“บี” มีดีที่กำกับตนเองให้อยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง

“บี” มีดีที่กำกับตนเองให้อยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง

ลังจาก “อนิรุต สำราญกาย (บี)” อายุ 19 ปี เยาวชนแกนนำจากตำบล สลักได อ.เมือง จ.สุรินทร์ ได้ไปเรียนรู้จากค่ายพัฒนาศักยภาพและสร้างเครือข่ายเยาวชนทั้งในและนอกระบบการศึกษา 25 อปท. จังหวัดสุรินทร์ (ภายใต้การดำเนินโครงการพัฒนาเยาวชนในชุมชนท้องถิ่น 4 ภาค) สนับสนุนโดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น , กสศ. , สถาบันยุวโพธิชน , สกสว. , ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) และมูลนิธิสยามกัมมาจล เมื่อวันที่ 1- 21 ตุลาคม 2562 ณ หน่วยอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำห้วยสามสบ ต.ศรีสะเกษ อ.นาน้อย จ.น่าน เสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้มาร่วมสะท้อนสิ่งที่ได้เรียนรู้จากค่าย

และเรื่องราวชีวิตของตัวเองให้เพื่อนๆ ฟังกัน เพื่อให้เห็นวิธีคิด มุมมองของเยาวชนยุคใหม่อีกคนหนึ่ง...

มาเข้าค่ายครั้งนี้ได้อย่างไร

“ตอนนี้ผมประกอบอาชีพเป็นคนมิกซ์เสียงดนตรีครับ ไปตามรถแห่ครับ แล้วแต่เขาจะโทรมาให้ไป ที่มาค่ายครั้งนี้มีเพื่อนติดต่อไปครับว่าอยากไปไหม เขาบอกว่าทาง อบต.สลักไดพาไป เหมือนเราจะไปเรียนรู้ทางอาชีพของเรา ที่เราอยากเป็น เพราะผมได้ตั้งกลุ่มมาตั้งนานแล้วว่า อยากช่วยกันทำร้านซ่อมรถ

มอเตอร์ไซด์ ทางอบต.เขาบอกว่าเขามีโครงการนี้มาให้ มีการซ่อมมอเตอร์ไซด์เหมือนกัน พวกผมก็ยกมือสมัครใจมาเลย ก่อนหน้านี้เคยเข้าอบรมแบบนี้ครั้งหนึ่งครับที่บุรีรัมย์ (การอบรมเชิงปฏิบัติการ TOT สร้างแรงบันดาลใจเพื่อยกระดับสมรรถนะของเยาวชนและพี่เลี้ยง จังหวัดสุรินทร์ระหว่างวันที่ 27 - 29 กรกฎาคม 2562”

สิ่งที่ชอบในค่ายนี้

“สิ่งที่ชอบมากที่สุด ผมก็ชอบทุกอย่างนะครับ ผมรู้สึกว่าธรรมชาติดี ไม่มีอะไรที่ไม่น่าชอบ เพราะก็สบายดี เช่น การเข้าร่วมกิจกรรมอะไรพวกนี้ กิจกรรมที่ชอบคือกิจกรรมถอดความรู้จากการดูวิดีโอที่เขาพากันเก็บขยะ ผมเองก็ทำบ้าง ที่พวกเขาทิ้งซองบุหรี่อยู่ข้างหลัง ผมก็เก็บ ก็ทำบ้าง ไม่ทำบ้าง ผมคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งที่เราต้องทำ เพราะถ้าเราไม่ทำ ก็อยู่อย่างนั้นก็ไม่มีใครทำถ้าเราไม่ทำ อีกกิจกรรมที่ชอบคือที่เขาพาเล่น มันไม่เครียด มันผ่อนคลาย (กิจกรรมสันทนาการ)”

ความคาดหวังในการเข้าค่ายครั้งนี้

“ผมอยากเรียนรู้ในสิ่งที่ผมต้องการ คือผมอยากเรียนรู้เรื่องการซ่อมรถจักรยานยนต์”

สิ่งที่ได้จากค่ายนี้คืออะไรบ้าง

“ได้รู้จักตัวเองว่าเราควรทำอะไรกับตัวเองบ้าง ก่อนมาค่ายนี้ผมก็ไม่แบ่งปันอะไรใครมาก แต่เมื่อมาค่ายนี้ผมก็รู้จักตัวเองมากขึ้นว่าผมอยากช่วยเหลือเขา อยากแบ่งปันเขามากขึ้น อยากให้เขามีในสิ่งที่ผมมีมากขึ้น แบ่งปันให้กับทุกคน เห็นใครแล้วอยากแบ่งปัน ผมก็แบ่งปัน เห็นเขาน่าสงสาร ผมก็แบ่งปัน เช่น คุณลุง (อุ๊ยเค ที่บ้านกิตตินันท์) ที่พวกเราไปช่วยทำบ้านให้เขา ตอนแรกผมไม่ได้เป็นลูกบุญธรรมแกหรอกแต่ว่าผมเห็นแกแล้ว ผมอยากเห็นบ้านแก แกก็เลยได้พาผมไป ตอนแรกก็ได้เห็น 2 คนกับน้องไก่ (เยาวชนจากตำบลเป็นสุข) ผมเห็นสภาพแล้วรู้สึกหดหู่ใจ เขาบอกว่าหลานเขาเสียชีวิต ลูกก็ไม่ได้มาเยี่ยมหลายเดือนแล้ว ผมก็สงสารแก ผมก็อยากทำอะไรให้แกสักอย่างก่อนกลับ (เยาวชนช่วยกันทำเตียงนอน ราวบันได และทำความสะอาดบ้านให้ใหม่) พอทำแล้วก็รู้สึกสบายใจ อธิบายไม่ถูก ดีใจที่ได้เห็นการช่วยคุณลุงอย่างเต็มที่ ความรู้สึกนี้มันจะอยู่กับตัวผม”

กับโครงการกลุ่มซ่อมรถมอเตอร์ไซด์มารวมตัวกันได้อย่างไร

“ตอนแรกตั้งกลุ่มกินเหล้านี่ล่ะ แต่ผมรู้สึกว่ามันไร้สาระไปวันๆ แต่ละวันมีแต่เงินออก ไม่มีเงินเข้าเลย ผมก็เลยคิดว่าถ้าเราอยู่ด้วยกันแล้ว เรามาตั้งกลุ่มทำอะไรให้มันดีขึ้นกว่านี้หน่อยดีไหม เผื่อมีตังค์เก็บ มีตังค์ทำอะไรบ้าง ผมก็ถามแต่ละคนว่าคนนี้ชอบอะไรๆ เขาก็ชอบเรื่องมอเตอร์ไซด์หมดเลย ผมก็คิดอย่างนั้นเราลองปรึกษาน้า (สาโรจน์ เที่ยงตรง นักพัฒนาชุมชน อบต.สลักได) ดูนะ ก็ไปปรึกษาว่าอยากซ่อมมอเตอร์ไซด์ น้าแกก็บอกว่าลองตั้งกลุ่มดู พวกผมก็ตั้งกลุ่มขึ้นมาตั้งแต่ตอนนั้น เมื่อปีที่แล้วครับ เพื่อนในกลุ่มมีแบงก์ สอง เบ็ค และทุย การตั้งกลุ่มของเรามันก็ไปเรื่อยๆ ครับ ไม่ค่อยมีมาก เพิ่งตั้ง ยังไม่มีที่ตั้งเป็นหลักแหล่ง คนยังไม่ค่อยรู้ เรื่องการซ่อมรถ ผมก็ได้เรียนมาจากช่างก่อนๆ ที่เคยซ่อมอยู่แล้ว ผมเรียนกับแก แกไม่ได้เป็นครู แต่ไปเป็นลูกมือเขาผมก็เป็นไปเอง ทุกอย่างก็ทำได้ เดินไฟ ซ่อมเครื่อง ได้หมดเลย รายได้ต่ำสุดได้อยู่ที่ 5,000 สูงสุดได้ 9,800 อันนี้แบ่งเป็นรายบุคคลครับ ผมว่าโอเคนะ มันมีเงินใช้ด้วย และมีเงินให้ครอบครัวด้วยครับ ก็โอเคมากๆ เลย กับกลุ่มซ่อมมอเตอร์ไซด์ ก็คาดหวังว่าถ้าได้เรียนไปด้วย ความรู้ก็ได้มากกว่าเดิม โดยเฉพาะด้านเดินไฟ ด้านเพิ่มซีซีเครื่องยนต์”

ทำไมถึงไม่เรียนต่อ

“ผมเรียนจบ ม.3 แล้วออกมาทำงาน ตอนแรกผมทำงานปั้ม ปตท. เป็นเด็กปั้ม ตอนแรกได้เป็นเด็กเติมน้ำมันก็ได้ราวๆ 6-7 พัน ต่อมาเขาเลื่อนให้เป็นแคชเชียร์ก็ได้ 11,000 ก็อยู่ได้ครับ ผมอยู่ที่บ้านครับ พ่อย้ายไปอยู่ที่อื่น ผมเป็นลูกคนเดียว ก็เลยต้องอยู่คนเดียวที่บ้าน แรกๆ ก็ยากอยู่ครับ ผมก็อยู่คนเดียวมาโดยตลอด ต้องกำกับตัวเองว่าเราต้องอยู่ไปแบบนี้ อยู่แบบไม่มีครอบครัวที่จะคอยหนุนหลังแล้ว เราต้องทำตัวเองให้ดีที่สุด

สิ่งที่ตัวเองทำได้ดี คือการใช้เงินครับ ผมบริหารการเงินเอง กำกับตัวเองในเรื่องกินเหล้า ในเรื่องเที่ยว ก็อยู่คนเดียวมา 3-4 ปีแล้วครับ ก็รู้สึกสบาย ไม่มีใครมาบังคับอะไร ก็คิดว่าน่าจะดูแลตัวเองได้ แต่อาจจะไม่ 100% จุดที่ขาดอยากให้คนดูแลก็คือเรื่องความอบอุ่นครับ”

ไสิ่งที่ตัวเองทำได้ดี คือการใช้เงินครับ ผมบริหารการเงินเอง กำกับตัวเองในเรื่องกินเหล้า ในเรื่องเที่ยวไ

กับมุมมองที่มีต่อเด็กนอกระบบอยากฝากบอกอะไร

“อยากให้เข้าใจว่าคนที่ไม่ได้เรียนหนังสือ เขาก็มีทักษะในด้านของเขาเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความรู้ ไม่มีอะไรเลย แต่เขาสามารถหากินได้ด้วยตัวเองครับ”#