ศุภโชค ธัญศิริ : ​บทสัมภาษณ์เยาวชน Best Practice โครงการผักมีวิตามินไม่ต้องกินของแพง

เยาวชนเด่น โครงการผักมีวิตามินไม่ต้องกินของแพง

ชื่อ : นายศุภโชค ธัญศิริ ชื่อเล่น บอล

การศึกษา : กศน. นครเจดีย์ อยู่ชั้นมัธยมศึกษาปลาย

­

บางคำถามอาจจะถามไปแล้ว รอบนี้บอลขยายความได้นะ แนะนำตัวก่อนชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น อายุ

ชื่อบอลครับ นายศุภโชค ธัญศิริ อยู่บ้านหนองเจดีย์  อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน  เรียนอยู่ กศน. นครเจดีย์ อยู่ชั้นมัธยมศึกษาปลาย

­

ให้พูดถึงตัวเองนะ ว่าตัวเองเป็นคนมีบุคลิกนิสัยอย่างไร

กวนตีนมาก ๆ เลยครับ

­

เวลาเรากวนตีนคนอื่นเราคิดอย่างไร สนุกดีเหรอ

ใช่ครับ มันไม่เชิงกวนตีนขนาดนั้น แต่มันก็ทำให้คนอื่นยิ้ม ผมว่าผมเป็นคนตลกน่ะ! อยากให้ทุกคนยิ้ม เอนเตอร์เทน อยากให้ทุกคนชอบ

­

ได้ยินมาว่าบอลเป็นคนหัวร้อน

ครับ เมื่อก่อนเป็นคนหัวร้อน ตอนนี้ก็มีบ้าง แต่ว่ากับน้องๆ ก็เบาลง

บางทีผมพูดอะไรสักเรื่อง ในขณะที่พูดอยู่ แล้วน้องไม่ฟัง มัวแต่คุยเรื่องอื่น ทั้ง ๆ ที่เราอยากให้เรื่องตรงนี้เสร็จไปก่อน ผมก็ตวาด “ทำไมน้องไม่ฟัง พี่ก็พูดอยู่เนี่ย! พวกน้องมาคุยอะไรกันก็ไม่รู้” ประมาณนั้นครับ หัวร้อน แต่ก็ไม่ถึงขั้นลงไม้ลงมือ

­

มีถึงกับว่าน้องร้องไห้เลยเหรอ

มีพี่ มีด่า ด่าหนักเลย “เนี่ย! พี่พูดว่าต้องทำแบบนี้ แล้วน้องไปทำแบบนี้” ด่าไปชุดหนึ่งเหมือนกัน น้องเหมือนน้อยใจ

­

ตอนนั้นจำได้ไหม เรื่องอะไรที่ด่าน้องจนร้องไห้

น่าจะเป็นตอนนั้นทำโครงการแรกแล้วน้องออกความคิดเห็นอะไรสักอย่าง แล้วผมก็พูดว่า น้องบ้าหรือเปล่า จะทำแบบนั้นได้อย่างไร ผมด่าไป แล้วน้องก็พูดกลับมาว่า ผมก็แค่ออกความคิดเห็น แล้วน้องก็ร้องไห้ จากนั้นผมก็รู้สึกแย่ตั้งแต่นั้นมา

­

ตอนนี้เราเข้าใจแล้วไหม ว่าน้องเขาก็แค่แสดงความคิดเห็นจริง ๆ นะ

ใช่พี่ เข้าใจเขามากขึ้น

­

แสดงว่าตอนแรกเลย เราเป็นคนไม่ค่อยฟังคนอื่นหรือเปล่า เหมือนเรามีความเป็นตัวเองสูง

น่าจะประมาณนั้นครับ ผมไม่ค่อยฟังเฉพาะคนนี้ พอเขาออกความคิดเห็นมา ผมแบบว่า น้องคิดอะไรอยู่ น้องคิดดี ๆ นะ จะเหน็บแนม พอเยอะเข้าก็เริ่มหนักข้อ ก็ด่าไปเลย แล้วเขาก็เสียใจ ผมก็เสียใจ

­

ถ้ามานั่งนึกทบทวนตอนนี้ เราพอจะนึกออกไหม ว่าทำไมต้องเป็นเฉพาะกับคนนี้

เป็นน้องแท้ ๆ ของผม บาสครับ  ผมว่าผมคาดหวังเยอะเกินไป ผมก็ลืมมองไปว่าเขายังเด็กอยู่นะ พอหลัง ๆ มาก็เริ่มคิดได้  ตรงที่คิดได้ส่วหนึ่งเป็นเพราะน้องร้องไห้ แล้วก็พูดออกมา

­

แล้วจากที่เราเข้าร่วมโครงการ เราได้พัฒนา เราได้อบรม ที่ได้ไปเรียนรู้ มันช่วยให้เราคิดได้ด้วยไหม

มันก็แล้วแต่บุคคล ในส่วนของผมทำให้ผมคิดได้นะ ในเรื่องทำงานเป็นทีม หรือเรื่องอะไรหลาย ๆ อย่าง เพราะว่าบางทีที่เขาจัดกิจกรรม มันต้องแยกกลุ่ม เราก็ต้องไปร่วมกับหมู่บ้านอื่น เราก็ต้องฟังความคิดเห็นของคนอื่นด้วย ไม่ใช่แค่มาฟังเสียงของเราเอง ผมคิดว่า คนอื่นเราฟังได้ น้องตัวเองจะฟังไม่ได้เหรอ เลยเริ่มเบากับน้องทุกคนมากขึ้น

­

บทบาทหน้าที่ของบอลในโครงการคือ อยู่ในตำแหน่งอะไร

เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว

­

เหมือนเป็นหัวหน้าทีม

ครับ จะเรียกว่าหัวหน้าก็ไม่ได้ เพราะบางเรื่องผมก็ให้ทิวนำ อย่างเรื่องอิเล็กทรอนิกส์ บางเรื่องที่น้องถนัดกว่าเราก็ให้เขานำ เพราะเราต้องพึ่งเขา ผมไม่เคยแทนตัวเองว่าหัวหน้าสักครั้ง ผมจะคอยนำมากกว่า แต่ถ้าให้ผมทำอะไรก็พร้อมทำให้ทุกอย่างครับ

­

เรารู้สึกไหมว่า เรามีบุคลิกความเป็นผู้นำ

อาจจะรู้สึกนะ ในส่วนของผมคิดว่าทำได้ไม่ค่อยดี ทุกคนมองอย่างไรผมไม่รู้ แต่เขาบอกให้ผมนำตลอด ไม่รู้ว่าด้วยวัยหรือเปล่า ผมรู้สึกว่าในเมืองน้องๆ ในกลุ่มไว้ใจให้เราเป็นผู้นำแล้ว เราได้รับความไว้ใจ เราก็ต้องทำมันให้ดี

­

เล่าให้ฟังหน่อยว่า ชีวิตประจำวันในหนึ่งวันของเรา ตอนที่ยังไม่มาร่วมโครงการ ทำอะไรบ้าง

จันทร์ถึงศุกร์ก็ไม่ได้เรียนอยู่แล้ว ผมเรียนเสาร์อาทิตย์ ผมไม่ได้ทำอะไร อย่างตอนที่น้องผมอยู่ด้วย ผมก็รอน้องเลิกเรียน แล้วไปรับน้องกลับบ้าน พอกลับมาถึงบ้าน น้องผมขี้เกียจเหมือนผม การบ้านไม่ค่อยทำ ก็ชวนกันเล่นเกม แล้วสักพักโบ๊ท ทิว จิม จะมาเล่นเกมด้วยกัน พอเล่นเสร็จก็ไปเตะบอลกัน เหมือนที่ทิวเล่า อยู่ด้วยกันตลอดแก๊งนี้ เสาร์อาทิตย์ ตื่นมาก็กินข้าว เล่นเกมกัน ตกเย็นเตะบอล ช่วยงานแม่ก็ล้างจาน กวาดบ้าน แค่นั้น ผมก็อยู่กับน้องตลอด แต่ตอนนี้น้องผมไปเรียนกรุงเทพฯ แล้ว

­

ไปเรียนอะไร

เรียนโรงเรียนเอกชน น้องชอบเล่นกีฬา เล่นบอล เพราะว่าพ่อกับแม่ผมแยกกันอยู่ น้องเลยไปอยู่กับพ่อ แล้วก็ไปเรียน

­

ตอนนี้ชีวิตประจำวัน มีอะไรเพิ่มขึ้นมา

ผมต้องทำหน้าที่เพิ่มขึ้น ช่วงนี้ยายไม่ค่อยสบาย ต้องดูแลยาย หลังจากที่เล่นเกมกับน้องบ่อย ๆ พอน้องไม่อยู่ ก็ไม่รู้จะเล่นกับใคร เลยเพลา ๆ ลงมา พอทำโครงการยังมีเวลาว่างนั่งเล่นเกม แต่ก็เบาลง เพราะเราเอาเวลาไปรดน้ำผักบ้าง แล้วก็มาเตะบอล ใช้เวลาที่ว่างเล่นเกมมาทำอย่างอื่นได้เยอะขึ้น เราก็ได้เห็นตัวเองด้วยว่าตัวเราทำอะไรได้หลายอย่างมากกว่าจะมานั่งเล่นเกมทั้งวันเหมือนเมื่อก่อน

­

เวลาผู้ใหญ่มองว่าเล่นอยู่นั่นแหละเกม ไม่เห็นมีประโยชน์อะไร เราคิดอย่างไรบ้าง

สำหรับผมนะ ผมเฉย ๆ ก็ผมอยากเล่น

­

บอลชอบเล่นเกมเพราะอะไร เหตุผลของเรา

ไม่มีเหตุผลตายตัว เพราะผมอยากเล่น มันสนุก มันได้อวดฝีมือในกลุ่ม “เราเล่นเก่งนะ” ไม่มีอะไรมาก

เมื่อก่อนเราไม่ได้มีอะไรอย่างอื่นทำ ตอนนี้มีโครงการที่เราต้องรับผิดชอบ เราก็ไม่ใช่ว่าวัน ๆ จะเล่นแต่เกม เรารับผิดชอบอย่างอื่นได้ ถ้ามันมี

­

ก่อนหน้ามาทำโครงการ บอลเคยทำงานชุมชนอย่างอื่นบ้างไหม

ไม่มีเลยครับ ส่วนใหญ่ถ้าพัฒนาวัด พัฒนาหมู่บ้าน เขาจะให้ผู้ใหญ่ไป พอเด็กอย่างเราไป ผู้ใหญ่จะมองว่า มาทำไมกัน ทำอะไรได้บ้าง หลัง ๆ แม่ให้ไปแทนผมก็ไม่ชอบไป 

­

แล้วผู้ใหญ่เขาไปทำอะไรได้บ้าง

เขาก็ไปถางหญ้า ผมก็คิดว่าผมทำได้นะ แต่พอผมไปเขาก็ไม่ให้ผมจับจอบ ไม่ยื่นจอบมาให้ พอผมไปจับ เขาก็บอกว่า เอามานี่มา เดี๋ยวทำให้ ผมก็คิดในใจ อะไรของเขา ผมก็เลยกลับบ้านเลย จริง ๆ เราก็เป็นเด็กโตแล้วนะ ไม่ใช่เด็กเล็ก หมายถึงไม่ใช่เด็กประถมฯ

­

ตั้งแต่เรามาทำโครงการอะไร ๆ ทำมาสองโครงการแล้ว ผู้ใหญ่มองเราเปลี่ยนไปไหม

ในเรื่องมองผม เวลาไปเจอผมที่ตลาด เขาจะถามดี๋ยวนี้ปลูกผักอยู่ไหม ทำอันนั้นอันนี้ไหม มีทัศนคติดีขึ้น อย่างบางทีพัฒนาหมู่บ้าน แม่ให้ผมไปแทน ผมก็ยังไป เขาก็จะพูดว่า “วันนี้มาแทนแม่เหรอ” เขามองผมดีขึ้น

­

ถ้าให้บอลคิดวิเคราะห์เอง คิดว่าเพราะอะไรเขาถึงเปลี่ยนพฤติกรรม

ผมว่าเขาเห็นผมทำครับ ทำหลาย ๆ อย่างให้ชุมชน จากที่เราไปชี้แจงในหมู่บ้าน ว่าเราเป็นแกนนำเยาวชน เราทำอันนี้ ๆ อยู่ “มันทำได้จริงเหรอวะ” พอเราทำให้เขาเห็น เขาก็แบบ “เออ ! พวกนี้มันทำจริงนะ” เขาก็เปลี่ยน

­

แล้วบอลมาเข้าร่วมโครงการได้อย่างไร ตั้งแต่ตอนแรก

เหมือนทิวเล่าไปเลยพี่ เหมือนกันเลย พระอาจารย์มาชวนตอนเตะบอล อยู่ด้วยกันตลอด แก๊งนี้

­

บอลก็เดินกับพระตอนเช้าแบบนี้เหรอ

ใช่ครับ


แล้วตัวเองจำได้ไหมว่าไปอยู่แบบนั้นได้อย่างไร เพราะทิวจำไม่ได้

ผมจำได้ เพราะพวกทิวไปก่อน แล้วผมก็ตามทิวไป

­

พี่เข้าใจว่าพวกเราไปใช้พื้นที่วัดเล่นกีฬา

มันอยู่ข้างวัด แล้วพระอาจารย์ก็เห็น

­

แต่เรื่องที่เราไปเป็นเด็กวัดช่วยพระอาจารย์ เรารู้ได้อย่างไรว่าเขาต้องการความช่วยเหลือจากเรา

มันไม่มีใครจำได้ อยู่ดี ๆ น้อง ๆ ผมก็ไปนอนวัดกัน แล้วก็ไปบิณฑบาตกับพระอาจารย์ พระอาจารย์มาสอนที่โรงเรียนใกล้บ้าน พวกทิวก็เรียนกันอยู่ที่นั่น แล้วเขาก็เลยรู้จัก ไม่รู้เหมือนกันว่าใครชวนใคร แต่ผมก็ตามไป ทีนี้ก็ยาวเลย  ตอนนั้นที่บ้านไม่มีไวไฟ แต่มีโทรศัพท์กัน กุฏิพระอาจารย์มีไวไฟ ก็เลยพาไปเล่นเกม น่าจะเริ่มจากเล่นเกม แล้วก็เลยกลายเป็นเด็กวัด แล้วพระอาจารย์ก็มาชวนไปทำโครงการ

­

พอตอนนี้เรามีไวไฟที่บ้าน มีสัญญาณของตัวเองแล้ว เราก็ไม่ได้ไปวัด

ใช่ครับ ไม่ไปเลย ด้วยความที่เราโตขึ้นด้วย

­

พระอาจารย์ย้ายไปที่อื่นแล้วหรือเปล่า

ไม่ครับ ยังอยู่ที่เดิม แล้วก็มีเด็กกลุ่มใหม่มาด้วยนะพี่

­

โครงการนี้เป็นความสนใจของเราเองเลยหรือเปล่า ผักมีวิตามิน

ใช่ครับ เป็นความสนใจของเราเอง จากที่ผมแนะนำน้องๆ ว่า เราลองดูว่าในตลาดมีอะไรให้ทำอีก ก็มาปรึกษากันว่าทำอะไรได้บ้าง เลยมาเป็นเรื่องผักมีวิตามิน

­

อย่างที่บอลบอกว่าเป็นทุกอย่าง บทบาทของเราคือทำทุกอย่างให้เธอแล้ว แต่ถ้าเอาจริง ๆ เราเป็นทุกอย่างขนาดไหน

อย่างที่บอกไปเมื่อสักครู่ ทิวเก่งเรื่องตัดต่อ พวกป้าๆ ที่ทำงานบอกให้ทำคลิปวีดิโอ สรุปทั้งโครงการมา ผมก็คิดแผนทุกอย่างและตัดต่อให้คลิปวีดิโอออกมา เอาความคิดสร้างสรรค์ของทิวมารวมด้วย เพราะทิวเป็นคนทำแล้วเอามารวมกัน

­

ถ้าเรามองว่าก่อนหน้านี้น้อง ๆ อาจกลัวเราบ้าง เพราะบุคลิกของเราที่ไม่ค่อยฟังคนอื่น ตอนนี้เปลี่ยนไปไหม นอกจากบอลคิดเองแล้ว คนอื่น ๆ กล้าเสนอความคิดเห็นบ้างหรือเปล่า

คนอื่น ๆ กล้าแสดงความคิดเห็น แต่ที่ผมพูด 90% จะเป็นน้องของผมเองเลย ที่ไม่ค่อยกล้าออกความคิดเห็น

­

ระหว่างที่ทำงานกันคนอื่นก็มีส่วนร่วมคิดถูกไหม ไม่ใช่ว่าบอลคิดอยู่คนเดียว แล้วคนอื่นก็ต้องตามไปเสียหมด

ใช่ครับ

­

แต่เท่าที่ฟังเหมือนบอลจะเป็นคนคิดเร็วทำเร็วกว่าคนอื่นหรือเปล่า

น่าจะเป็นแบบนั้นครับ ผมเป็นคิดเร็วด้วย ผมจะแสดงความคิดเห็นออกไปเลย น้อง ๆ ก็จะบอกว่า ดี ๆ แต่ตอนนี้ทุกคนกล้าออกความคิดเห็น เสริมขึ้นมาว่าทำแบบนี้ด้วยดีไหม ผมก็รับฟัง แล้วเอามาปรับใช้ร่วมกัน พอมันออกมาดี ผมก็โอเค น้องก็มีความสุขที่ได้ออกความคิดเห็น มีบางเรื่องที่ยากลองใจน้องๆ ว่าคิดอะไรกันอยู่ หลังๆ ผมเสนอให้น้อง ๆ ลองคิดหัวข้อนี้สิ เราจะทำอย่างไรดี เหมือนทำแบบทดสอบให้น้องๆ ออกแบบกันออกมา พอโอเคแล้วก็ลุยเลย

­

เราเรียนรู้จากประสบการณ์เอง หรือไปเรียนจากที่ไหนมา ว่าเราควรจะให้เขาคิดบ้าง

เราเรียนรู้เอง เขาไม่ได้สอน เขาแค่ทำให้ดูเรื่องการทำงานเป็นทีมมากกว่า แต่เรื่องอื่นเราต้องคิดเอง แอคทีฟเอง เราต้องดูด้วยว่าในเรื่องอายุเราก็โตกว่า หลายๆ เรื่องมันต้องดูคนในทีม ความสามารถมากน้อยแค่ไหน เวลาเราไปเข้าค่ายอบรมสามวันสองคืน พ่อแม่ไม่ได้ไปด้วยใช่ไหม ผมก็ต้องดูแลน้องๆ เรื่องกินเรื่องนอนก็ต้องดูด้วย หลายเรื่องครับ

­

ถ้าเรื่องกินเรื่องนอนเราก็ต้องช่วยดู น้องไปกับเราก็ต้องไม่อด

ใช่พี่ ต้องไม่อด มันมีนะ น้องในกลุ่มบางคนจะไป แล้วไม่มีเงิน แม่ไม่มีเงินให้

­

แล้วบอลทำอย่างไร ใช้เงินตัวเองเหรอ

ใช้เงินตัวเองบ้าง จะมีป้าๆ ใจดี ที่ทำงานอยู่ที่ลำพูน ผมบอกไปตามตรงว่า น้องไม่มีเงินกินขนม เขาก็บอกว่า งั้นเดี๋ยวป้าให้เอง

กิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำในโครงการเราทำอะไรบ้าง

ทำทุกอย่างเองตั้งแต่เริ่มจนจบ เริ่มแรกฟันต้นกล้วย เคลียร์พื้นที่ ปรับหน้าดิน เอารถไถมาไถ เราก็ต้องไปเก็บเศษหินออกจากแปลง เก็บเศษใบไม้ เก็บต้นกล้วย แล้วมาปรับแปลง ปรับเสร็จแล้วก็ตัดเหล็ก ไปซื้อไม้มาฝังเป็นเสา มามุงสแลน มาขึ้นแปลง มาปลูกผัก มารดน้ำ ก็คือทำทุกอย่างหมดเลย เราก็ได้ประสบการณ์ทุกด้านเลยพี่ การใช้อุปกรณ์ การใช้จอบ การขุดดิน ขุดอย่างไรให้ถูกวิธี ขุดอย่างไรให้มือไม่เป็นแก้ว จับจอบอย่างไร เดินระบบน้ำอย่างไร เราไปอบรมมาแล้ว เราทำได้ ได้เห็นว่าทำงานเป็นทีมทำอย่างไร ได้คุมน้อง ๆ ได้แบ่งงานแบ่งหน้าที่ ได้ฝึกความเป็นผู้นำไปด้วย ซึ่งแต่ละคนพอมอบหมายงานให้ทำก็ทำกันได้  พวกน้องๆ อยู่กับผมมาก่อน ผมรู้ว่าใครถนัดด้านไหน เราดูตามความเหมาะสมด้วย งานไม่หนักให้น้องบางคนที่ตัวเล็ก เช่น ให้ตัดเชือก กับน้องที่โตหน่อย จะให้มาช่วยแบกไม้

­

พอทำทุกอย่างเสร็จด้วยตัวเองแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้าง มันก็ไม่ใช่งานเล็ก ๆ นะ มันต้องออกแรงเยอะ

โล่งไปหมด พอมายืนอยู่หน้าแปลงเราเห็นภาพรวมทั้งหมด มันโคตรใหญ่เลย นี่เรากับน้อง ๆ ทำเหรอ มันรู้สึกภูมิใจในตัวเอง ถึงเวลาเราทำก็ทำได้นะ ไม่ใช่แค่ให้ผู้ใหญ่มาพูดมาบอก เราก็ทำได้ น้อง ๆ ก็ทำได้ พอร่วมมือกันก็ทำได้


ถ้าไม่มีโครงการนี้มาชวนเราไปทำ เราก็ไม่นึกว่าเราจะทำอะไรแบบนี้ได้ถูกไหม

ใช่พี่ ถ้าไม่มีโครงการผมก็ไม่คิดว่าผมจะมาปลูกผักแบบนี้ จะทำไปทำไม ทำแล้วจะมีประโยชน์อะไร ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้อยู่แล้ว


ในขั้นตอนทั้งหมดที่พูดมา ส่วนตัวบอลคิดว่าขั้นตอนไหนยากที่สุด

น่าจะเป็นเดินระบบน้ำ ยุ่งยากที่สุด เพราะว่าเราต้องขึ้นบันได เอามาติดด้านบน วางระบบน้ำ ต้องต่อหัวสปริงเกอร์ เอาน้ำตรงนั้นมาต่อตรงนี้ ต้องเดินให้มันถูก ไม่อย่างนั้นน้ำจะไม่ไหล

­

ตั้งแต่เริ่มถางจนติดตั้งระบบทุกอย่างทั้งหมด เราทำต่อเนื่องเลยไหม หรือเราเว้นระยะคิดแล้วไปทำ

ไม่มีเว้นพี่ ลุยอย่างเดียวเลย คือเราวางแผนไว้หมดแล้วว่า เดี๋ยวเราจะทำอันนี้ เราจะปลูกอันนี้ เราก็ไล่ไปเลย เริ่มจากมุงสแลนเสร็จ ก็มาเดินระบบน้ำ เพราะน้ำต้องเอามาติดกับสแลน

­

เรารู้ว่ามันต้องเป็นไปตามนี้ เพราะมีลุงมูลเป็นคนบอกเราหรือว่าอย่างไร

ไม่พี่ เขาแค่แนะนำให้ทำแปลงมากกว่า แต่เรื่องระบบน้ำ เรื่องมุงสแลน เราเป็นคนปรึกษากัน ว่าเราจะทำอันไหนก่อนหลังมากกว่า

­

แล้วเรานึกจินตนาการได้อย่างไร ว่าเราควรจะทำอะไรก่อนอะไรหลัง เราไม่เคยทำ

พี่ไก่เป็นคนแนะนำ พี่ไก่แนะนำว่าเดี๋ยวเราจะต้องเอาอันนี้มาติดกับสแลนอีกนะ แล้วพี่ไก่ก็ถามอีกว่าจะทำอะไรก่อน ก็เลยสุมหัวกัน แล้วก็มาคิดว่าจะทำอะไรก่อนหลัง เลยวางแพลนทำมาเรื่อย ๆ จนมันสำเร็จเสร็จสมบูรณ์

­

ตอนนี้เสียงตอบรับของคนในชุมชนที่มีต่อโครงการเป็นอย่างไรบ้าง

ดีขึ้นมาก ๆ ทุกคนก็เห็นว่าเราทำอะไรบ้าง เขาก็จะถามอยู่ตลอดว่ายังปลูกผักอยู่ไหม ยังขายผักอยู่ไหม ถามตลอด “ถ้าขายอยู่เดี๋ยวป้าจองเลยนะ”

­

เราก็ขายอยู่ใช่ไหม

ใช่ครับ ขายอยู่ ตอนนี้ผักยังไม่ขึ้นครับ ปลูกเรื่อย ๆ

­

อันนี้เราไม่คิดจะหยุดอยู่แล้วใช่ไหม ต่อให้ไม่มีโครงการ เรายังจะปลูกต่อไหม

สำหรับผม ผมก็ปลูกต่อนะ แต่บางทีน้อง ๆ อาจจะไม่ร่วม เพราะบางคนเริ่มไม่ว่างกันแล้ว

­

ไม่ว่าง คือไปเรียนหรือว่าทำอะไร

ไปเรียน หลาย ๆ อย่างพี่ น้องบางคนรับงานครูไว้ว่าจะไปซ้อมดนตรี

­

คือเขาก็มีเรื่องที่เขาสนใจอย่างอื่นเหมือนกัน

ใช่ครับ

­

ส่วนตัวบอลคิดว่าถ้าจะมีคนอื่นมาสนับสนุนมาให้ความรู้ บอลอยากได้เรื่องการสนับสนุนเรื่องอะไรอีกบ้าง

น่าจะเป็นงบประมาณและพื้นที่ ผมอยากขยายแปลงผัก ขยายที่ให้เล้าไก่ของผมอยู่ใกล้แปลงผัก เวลาไก่ขี้ผมจะได้เอาขี้ไก่มาทำต่อ

­

ไม่กลัวมันจิกผักใช่ไหม

ไม่กลัวพี่ เพราะเรามีเล้า เราก็เลี้ยงมันในเล้า เราก็ขนขี้ไก่จากเล้ามาใส่แปลงผัก มันจะได้ต่อยอดกันไป อยากได้ที่มาทำเพิ่ม มันจะได้เป็นอาชีพของผมไปเลย มันอยู่แถวบ้าน

­

ก่อนมาทำโครงการ บอลคิดอยากเป็นอะไร ทำงานอะไร

ผมอยากเป็นที่อยู่บนเครื่องบิน ไม่ใช่พี่ อยากเป็นสจ๊วตครับ

­

ผู้ชายเขาเรียกสจ๊วต อะไรทำให้อยากเป็นสจ๊วต

ผมชอบท่องเที่ยว ผมอยากท่องเที่ยว ผมอยากเป็นไกด์ท่องเที่ยว แต่ผมมองไปมองมา ถ้าเป็นไกด์เราก็ต้องอยู่ในประเทศไทย นำฝรั่งเข้ามา แต่ถ้าเราเป็นสจ๊วตเราได้เดินทางรอบประเทศเลยนะ

­

รอบโลก แต่ตอนนี้ยังคิดอยากเป็นอยู่ไหม

อยากนะพี่ แต่คงไม่ได้แล้วล่ะ  แต่มีคนบอกเหมือนกันว่า ไม่ได้เที่ยวอะไรขนาดนั้นหรอก  พอมาทำโครงการก็มองเห็นแนวทางการทำอาชีพเรา

­

ปลูกผักอะไรนี่น่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งให้เราได้ไหม

มันก็เป็นอะไรที่เราทำได้ง่าย ๆ ไม่ต้องไปไหนไกลแล้ว เรามีเงิน เราก็ไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ พาน้อง ๆ ไปไหนก็ได้

­

มีอาชีพอื่นที่อยากเป็นอีกไหม นอกจากที่คิดว่าจะทำแปลงผักให้มันมีรายได้ขึ้นมา

อยากเป็นตำรวจพี่ เพื่อนผมสมัยเด็ก ๆ ที่คบกันมาถึงปัจจุบัน เขาติดยาม้า ผมอยากจับเขา เขาขายด้วย ให้มันรู้ไปเลยว่ามันไม่ดีนะ

­

เขาอยู่ในชุมชนเราหรือเปล่า

ใกล้หมู่บ้านกัน

­

แล้วบอลคิดว่าชวนเขามาทำโครงการจะช่วยเขาได้ไหม

ไม่ได้ครับ เพราะมันไม่เข้าสมองเขาเลยพี่ เขาไม่สนใจเลย

­

เราเคยไปชวนเขาหรือเปล่า

ไม่ชวนครับ เรื่องทัศนคติก็ไม่เหมือนกันแล้ว ผมพูดอะไรไปก็ไม่เอาใส่สมอง สมองเหมือนไม่ได้รับรู้อะไรแล้ว

­

มาเจาะลึกที่ตัวเองอีกนิดหนึ่งนะ ให้มองถึงพัฒนาการของตัวเอง มีลักษณะนิสัยอะไรของตัวเองที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นบ้าง

ผมว่าน่าจะเป็นมุมมองที่มีต่อน้องในทีมและสิ่งรอบข้าง ผมรู้สึกว่าไม่ต้องมองแง่ลบเสมอไปก็ได้ ไม่ต้องไปมีทิฐิกับมันมาก บางเรื่องเราปล่อย ไม่ต้องเอามาใส่สมองได้ก็ไม่ต้องเอามา ไม่ต้องคิดเยอะ แต่ไม่ใช่ว่าเราไม่สนใจเขาเลย เราสนใจตัวเอง สนใจครอบครัว สนใจเพื่อนพี่น้องเรา สนใจคนในชุมชน แต่ไม่ต้องไปใส่สมองเยอะ เราก็ทำในส่วนของเราให้มันดี แต่ไม่ต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุดนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่มีอะไรทำ

­

ความรู้สึกต่อผู้ใหญ่ในชุมชนที่เคยมองเราในแง่ลบ เรารู้สึกกับเขาอย่างไรบ้าง เปลี่ยนแปลงไปไหม

ใช่ครับ เขาก็คิดของเขา ทุกคนมีสิทธิ์คิดอยู่แล้ว เราจะไปห้ามคนให้คิดไม่ได้หรอก เราก็เลยไม่เอามาใส่สมองเยอะ แต่พอหลัง ๆ มา เขาก็คุยกับเราดีนะ ไม่รู้ว่าตอแหลหรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้คิดมากแบบเมื่อก่อน ช่างเขาเถอะ ถ้าเขาสนใจจริงก็โอเค ถ้าไม่ก็ช่างเขาสิ

­

บอลว่าบุคลิกเราเปลี่ยนไปด้วยไหม เลยทำให้เขาเชื่อถือในตัวเรามากขึ้นไหม

ผมว่าผมก็ยังคงความเป็นตัวเองนะ ก็เป็นคนแบบนี้แหละ แต่งตัวสกปรก ๆ แบบพี่เห็นนี่แหละ

­

เขาเรียกว่ามีสไตล์

ไม่รู้ว่าเขามองเห็นอะไรในตัวผมเหมือนกัน แต่ว่าเวลาเขามอบหมายงานอะไรมา ผมก็ทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ไม่ได้สุดขนาดนั้นนะพี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไม่มีอะไรทำอีก

­

อย่างโครงการที่ทำกับเด็กและเยาวชน เขาบอกว่าจะช่วยให้เด็กมีความคิดความอ่าน พัฒนาความคิดความอ่านของเด็กและเยาวชนได้ เราคิดว่ามันใช่แบบนั้นจริง ๆ ไหม

ความคิดผมว่าพัฒนา ความอ่าน ไม่ค่อยได้อ่านอะไร

­

อย่างไรบ้าง ยกตัวอย่างได้ไหม

อย่างที่ผมเล่าไป ที่คิดกับชาวบ้านอยากจะดักตี ผมก็เลิก คิดในแง่ดีขึ้น เขาตอแหลก็ช่างเขาเถอะ

­

พี่ออมก็เห็นน้องมาตั้งแต่ปีหนึ่งปีสองใช่ไหม บุคลิกเขาเปลี่ยนไหม น่าจะเปลี่ยนบ้างล่ะมั้ง

พี่ออม : เปลี่ยนเยอะอยู่ มีความรับผิดชอบ เป็นพี่ที่ดีของน้อง ไปไหนก็ไปกันเป็นกลุ่ม

­

เหมือนน้องรู้สึกพึ่งพาได้ใช่ไหม

พี่ออม : เราว่าพึ่งพาได้นะ เพราะเขามีภาวะความเป็นผู้นำ จริง ๆ ไม่ใช่แค่ทีมของตัวบอลหรอก ทีมของเพื่อนทั้งหมดก็เป็น เขานำเพื่อนได้ ดูแลเพื่อนได้ ก็คือดูแลกัน

­

มีไปทำงานกับแม่โจ้ด้วยใช่ไหมไปทำอะไร

เก็บข้อมูลในชุมชน แต่ไม่ใช่ชุมชนผมครับ เป็นชุมชนบ้านอื่น

­

เก็บข้อมูลชุมชน ใช้เครื่องมือเหมือนที่เราทำโครงการหรือเปล่า

คล้าย ๆ กันครับ ทำเป็นทีมเหมือนเดิม แต่เป็นทีมบ้านอื่น

­

แล้วเป็นอย่างไรบ้าง พอเราไปทำของบ้านอื่น ทำงานกับเพื่อนเยาวชนหรือเปล่า

เป็นคนมีอายุกว่าผมเยอะเลยครับ เขาก็ไม่ฟังผมด้วย ไม่มีใครฟังผมเลย เราเสนอไป เหมือนเป็นเวรเป็นกรรม เหมือนผมไปทำกับน้องมาเยอะ เขาไม่ฟังผมเลย อยู่ยากเลยครับ เวลาเขานัดกันว่าจะไปลงพื้นที่วันนี้ ผมบอกว่าวันนี้กรมอุตุฯ บอกว่าฝนจะตก บ้านผมอยู่ไกล ผมขอเลื่อนได้ไหม เขาก็บอกว่า โอ๊ยยย...อะไรวะ ประมาณนี้อะพี่ ไปเชื่อกรมอุตุฯ ทำไม

­

แล้วสรุปวันนั้นฝนตกไหม

ฝนตกจริงพี่ แต่ผมก็ไม่ไปนะ วันนั้นข่าวก็ออกว่าพายุจะเข้า แต่พวกพี่ ๆ ก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอก ผมก็เลยแล้วแต่พี่ ๆ แต่ผมไม่ไปนะ

­

แล้วตอนนี้ยังช่วยเขาเก็บข้อมูลอยู่ไหม

เดือนแรกช่วยอยู่ เดือนที่สองไม่ได้ช่วยแล้ว รู้สึกว่าจะโดนบูลลีเยอะไปหน่อยก็เลยถอยดีกว่า

­

เป็นประสบการณ์นะพี่ว่า อยู่ในสังคมไปก็เจอแบบนี้แหละ

ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวมันก็ต้องเจออยู่ดี

­

ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราจะนิ่งแบบนี้ไหม เราจะช่างมันเถอะได้ไหม

ผมคงไม่ยอมไปแล้ว ใช่ เมื่อก่อนผมเคยเถียงกับครูจนครูร้องไห้ เขาสอนวิชาคณิตศาสตร์ ผมก็ถามว่า พายอาร์รูตสอง ครูสอนทำไม ครูทำไมไม่สอนบวกลบคูณหาร ครูก็บอกว่ามันต้องใช้ ผมก็บอกว่าไม่ต้องใช้ ผมไม่ได้จะไปเป็นวิศวกร เขาก็เถียงกับผม เถียงไปเถียงมาร้องไห้ ผมก็บอกว่ามันไม่จำเป็น ครูจะมาสอนทำไม

­

เหตุการณ์นั้นตอนอายุเท่าไร

ป.6

­

ตัวจี๊ด

ผมจี๊ดตั้งแต่ ป.3 แล้วพี่

­

เป็นคนรู้ตัวตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ

ใช่ครับ รู้ว่าแสบเลย

­

ต่อเนื่องจากโครงการที่เราทำ วางแผนอยากจะทำอะไรอีก

อยากขยายพื้นที่ อยากให้มีผู้สนับสนุน จะได้รู้เรื่องกันไปเลย คนในชุมชน ผมจะทำฟาร์มโชว์เลยครับ

­

ก็ยังเป็นในแนวทางนี้เนอะ ปลูกผัก การเกษตรนี่แหละ

ใช่ครับ ทำเป็นสโตร์ผักไปเลย โชว์ไปเลย นำน้อง ๆ ไปได้ดีเหมือนกัน ไม่ได้มามั่วสุมเล่นเกมอะไรกันทั้งวัน

­

แล้วอยากจะพัฒนาตัวเองด้านไหนเพิ่มเติมอีกไหม

อยากให้กล้าแสดงออกมากขึ้นอีก เวลาไปอยู่หน้าเวที เพราะเวลาผมขึ้นไปจับไมค์ ผมรู้สึกว่าสั่นและเกร็ง เผื่อถ้าพูดอะไรไม่ดีไป แต่ผมก็ไม่ได้เป็นคนไม่ดีนะ ผมก็พูดเหมือนที่พูดกับพี่ ๆ นี่แหละ ผมก็ไม่ต้องพูด สวัสดีครับ ตลอดเวลา มันไม่ใช่ตัวผม

­

ถ้าเป็นบอล บอลจะทักทายแนวไหน

สวัสดีครับ เป็นไงบ้างครับพี่ แต่ก็ไม่ถึงขั้นแบบเอามือประสานกัน แล้วแบบพี่ครับ วันนี้เป็นอย่างไรบ้างครับพี่ครับ

­

นอกจากเรื่องนี้แล้วมีเรื่องอื่นอีกไหม เรื่องที่อยากเรียนรู้เพิ่มเติม

ไม่อยากดีกว่าพี่

­

ตอนแรกเหมือนจะอยากอยู่นะ

ไม่อยากดีกว่า ถ้ารู้ไปอาจจะปวดหัว ไม่เอามาดีกว่า

­

ทำไม รู้เยอะแล้วมันจะปวดหัวเหรอ

ผมอยากรู้ว่าเวลาสรุปโครงการ พวกพี่เอาข้อมูลผมไปทำอะไร หลอกผมมอบตัวไหมเนี่ย

เป็นประสบการณ์ไง การทำโครงการทำให้ตัวเราพัฒนาขึ้นมีเครื่องมือ มีเวทีอบรม กระบวนการที่ไปอบรม ที่ไปค่ายกับเพื่อน ที่เราทำโครงการปลูกผักหรือทำโครงการอะไรก็แล้วแต่ เป็นกระบวนการที่ทำให้พวกเรามีพัฒนาการดีขึ้น เห็นศักยภาพตัวเอง เป็นเด็กดี จัดการอารมณ์ตัวเองได้ พี่ก็จะได้ทำต่อไป แล้วเราอาจจะให้เยาวชนคนอื่นมีโอกาสได้ทำ แล้วพวกเราจะเป็นเยาวชนตัวอย่าง ว่าเราผ่านอะไรมา เราเปลี่ยนตัวเองได้อย่างไร เราเรียนรู้อะไร

มันเป็นสิ่งที่พวกพี่ต้องกลับมาถามตัวเรานะ ถ้าเกิดว่ามีตรงไหนที่อยากเพิ่ม อย่างเช่นที่ถามว่าบอลอยากจะเก่งอะไรขึ้น มันก็เป็นจุดหนึ่งที่พวกพี่มองว่า ถ้าเราอยากจะเก่งด้านนี้ด้านนั้น เราก็พยายามมองว่าเราจะเติมความรู้เรื่องพวกนี้ให้ได้อย่างไร มันก็เหมือนพวกพี่กับป้า ๆ ของบอล ที่สนิทกัน หาวิธีการที่จะทำให้เราสนุกกับการเรียนรู้ วิธีการไหนที่เหมาะสม เป็นเหตุผลที่เราต้องมานั่งคุยกัน เขาเรียกว่าถอดบทเรียน น่าจะเคยทำมาแล้วใช่ไหม แล้วถ้าเอาข้อมูลไปเผยแพร่ มันก็จะเป็นตัวอย่างให้กับคนอื่นอาจจด้แรงบันดาลใจ อยากจะเปลี่ยนตัวเองมาทำด้วย

­

อย่างผมพูดห่าว ๆ แบบนี้ พี่เอาผมไปนำเสนอห่าว ๆ แบบนี้เลยเหรอพี่

พี่ออม: ก็แบบนี้แหละ ธรรมชาติของคนก็แบบนี้ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย แต่ละคนไม่เหมือนกันสักหน่อย

บอล: ส่วนใหญ่เวลาผมพูดแบบนี้ ผมโดนตัดออกนะ บางทีผมก็เลยคิดว่าเราจะพูดไปทำไมตั้งยาวเยอะแยะ

พี่ออม: วีดิโอสัมภาษณ์โครงการครั้งที่แล้ว พี่ยังเอาใส่เลย เอาบอลใส่ ไม่เห็นตัดออกเลย พูดดีออก

บอล: ผมก็ไม่รู้เหมือนกันพี่ แต่บางทีเขามาสัมภาษณ์ ผมก็จะพูดห่าว ๆ แบบนี้ มีพี่คนหนึ่งมาถ่ายรูปแล้วเขาบอกว่า ถ่ายออกมาอย่างไรก็ได้ให้ดูเป็นตัวเอง ผมเลยชูนิ้วกลางไปเลย เนี่ย มันเป็นตัวผมเป็นสไตล์ผม แล้วเขาก็ถ่ายไป แต่เขาก็ไม่เอารูปผมไปลง