พัชรีภรณ์ ติ้งหวัง : แกนนำเยาวชน Active Citizen จ.สตูล

นางสาวพัชรีภรณ์ ติ้งหวัง แกนนำเยาวชน Active Citizen จ.สตูล


นางสาวพัชรีภรณ์ ติ้งหวัง หรือ ไหม เด็กสาวจังหวัดสตูลที่มีบุคลิกร่าเริง สดใส ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 สาขาพัฒนาชุมชน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ย้อนกลับไปช่วงก่อนที่จะเข้าร่วมโครงการกลไกชุมชนสู่การพัฒนาเยาวชนจังหวัดสตูล พี่อาณัติ (รุ่นพี่ในชุมชน) ได้มาชักชวนให้ไปทำโครงการร่วมกัน ตอนนั้นไหมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโครงการเลย และคิดว่าการทำโครงการเป็นเรื่องใหญ่เกินตัวเอง แต่สุดท้ายไหมก็ได้ตัดสินใจเข้ามาลองทำ พอทำไปเรื่อย ๆ ก็ได้ค้นพบว่าตนเองรู้สึกชอบการทำงานกับชุมชนมาก ๆ เพราะทำให้ตัวเองได้รู้จักกับบริบทชุมชน รู้ว่าแต่ละชุมชนต้องการการพัฒนาในด้านไหนบ้าง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ไหมเลือกเรียนต่อในสาขาพัฒนาชุมชนด้วย

ในช่วงการทำโครงการปีที่ 1 กลุ่มของไหมได้ทำโครงการที่มีชื่อว่า “แนวทางการสร้างสื่อการเรียนรู้ประวัติบ้านนาพญา พญางอกเขี้ยว นาสี่บิง และแหลมตันหยงกุโบว์ให้กับเยาวชน” ตอนนั้น ไหมกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งเป็นช่วงปิดเทอมที่ไหมได้เข้ามาสานต่อโครงการเต็มตัวต่อจากพี่อาณัติในบทบาทประธานโครงการ เพราะพี่อาณัติต้องไปเรียนต่อที่อื่น

ตลอดระยะเวลาการทำโครงการในปีที่ 1 ไหมได้รับประสบการณ์มากมาย มีทั้งความประทับใจและความท้าทายผสมกันไปทำให้ไหมได้เติบโตขึ้น ไหมเล่าให้ฟังว่าตนเองเจอกับโจทย์ที่ยากมาก ๆ ก็คือเรื่องความสัมพันธ์ของคนในกลุ่ม มีช่วงหนึ่งที่ทะเลาะกัน ไม่เข้าใจกัน ทำให้ตอนนั้นไหมรู้สึกท้อมาก ๆ แทบจะไม่อยากทำโครงการต่อแล้ว อีกอย่างก็กลัวว่าถ้าเพื่อน ๆ ออกจากกลุ่มกันหมด ตัวเองก็จะหาคนมาทำโครงการต่อไม่ได้ และโครงการก็อาจจะไม่สำเร็จด้วย แต่แล้วไหมก็ผ่านเรื่องราวนั้นมาได้ เพราะว่าพี่ก๊ะ (สุวัลยา ยาหยาหมัน) ซึ่งเป็นพี่ที่ทำโครงการด้วยกัน ชวนไหมและเพื่อน ๆ ในกลุ่มมาเปิดใจคุยกัน สร้างความเข้าใจต่อกันใหม่ ทำให้ความสัมพันธ์ในกลุ่มกลับมาดีขึ้น และสามารถทำโครงการร่วมกันต่อไปได้จนสำเร็จ

ส่วนการทำโครงการในปีที่ 2 ไหมได้ขยับขึ้นมารับบทบาทการเป็นพี่เลี้ยง“โครงการ สืบสานภูมิปัญญาจักสานเตยหนามสู่การใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน เนื่องจากพี่เลี้ยงคนเดิมไม่สามารถเป็นพี่เลี้ยงต่อได้ ไหมจึงต้องคอยดูแลและให้ความช่วยเหลือน้อง ๆ ตั้งแต่เริ่มต้นทำโครงการจนจบโครงการ ซึ่งไหมเล่าให้ฟังว่า โครงการในปีที่ 2 น้อง ๆ ในทีมส่วนใหญ่เป็นผู้ชายที่ค่อนข้างจะชอบเล่นเกมกันมากๆ เวลานัดประชุมน้องก็จะขอเล่นเกมก่อนตลอด ทำให้การประชุมแต่ละครั้งเป็นไปได้ยากมาก ไหมบอกว่าตอนนั้นตัวเองต้องใช้ความอดทนมาก ๆ แต่ก็ผ่านมันมาได้ เพราะว่าไหมและก๊ะ (ซึ่งรับบทบาทเป็นพี่เลี้ยงเหมือนกัน) ได้ชวนน้อง ๆ มาสร้างข้อตกลงร่วมกันใหม่ มีการแบ่งเวลาสำหรับการเล่นเกม แบ่งเวลาสำหรับการประชุม แบ่งเวลาสำหรับการทำงาน ซึ่งน้อง ๆ ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทำให้สามารถทำโครงการต่อไปได้อย่างราบรื่นจนจบโครงการ

จากการที่ไหมได้มาทำโครงการ ฯ ทำให้ไหมเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเองก็คือเรื่องของอารมณ์ เมื่อก่อนไหมเป็นคนอารมณ์ร้อนมาก ใครทำอะไรที่ไม่ถูกใจก็จะแสดงออกทางสีหน้าทันที แต่พอได้มาทำโครงการนี้ ทำให้ไหมต้องฝึกที่จะปรับตัวในการอยู่ร่วมกับคนอื่น ฝึกที่จะจัดการอารมณ์ของตนเองให้ดีขึ้น ใจเย็นลง หากไม่พอใจอะไรก็จะเก็บไว้ไปปลดปล่อยคนเดียวแต่จะไม่แสดงออกต่อหน้าคนอื่นเหมือนที่ผ่านมา

อีกเรื่องคือความรับผิดชอบที่มีมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยความที่ตนเองเป็นประธานกลุ่มจึงมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่อยากจะทำงานที่ตนเองต้องรับผิดชอบให้สำเร็จ ไม่สร้างภาระเพิ่มให้เพื่อน ๆ ในกลุ่ม เพราะเมื่อก่อนเวลาที่ตนเองทำงานไหนไม่ได้ก็มักจะโยนไปให้พี่ก๊ะเป็นคนจัดการให้ แต่หลังจากนั้นไหมบอกว่าตนเองพยายามที่จะเรียนรู้ให้มากขึ้น ค่อยๆ ฝึกฝน จนสามารถรับผิดชอบงานของตนเองให้สำเร็จได้ในที่สุด

นอกจากนี้ ประสบการณ์จากการทำโครงการ ฯ ในระยะเกือบ ๆ สองปีที่ผ่านมา ทำให้ไหมสามารถนำทักษะ ความรู้ ความสามารถต่างๆ ไปใช้ในการเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลงพื้นที่ การเก็บข้อมูลชุมชน การทำแผนที่เดินดิน การเป็น Facilitator และการเป็น Notetaker นอกจากสิ่งเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนของไหมแล้ว ยังช่วยสร้างรายได้ระหว่างเรียนให้กับไหมได้อีกด้วย เพราะว่าอาจารย์มองเห็นศักยภาพของไหมและเห็นว่าไหมมีประสบการณ์ในการทำงานโครงการมาก่อน จึงได้ชักชวนให้ไหมไปโครงการวิจัยร่วมกันตั้งแต่ไหมเข้าเรียนตอนปี 1 จนกระทั่งปัจจุบัน ทำให้ไหมมีรายได้เสริม อีกทั้งยังเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัวได้อีกด้วย

ท้ายที่สุดแล้ว ด้วยความที่ไหมมีใจรักด้านงานพัฒนาชุมชนจึงมีความตั้งใจว่า อยากกลับไปทำงานที่บ้านเกิดของตนเอง เพื่อรวมกลุ่มเยาวชนในชุมชนจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อช่วยกันพัฒนาชุมชนบ้านเกิดของตัวเองให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ส่วนอีกหนึ่งความฝันของไหมคือ การเปิดร้านขายเครื่องสำอาง เพราะไหมเป็นคนที่ชอบเรื่องความสวยความงามด้วย ไหมหวังว่าสักวันจะมีร้านขายเครื่องสำอางเป็นของตนเองให้