ถอดบทเรียน "ค่ายสร้างเครือข่ายและพัฒนาศักยภาพแกนนำเยาวชนสู่สำนึกพลเมืองรุ่นใหม่สร้างสรรค์ชุมชน" ครั้งที่ 1

ถอดบทเรียน

"ค่ายสร้างเครือข่ายและพัฒนาศักยภาพแกนนำเยาวชนสู่สำนึกพลเมืองรุ่นใหม่สร้างสรรค์ชุมชน" ครั้งที่ 1

วันที่ 19-30 เมษายน 2561

ณ ศูนย์ปราชญ์พ่อคำเดื่อง ภาษี บ้านโนนเขา หมู่ 8 ตำบลหัวฝาย อำเภอแคนดง จังหวัดบุรีรัมย์


1.เรามีความรู้ความเข้าใจในเรื่องต่อไปนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง

1.1 การรู้จักและเข้าใจตนเอง

รู้ในสิ่งที่เราไม่เคยยอมรับ รู้จักตัวตนของตนเองรู้นิสัยลึกๆของตนเอง รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรไม่ใช่ตามใจคนอื่นไปทุกอย่าง รู้จักเคารพตัวเอง รู้ถึงความอ่อนแอในจิตใจที่เราปิดกั้นไม่ยอมรับฟัง การที่เราได้ทำกิจกรรม 4 ทิศ คือได้พิจารณาตัวตนของตัวเองได้รู้จุดอ่อนจุดแข็งของตนเอง ได้สวดมนต์นั่งสมาธิ ทำให้ได้ฟังเสียงของใจตนเองมากขึ้น การรู้จักเข้าใจตนเองข้อสุดท้ายคือกิจกรรมเดินข้ามเส้น มันทำให้เราได้อธิบายโดยที่ไม่ต้องพูดความรู้สึกแค่ฟังเสียงของหัวใจตนเองให้มาก ๆ แล้วเดินไปตามที่ใจบอก

1.3 การเข้าใจสังคม / ชุมชน

ได้รู้จักโครงสร้างของสังคมได้เห็นอะไรที่ไม่เคยรู้ ในความคิดสังคมเป็นอะไรที่ง่ายมาก พอได้มาเรียนที่นี่ ทำให้เข้าใจลึกซึ้งต่างจากที่เรียนในห้องเรียน เข้าใจระบบทุนนิยมเสรี ทุนนิยมเพื่องสังคม สังคมสีเขียว ว่าสังคมเหล่านี้เป็นอย่างไร เรารู้สึกอย่างไรเราเข้าจากแค่ไหน จากกิจกรรมทำให้เรารู้จักเขียนโครงสร้าง การเขียนแผนที่ มันทำให้ทราบถึงปัญหาและมีการปรึกษาหาทางออก ได้วิเคราะห์ที่เกิดขึ้น ผลการกระทบที่ตามมาและมีเป้าหมาย เป้าประสงค์ผลที่คาดว่าจะได้รับในการแก้ปัญหาในชุมชน

2.ทักษะที่เพิ่มขึ้นมีอะไรบ้าง

2.1 การรู้จักตนเองหรือเข้าใจตนเอง

กิจกรรม 4 ทิศ ทำให้รู้ว่าตัวเองเป็นคนที่มีนิสัย ขี้งอล งี่เง่า เอาแต่ใจ ขี้เกรงใจ ขี้กลัว ขี้อาย ไม่ค่อยเข้าหาใคร ฟังคนอื่นมาจนไม่เป็นตัวเอง ชอบช่วยเหลือคนอื่นจนตัวเองเดือดร้อน

กิจกรรมสวดมนต์นั่งสมาธิ การสวดมนต์ทำให้เราฟังเสียงตัวเองมากขึ้น ทำให้นิ่ง ทักษะของเราคือทำให้เราอยู่กับตนเองได้

กิจกรรมเดินข้ามเส้น กิจกรรมนี้ทำให้เราได้รู้จักตนเองมากขึ้น เราไม่ต้องพูดแค่เดินไปเฉยๆ ฟังโจทย์ที่พี่ๆเขาอ่าน แล้วกลับมาดูตนเองว่ามันใช่หรือไม่ใช่แล้วเดินข้ามเส้นไป ทักษะที่ได้คือการยอมรับความจริงของตนเอง

2.2 การทำงานร่วมกับผู้อื่น

ทำให้เราได้เรียนรู้การอดทน สามัคคี สอนให้มีความมุมานะให้ผ่านอุปสรรคไย่อท้อต่อความยากลำบาก รู้จักควบคุมตนเอง รับฟังผู้อื่น รู้จักให้อภัยให้กำลังใจร่วมแรงร่วมใจกันและมีความไว้วางใจผู้อื่นมากขึ้น

2.3 การเข้าใจสังคม / ชุมชน

ได้รู้จักกการทำธุรกิจ การวางแผน การคิกกำไร ได้รู้จักธรรมชาติมากขึ้น สิ่งที่ทำลายธรรมชาติมากที่สุดคือ

มนุษย์ มนุษย์คือผู้ทำลายธรรมชาติที่มีอยู่ในโลกของตัวเองโดยไม่มีการสร้างทดแทน และรู้จักการเก็บข้อมูลชุมชน การศึกษาเรียนรู้ในชุมชนของตนเอง ได้รู้ปัญหาของชุมชน ได้รู้ถึงผลกระทบ และทราบแนวทางการแก้ไขปัญหาของชุมชนตัวเองเพื่อให้ชุมชนดีขึ้น

3.มุมมอง ทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงไปมีด้าน

3.1 มุมมองต่อตนเอง คิดว่าตนเองเข้ากับคนอื่นได้ยากแต่พอได้ทำกิจกรรมก็ทำให้รู้ว่าจริง ๆ แล้วเราก็เป็นคนเข้ากับคนอื่นได้ง่าย เพราะเราก็มีเพื่อนเยอะเหมือนกัน จึงทำให้เราเปลี่ยนความคิดต่อตนเอง จากคนที่ไม่ฟังใครพอได้มาที่นี่ก็ทำให้รับฟังความคิดเห็นของเพื่อนมากขึ้น

3.2 มุมมองต่อสังคม / ชุมชน

แต่ก่อนคิดว่าชุมชนเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ใครจะทำอะไรก็ไม่อยากจะเกี่ยวข้อง แต่พอได้มาที่นี่ได้รู้ปัญหาได้แลกเปลี่ยนปัญหาของแต่ละชุมชนจากเพื่อน ก็อยากจะดูแลรักษา และแก้ไขปัญหาของชุมชนของตัวเอง

3.3 มุมมองสิ่งแวดล้อม

แต่ก่อนไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่พอได้มาที่นี่ก็ทำให้รู้ว่าธรรมชาติก็สำคัญ มันสามารถทำให้จิตใจเราสงบ ทำให้เรารับรู้ถึงความสวยงามภายใน

3.4 มุมมองเศรษฐกิจ

แต่ก่อนเป็นคนใช้เงินฟุ่มเฟือย พ่อแม่ให้มาเท่าไหร่ก็ใช้หมด แต่พอได้มาอยู่ที่นี่ก็ทำให้ได้รู้ว่าเงินนั้นหายาก ทำให้รู้สึกผิด อยากประหยัดและหาเงินใช้เอง

4.แรงบันดาลใจใหม่ที่เกิดขึ้นเพื่อการเปลี่ยนแปลงตนเองและสังคมมีอะไรบ้าง

4.1 แรงบันดาลใจต่อตนเอง

มีแรงบันดาลใจในเรื่องนี้คืออยากเป็นผู้นำที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ เพราะเราเป็นผู้นำของโรงเรียนแต่เราก็รู้สึกว่ายังทำไม่ดีพอ เมื่อเข้าค่ายแล้วทำให้แนวคิดในการเป็นผู้นำที่ดีทำอย่างไร การเข้าใจผู้ตามและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น

4.2 แรงบันดาลใจต่อสังคม / ชุมชน

มีแรงบันดาลใจคือ จะไปพัฒนาชุมชนจะเข้าไปมีส่วนร่วมให้มากขึ้น เพราะก่อนที่จะเข้าค่ายเป็นคนที่ไม่ยุ่งกับชุมชน เพราะคิดว่ายังไงผู้ใหญ่ก็ไม่ฟังคำพูดของเด็กอยู่แล้ว แต่เมื่อผ่านค่ายนี้ทำให้เราอยากที่จะกลับไปแก้ไขปัญหา เพราะบางเรื่องผู้ใหญ่ก็ไม่ได้รู้และไม่ได้แก้ไขปัญหาด้วย และมีแรงบันดาลใจคืออยากมีส่วนร่วมในการทำงาน เพราะเมื่อก่อนไม่ค่อยแสดงออกหรือแสดงความคิดเห็นเท่าที่ควรคิดว่าตัวเองทำยังไม่เต็มที่