน ยายจะทำการบ้านให้หลังเลิกเรียน ยายซื้อกระปุกออมสินให้เป็นกระปุกแรกและสอนผมอดออม ยายซื้อยาคูลท์ให้กินทุกวัน ทุกเช้ายายจะซื้อนมถุงตราหนองโพ ตราเกษตรให้กินเพราะอยากให้ผมสูง ตอนเด็กๆ ผมมีวี่แววว่าจะเตี้ย เป็นพวกมะขามข้อเดียว ยายทำแบบนี้จนเรียนถึงป.6 แม้ว่า ผมจะแอบเอานมไปทิ้งที่โรงเรียนบ้างเพราะเอียนเต็มที

­

ครั้งหนึ่งผมปีนตู้ ขโมยเหรียญจากกระปุกทั้งหมด ไปเลี้ยงขนมเพื่อน ยายจับนั่งหว่างขา และซักต้อนว่าเงินหายไปไหน เอาไปทำอะไร และเอาไม้เรียวตีซะเจ็บแสบที่สุด เพราะจะ ฝึกนิสัยไม่ให้เป็นคนขี้ขโมย ขี้โกหก

­

ยายเป็นคนแรกที่ฝึกผมรีดชุดนักเรียนเองตอน ป.5 ยายเป็นคนแรกที่ฝึกให้นั่งรถเมล์สาย 95 ไปโรงเรียนเอง นั่งรถไปด้วยครั้งแรก และชี้ให้จำจุดจอดรถ และรถเมล์ 95 ต้องป้ายสีแดงเท่านั้น เพราะถ้าป้ายน้ำเงินจะเลยไปรังสิต ครั้งแรก...แม้ว่าผมจะกลัวสุดขีด ยายใจแข็งไปส่งที่ป้ายรถเมล์และปล่อยไปเอง ให้แก้ไขปัญหาเอง นั่นเป็นก้าวแรกที่ทำให้ผม รู้จักอดทน และรู้จักเอาตัวรอด

­

พอเข้ามัธยมยายเริ่มแก่ขึ้น ยายซื้อรถจักรยานสีแดงคันแรกให้ ยายซื้อของเล่นให้หลายชิ้น เช่น ปืนแก้ปเหล็ก รถบังคับ หุ่นยนตร์ ฯลฯ แต่ทุกอย่างอยู่ในตู้กระจกล็อคกุญแจ ต้องขออนุญาตเอาออกมาเล่นได้นานๆที ยายคงจะฝึกให้รู้จักรักษาของ เล่นให้เป็นเวลา ผมจึงไม่ค่อยติดของเล่น จนมีโลกส่วนตัว แต่ยายจะให้ออกไปวิ่งเล่นกับน้องๆ เพื่อนๆ มากกว่า ยายคงอยากให้ข้างบ้านเรารักกัน ผมเลยไม่ใช่คนที่เก็บตัวอยู่คนเดียว เป็นคนเพื่อนเยอะและเข้าหาเพื่อนได้ดี ข้างบ้านจึงเรียกยายว่า "ยายโจ้" เพราะ เด็กนำพาให้ผู้ใหญ่รักกัน สังเกตได้จาก เมื่อถึงเทศกาลไหว้เจ้า ยายจะได้เป็ด ไก่ มาลวนเค็ม ขนมเทียน ขนมเข่ง จากไหว้เจ้า มาทอดทุกเทศกาลทั้งที่บ้านเราไม่ใช่คนจีน

­

พอมัธยมต้น ยายซื้อเครื่องพิมพ์ดีด โอลิมเปียให้เพราะเราต้องเริ่มทำรายงาน ผมจำได้ว่า โครงงานแรกตอนม.1 ยายเป็นคนอ่านเอกสาร ให้ผมนั่งพิมพ์ดีด เพราะมันหาตัวอักษรยาก ยายซื้อนาฬิกาข้อมือคาสิโอโก้หรูให้ แต่ยายเก็บไว้อย่างดี นานๆทีให้เอาออกมาใส่ออกงาน ยายพาไปซื้อกระเป๋าจาคอบให้ที่เดอะมอลล์ เพราะที่โรงเรียนเขาเริ่มฮิต นี่ไม่นับรวมว่าตั้งแต่เด็กจนโตยายซักผ้า ซักกางเกงในให้

­

ผมคิดว่า ผมได้นิสัยจากยายมาเต็มๆ สายเลือดบ้านเรา ขี้เกรงใจ พูดจาเพราะ เป็นคนซื่อ และมีน้ำใจ แม้บ้านเรา ไม่รู้หนังสือมาก แต่ก็ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ธรรมดาๆ เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมสม่ำเสมอ ธรรมะธรรมโม และเป็นคนยุติธรรม ทำให้เป็นที่รักของคนรอบข้าง

­

ยายเป็นคนแรกที่ผมลืมตาตื่นมาก็เจอ เรียนกลับมาบ้านก็ยืนรอรับ ก่อนนอนได้กอดยาย จับมือยาย ในความมืดที่ผมสะดุ้งตื่น ก็เห็นยายอยู่ที่นั่น ทำให้ผมเข้าใจคำว่า "อุ่นใจ" ยายจะอยู่เคียงข้างผมเสมอ

­

วันนี้ไม่มียายแล้ว ยายตายจากผมไปนับได้ถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกตอนผมอยู่ ม.4 ยายเป็นอัมพฤกษ์ ทำให้สมองส่วนภาษาพูดถูกทำลาย แขนขาข้างขวาอ่อนแรง ยายดูแลตัวเองไม่ได้ แต่ยายก็รักษาตนเอง จนกลับมาเดินได้ พูดได้อีกครั้ง แม้ว่าจะไม่เหมือนเดิม ผมรู้ว่าลึกๆแล้ว ยายคนเดิมไม่ได้อยู่แล้ว เพราะสมองถูกทำลายไปมาก ยายก็ยังอยู่เคียงข้างผมจนเรียนปริญญาตรี ปี 3 ยายก็จากไป นับจากการสูญเสียครั้งนั้น ผมเปลี่ยนผ่านเป็นคนที่มีหัวใจแข็งกระด้างพอสมควร อาจเป็นเพราะหัวใจอีกดวงมันได้ดับไป ลึกๆแล้วเหมือนขาดความอบอุ่นเลยด้วยซ้ำ ยายสอนผมได้เรียนรู้ ความเจ็บป่วย อ่อนแอของร่างกาย จากกายของยายเอง ยายสอนให้ เรียนรู้ความอดทน กับการออกกำลังกาย การควบคุมอารมณ์ และเรียนรู้การปล่อยวาง เมื่อวาระสุดท้าย เมื่อหมดลมหายใจมาถึง ยายสอนให้ เรียนรู้เรื่องงานศพ พิธีบุญ และการรับเวทนาจากญาติสนิท มิตรสหาย ยายเป็นคนตัวเล็กๆ ที่มีเพื่อนผองมางานศพยาย มาส่งยายในเตาเผาฒาปนกิจมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ

­

ทุกวันนี้เราอาศัยเจอกันในฝัน พอยายมาหา ผมจะกอดยายและรู้สึก "คิดถึง" ยายสุดหัวใจ ในอ้อมกอดนั้น เป็นความรู้สึก "อุ่นจิต" ลึกมากที่สุด อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน วันแม่ปีนี้ขอระลึกถึงพระคุณยาย ยายผู้เป็นพ่อ ผู้เป็นแม่ ผู้เป็นครู ของลูก

­

ยายล้วน บุตรรักษ์

กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
tester - เดือนที่แล้ว
kppt victim CSRF - 4 เดือนที่แล้ว
tester - เดือนที่แล้ว
PWC or - 2 เดือนที่แล้ว
เทส pwc - 17 วันที่แล้ว