ณัฐพล ต่อกัน : บทสัมภาษณ์เยาวชนเด่นโครงการปลูกผักปลอดภัยไร้สารเคมี

บทสัมภาษณ์เยาวชนเด่น โครงการปลูกผักปลอดภัยไร้สารเคมี

บ้านห้วยโป่งสามัคคี หมู่ 11 ตำบลแม่ตืน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน


นัท - ณัฐพล ต่อกัน เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนแม่แตง



ถาม แนะนำตัว ชื่อนามสกุล ชื่อเล่น อายุ โรงเรียน เรียนชั้นอะไร

นัท สวัสดีครับ ผมนายณัฐพล ต่อกัน ชื่อเล่น นัท  เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนแม่แตง


ถาม นัทเรียนสายอะไร

นัท สายวิทย์ – คณิตครับ


ถาม โครงการของเรามีชื่อว่าอะไร เป้าหมายของโครงการคืออะไร

นัท ปลูกผักปลอดภัยไร้สารเคมีครับ เป้าหมายคือให้คนในชุมชนกินผักปลอดสารพิษ


ถาม คุณสมบัติของผักปลอดสารพิษต้องเป็นยังไง

นัท คือไม่ใช้สารต่างๆ เช่น ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ไม่ใช่ยาฆ่าแมลง แต่ใช้ปุ๋ยหมักแทนครับ


ถาม นัททำโครงการนี้เป็นปีที่ 2 แล้ว ปีแรกทำโครงการเกี่ยวกับดนตรีใช่ไหม

นัท ครับ ปีแรกทำโครงการเกี่ยวกับดนตรีพื้นเมืองครับ


ถาม ถ้าย้อนไปก่อนทำโครงการดนตรีพื้นเมืองอีก นัทเคยทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับชุมชนมาก่อนไหม

นัท ไม่มีอะไรเยอะครับ ส่วนมากไปช่วยจิตอาสาปลูกป่า ไปทำความสะอาดชุมชน


ถาม กิจกรรมพวกนั้นเป็นงานของใคร ใครมาชวนไปทำ

นัท เป็นของหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านประกาศให้สมาชิกในชุมชนไปช่วยกันรักษาความสะอาดหมู่บ้าน พาไปปลูกป่า ดูแลป่า


ถาม เวลาประกาศเชิญชวน คือการประกาศเสียงตามสายหรือว่าเขาทำกันยังไง

นัท ใช่ครับ ประกาศเสียงตามสาย จะมีทุกจุดทั่วหมู่บ้านครับ ประกาศเชิญชวนให้พี่น้องในหมู่บ้านไปช่วยกันครับ


ถาม แสดงว่าเราจะไปหรือไม่ไปก็ได้ใช่ไหม เพราะไม่มีใครมาตรวจเรา แล้วทำไมตอนนั้นเราถึงไปช่วย แล้วพ่อแม่เราไปด้วยไหม

นัท ใครจะไปก็ได้ ใครว่างก็ไปช่วย ตอนนั้นผมว่าง พ่อแม่ก็บอกไปช่วยเขาบ้างก็เลยไปครับ ถ้าพ่อแม่ว่าง เขาก็ไปครับ ถ้าติดงานก็จะไม่ได้ไป


ถาม ลักษณะในชุมชนเรา อย่างน้อยต้องมีใครสักคนในครัวเรือนไปช่วยแบบนี้ไหม

นัท ครับ อย่างน้อยครัวเรือนละ 1 คนก็ยังดี


ถาม ไม่เฉพาะแค่บ้านนัท คนอื่นเขาก็คิดแบบนี้เหมือนกันไหม

นัท บางคนคิดแบบนี้ แต่บางคนติดงานก็ไม่ได้ไปช่วยครับ


ถาม ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นแล้ว คนในชุมชนให้ความร่วมมือกันประมาณกี่เปอร์เซ็น

นัท 70% -80 % ครับ


ถาม นัทได้เข้ามาร่วมโครงการ Active Citizen ของลำพูนเข้ามาได้ยังไง

นัท คุณครูมาชวนครับ คุณครูดี ทีแรกผู้ใหญ่บ้าน (พ่อลีโอ) ประกาศรวมตัวยาวชน คัดเลือกเยาวชนที่เป็นตัวแทน ครั้งแรกคัดเลือกรวมประธาน 15 คน หลังจากนั้นรอเวลาเริ่มโครงการ ช่วงเวลานั้นผมอยู่ช่วง ม.3 ก่อนปิดเทอม จะจบแล้วด้วยครับ คนที่เลือกแล้ว 15 คน บางคนเรียนจบแล้วก็ไปเรียนที่อื่นต่อ ก็เหลือสมาชิกปัจจุบันประมาณ 7-8 คนครับ


ถาม ทำไมตอนนั้นเราถึงตัดสินใจเข้ามาร่วมด้วย

นัท ตอนนั้นว่างๆ เห็นเพื่อนเข้าไปร่วม ก็อยู่กับเพื่อนๆ เข้าไปช่วย


ถาม เรารู้จักแม่ครูดีได้ยังไง

นัท ครูดี เข้ามาเป็นพี่เลี้ยงให้ ติดต่อประสานงานให้ ช่วยหลายๆ อย่างครับ เขาเป็นคนเริ่มครับ


ถาม ครูดี ประสานงานกับพ่อลีโอ และพ่อลีโอประกาศหาเด็ก พี่เข้าใจถูกไหม

นัท ปีแรกครูดีจะเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ตอนนั้นพี่เลี้ยงคือลุงหนานป๋องครับ ปีแรกผ่านไปลุงหนานป๋องให้ครูดีเข้ามาช่วยแทน เนื่องจากเขาไม่ค่อยว่าง งานเยอะ ก็เลยให้ครูดีเป็นพี่เลี้ยงแทน


ถาม ตอนพ่อลีโอประกาศชวนเราเข้าใจไหมว่าต้องมาทำอะไรหรือมาเพราะว่าเพื่อนๆ มากัน

นัท ไม่ค่อยเข้าใจครับ เขาเรียกเยาวชน ห้วยโป่งสามัคคี หมู่ 11 มากันให้หมดเลยครับ และยกมือเลือกว่าใครจะเป็นตัวแทน แล้วโหวตกันครับ


ถาม ตอนนั้นเยาวชน หมู่ 11 มีกันประมาณกี่คน

นัท 30-40 กว่าคน


ถาม โหวตกันแล้วก็กลายเป็นพวกเราที่เข้ามาทำกิจกรรมใช่ไหม

นัท ใช่ครับ บางคนก็ลาออกไประหว่างทาง


ถาม โหวตเลือกกัน เราเลือกกันเองหรือมีผู้ใหญ่เข้ามามีส่วนร่วมกันด้วยไหม

นัท ผู้ใหญ่เปิดโอกาสให้เยาวชนให้โหวตเลือกกันเองครับ มีความคิดเห็นยังไงก็ให้ปรึกษากันเองครับ


ถาม เรามีคุณสมบัติในการเลือก เกณฑ์ในการคัดเลือกคืออะไร

นัท เช่น ประธาน รองประธาน เลขา เหรัญญิก ก็สุ่มกันครับ ตอนนั้นประธานมาคนสุดท้ายพอดี ก็เลยยกให้เขาไปเลย ปีแรกคือ ….(โจ )  ปีแรกเขาเป็นประธานที่ทำงานเยอะมากเลยครับ โครงการที่สองเขาเปลี่ยนมาทำพวกเอกสารต่างๆ ให้แทน ส่วนเรื่องการปฏิบัติงาน ขั้นตอนต่างๆ ส่วนมากผมและสมาชิกคนอื่นๆ รับผิดชอบ


ถาม ปีแรก นัททำหน้าที่อะไร

นัท เป็นสมาชิกครับ ทำงานช่วยเล็กๆ น้อยๆ ปีแรกที่ทำดนตรีพื้นบ้าน ก็ไม่มีอะไรอยู่แล้วครับ ครูดีจ้างครูสอนดนตรีเข้ามาสอน ให้ผู้สูงอายุและเยาวชนที่สนใจ ฝึกและไปแสดงที่วัดหริภุญชัยในตอนนั้นครับ


ถาม ปีแรกเราก็เป็นสมาชิก และก็ฝึกซ้อมไปตามกิจกรรมที่ทำกันในโครงการใช่ไหม ปีแรกเราคิดว่าได้พัฒนาตัวเองจากก่อนหน้านั้นยังไงบ้าง

นัท อย่างแรกคือความสามารถเรื่องดนตรี พื้นฐานมีอยู่แล้ว ก็เพิ่มความสามารถขึ้นอีกหน่อย มีทักษะมากขึ้นครับ


ถาม ถ้าเป็นเรื่องบุคลิกภาพของเรา หรือนิสัยส่วนตัวเราเปลี่ยนไหม

นัท เดิมทีเป็นคนขี้เกียจอยู่แล้วครับ ได้มาทำโครงการนี้ทำให้ตัวเราขยันขึ้น เพื่อมาทำกิจกรรมตามขั้นตอนของโครงการครับ ช่วยกันทำครับ


ถาม ที่นัทบอกว่าขี้เกียจคือยังไง หรือว่านัทไม่ทำอะไรเลย หรือว่าสนใจทำอย่างอื่น เวลาอยู่บ้านทำอะไร

นัท ขี้เกียจ คือ อยู่บ้านไปวันๆครับ เวลาอยู่บ้านเล่น,ดูหนัง,ฟังเพลงครับ มีการเปลี่ยนแปลงเพราะขึ้น ม.ปลาย งานก็เริ่มเยอะขึ้นครับ ก็เลยต้องพัฒนาตัวเองครับ


ถาม ถ้าไม่เกี่ยวกับโครงการ ปกติเราชอบทำอะไร อาจจะเป็นงานอดิเรกหรือเรื่องที่เราสนใจ

นัท ปกติร้องเพลง บ้างก็เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง และเต้นครับ


ถาม เต้น Cover?

นัท ใช่ครับ ช่วงนั้นรวมกลุ่มใหม่ๆ ไปออกงานโรงเรียนเพื่อไปแข่งครับ


ถาม เต้น Cover ชอบวงไหนเป็นพิเศษไหม

นัท พิเศษ คือ BTS โด่งดังครับ มีความฝันอยากไปออดิชั่น แต่เตรียมตัวไม่ทัน เพราะงานใกล้เข้ามาแล้วครับ ปีล่าสุดพลาดไม่ได้ไปด้วย อนาคตถ้าจบ ม.6 ผมจะไปเกาหลี ไปกับเพื่อนครับ เพื่อนจะไปทำงานที่โน้น เช่น ร้านอาหารเป็นเด็กเสิร์ฟประมาณนี้ครับ


ถาม ทำไมอยากไปเกาหลี

นัท อยากไปเที่ยวและทำงานครับ คิดว่าอยากไปทำงานสัก ปีสองปีแล้วค่อยกลับมาเรียนที่วิทยาลัยเทคนิคลำพูนบ้านเราครับ


ถาม พี่นึกว่าอยากไปออดิชั่นที่เกาหลี

นัท ก็อยากไป มีจุดประสงค์อยู่เหมือนกันครับ


ถาม ก่อนหน้าทำโครงการ คือเราชอบเรื่องดนตรีอยู่แล้วหรือเปล่า

นัท ดนตรีมีพื้นฐานทาจากคุณครูที่สอนโรงเรียนประถม ตั้งแต่ ป.4 และได้ออกงานเทศกาลบ้าง งานเลี้ยงสังสรรค์ งานขึ้นบ้านใหม่ และงานศพครับ พอจบ ป.6 แล้วไม่ค่อยได้เล่นดนตรี ยิ่งพอเรียนโรงเรียนมัธยมห่างหายไปนาน ลืมบ้าง แต่พอเล่นได้ครับ


ถาม เราเล่นอะไร ตอนเรียนประถมนัทมีพื้นฐาน และได้เข้ามาทำโครงการในปีแรก ฟังดูแล้วค่อนข้างขัดแย้งกับการเต้นโคฟเวอร์ เรารู้สึกว่ายังไง คือพี่คนนอกคิดว่ามันไปด้วยกันไม่ได้ แล้วเราคิดว่ายังไง

นัท กลองสองหน้า ซึง สะล้อ ขลุ่ย ฉิ่ง ฉาบ เล่นได้หมดเลยครับ เต้น cover เริ่มชอบตอน ม.3 เห็นเพื่อนเต้นแล้วเท่ดี สาวๆ กรี๊ดครับ จากนั้นก็เริ่มฝึก ร้องเพลงเคยไปแข่งทักษะวิชาการ แต่ก็ไปไม่รอดครับ


ถาม ดนตรีที่เราได้มาทำเราชอบทั้งหมดใช่ไหม

นัท ชอบครับ ก่อนผมเล่นดนตรี ผมมีความชอบอยู่ก่อนแล้ว ต้องชอบก่อนไม่ใช่ทำเล่นๆ ไป ผมเห็นตัวอย่างเพื่อนไม่ค่อยชอบเล่นดนตรีแต่ต้องเรียน ก็เลยเล่นไม่ค่อยเป็น แต่ตอนนี้ผมมีเพื่อนที่ชอบเล่นดนตรี เล่นกับเพื่อนสนุกและเพลิดเพลินกับเสียงดนตรีพื้นเมืองครับ ทำให้จิตใจโล่ง บริสุทธิ์ผุดผ่อง ทำให้ผ่อนคลายครับ


ถาม เล่นดนตรีแล้วสาวกรี๊ดไหม

นัท ดนตรีเป็นความชอบอยู่แล้วครับ กรี๊ดหรือไม่กรี๊ดเราไม่ว่ากันครับ เล่นเพื่อความสนุกและเพลิดเพลินกับเสียงดนตรีครับ


ถาม จากโครงการปีแรก มาเป็นโครงการปีที่สอง เกี่ยวกับปลูกผักปลอดภัยไร้สารเคมีได้ยังไง

นัท ก่อนหน้านั้นรวมตัวประชุมกับสมาชิกที่เหลือ พูดคุยกันว่าเราจะทำโครงการต่อดีไหมหรือจะทำโครงการอื่น คุณครูก็แนะนำครับว่าโครงการดนตรีถึงจะจบไปแล้วแต่ก็ยังมีอยู่นะ ต้องการทำโครงการอื่นเพิ่มไหม พวกผมปรึกษาหารือกันครับ แล้วลีโอเสนอทำโครงการที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่า ส่วนตัวผมมองว่ามีผู้ใหญ่ทำแล้ว คงไม่สะดวกสำหรับพวกเรา ผมเหลือบไปเห็นป้ายปลูกผักปลอดภัยไร้สารเคมี ที่เคยมีอยู่เดิม ผู้ใหญ่เคยทำโครงการแต่โครงการจบไปแล้ว เหลือพื้นที่ไว้ให้เราสานต่อ ก็เลยคุยกันว่าทำเรื่องนี้ดีไหม ระหว่างโครงการที่สอง พวกเราติดงาน โจยิ่งไม่ค่อยว่างเลยครับ เขาอยู่ห้องเดียวกับผม งานเขาก็เยอะ งานผมก็เยอะ โจก็เลยรับหน้าที่ทำเอกสารให้แทน ส่วนผมก็ยอมเสียสละเวลาหน่อยเข้ามารับงานเยอะขึ้น


ถาม คือแบ่งงานตามความถนัดและความพึงพอใจของแต่ละคน ที่บอกว่า “ผมก็เสียสละเวลานิดหน่อย” ในเมื่อเพื่อนที่ทำงานมาด้วยกัน พักรับงานน้อยลง แถมยังเรียนห้องเรียนเดียวกัน ทำไมเราถึงยอมเสียสละ

นัท ผมอยากทำโครงการครับ ช่วงโครงการแรกผมไม่ได้ทำอะไรเยอะ พอโครงการที่สองอยากพัฒนาตัวเอง รับทำเยอะขึ้น ขั้นตอนแรกได้โครงการมา ก็ตกลงกับครูว่าเราได้เลือกและเสนอโครงการไป จากนั้นวางแผนและดำเนินงานตามวันเวลาที่กำหนดครับ

เริ่มขั้นตอนแรกที่ลงมือทำ คือ การบุกเบิกศูนย์เรียนรู้การปลูกผักปลอดภัยที่ผู้ใหญ่เคยทำไว้ แต่โครงการจบลงแล้ว พาเพื่อนๆ ไปทำความสะอาดพื้นที่ บริเวณนั้นมีแปลงผักเก่าๆ อยู่ประมาณ 4-5 แปลง พวกเราเลยได้เตรียมแปลง ปลูกผักเพิ่มให้แตกต่างจากเดิม ช่วงวางแผนโครงการยังไม่ใช่หน้าร้อน แล้วทำให้ไม่ทันคิดถึงเรื่องน้ำที่จะนำมาใช้รดผัก เพราะในพื้นที่ศูนย์มีบ่อน้ำบาดาลไว้สำหรับใช้น้ำอยู่แล้ว ไม่ได้มีเหลือเฟือแต่ประเมินแล้วว่าพอสำหรับการปลูกผักในโครงการ ปรากฏว่าพอเข้าหน้าร้อนจริงๆ น้ำขาดแคลน สูบขึ้นมา 5-10 นาทีน้ำหมดบ่อ ครูเลยเสนอให้พลิกสถานการณ์ว่ามาเพาะเห็ดดีไหม เห็ดอะไรดี สรุปแล้วเห็ดที่เอามาเพาะเป็นเห็ดก้อนๆ คล้ายเห็ดโคนหัวเล็กๆ ครับ ช่วงแรกก็เอามาปลูกเราต้องเพาะก่อน ซึ่งก็เติบโตดี จากนั้นวันสองวันเริ่มมีเชื้อรา คุณพ่อผมเข้ามาช่วยดูแลในส่วนของเห็ดที่ไม่ค่อยดี ปรับใหม่มาทำเป็นกองฟางแทน เอาเชื้อมาเพาะในกองฟาง เลยรอดพ้นจากเชื้อราครับ หลังจากนั้นเข้าหน้าฝน ตอนราวๆ เดือนมีนา

งานของเรามีผู้ใหญ่ ผู้รู้เข้ามาช่วยเยอะขึ้น ตอนนี้ก็ขยายใหญ่ขึ้นเยอะครับ มีแปลงปลูกผัก ปลูกพืชไม้เลื้อย พืชผลต่างๆ และมีเลี้ยงสัตว์ด้วย เช่น ปลา กบ ไก่ หมู เป็นต้น


ถาม ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์มีอยู่ในแผนตั้งแต่แรกไหม

นัท วางแผนกันว่าจะปลูกแค่ผักเท่านั้นครับ คิดว่าปลูกไม่กี่ชนิดเพราะพื้นที่ที่มีไม่เยอะมาก แต่พอเริ่มไม่ประสบผลสำเร็จ จึงพลิกแพลงให้อยู่รอดให้ได้ครับ หลังจากนั้นทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้น เช่น สภาพอากาศฝนตก มีน้ำใช้เยอะขึ้น ก็ได้เริ่มขยายพื้นที่เพื่อปลูกผัก จากนั้นผลผลิตเยอะขึ้น สามารถนำไปขายที่ตลาด ขายให้คนในชุมชน บางคนมาติดต่อขอซื้อ


ถาม ที่บอกว่าที่มีปัญหาขรุขระในตอนแรก ก็เพราะเป็นหน้าร้อนจึงไม่มีน้ำรดผักใช่ไหม

นัท ใช่ครับ หน้าร้อน มีแมลงมารบกวน หรือสุนัขมาขุดดินเป็นหลุมเลยครับ เรื่องสุนัขเราแก้ปัญหาโดยการทำรั้วให้ดีขึ้นครับ


ถาม พวกเราได้ลงมือปลูกเอง เราได้ไปปรึกษาใครก่อนไหมหรือได้ไปดูงานที่ไหนมาก่อนไหม

นัท ครูดีทำสวนอยู่แล้ว และทำเกษตรอินทรีย์ ครูดีเลยเป็นคนแนะนำและให้ความรู้ พาไปแปลงปลูกผักไม่ใช้สารเคมี มีผู้รู้จากบ้านแวนนาริน อ.ลี้ (วิสาหกิจชุมชนคนพอเพียง) มาให้ความรู้ เรื่องความแตกต่างของผักปลอดภัยแต่ละระยะ เช่น ผักออแกนิค ปลอดสารพิษ ผักสลัด และเรื่องการติดตั้งสปริงเกอร์ ระบบน้ำครับ


ถาม เขามาให้ความรู้พวกเราในพื้นที่เลยใช่ไหม ชื่อกลุ่มอะไร อยู่ที่ไหน

นัท ทั้งไปหาในพื้นที่ของเขา แล้วเขามาหาเราครั้งหนึ่ง เพื่อมาสอนงานว่าต้องทำอย่างไร ชื่อ หมู่บ้านแวนนาริน อยู่ที่ ต.ลี้


ถาม นัทเคยรู้จักหรือได้ยินชื่อหมู่บ้านนี้มาก่อนไหม ก่อนที่จะมาทำโครงการ

นัท ไม่เคยครับ คุณครูติดต่อประสานงานให้เรา ตอนนั้นมี 2-3 โครงการที่ทำคล้ายๆ กับโครงการของผม ไปประชุมด้วยกันและรับความรู้ด้วย


ถาม ครั้งแรกที่ไปรับความรู้มา เราไปหาเขา หรือเขามาหาเรา

นัท ไปหาเขาครับ ครั้งที่สองเขาก็มาหาเรา


ถาม ครั้งแรกที่เราไปหาเขา ได้เรียนรู้เรื่องการปลูก และเรื่องสปริงเกอร์อะไรต่างๆ ใช่ไหม แล้วพวกพืชผักตอนแรกที่วางแผนจะปลูกเราเลือกมาจากอะไร

นัท ครับ , คุณครูดีแนะนำให้ปลูกผักกาด ผักบุ้ง ที่น่าจะอยู่รอดในช่วงฤดูตอนนั้น เป็นพืชที่ใช้น้ำไม่เยอะและดูแลง่าย แต่ก็ประสบปัญหาน้ำขาดแคลน และดินในพื้นที่เป็นแบบทรายดำหรือดินปนทราย จึงทำให้ต้องใช้น้ำเยอะ


ถาม ก่อนมาทำโครงการนี้ นัทมีความรู้พืชผักแบบนี้มาก่อนไหม

นัท ปกติแล้วพ่อแม่ทำไร่ทำสวนจึงได้เรียนรู้มาก่อนแล้วครับ เช่น ปลูกผักชนิดนี้ต้องใช้น้ำเยอะไหม ทำยังไงให้อยู่รอดครับ


ถาม แต่เรื่องที่น้ำแล้งไปเลยเป็นเรื่องที่เราไม่ได้คาดคิดใช่ไหม

นัท ใช่ครับ ตอนที่คิดโครงการตอนนั้นไม่ใช่หน้าแล้ง แต่ใกล้หน้าแล้งแล้วครับ เห็นว่ามีบ่อน้ำเรียบร้อย แต่ไม่คิดว่าจะเกิดปัญหาแบบนี้ครับ


ถาม เราปลูกผักกันกี่แปลง

นัท ตอนแรกทดลองปลูก 5 แปลงครับ ลองดูว่าจะรอดไหม แต่ก็รอดบ้างตายบ้างครับ เลยหันมาเพาะเห็ด แล้วเริ่มพัฒนาศูนย์ พอน้ำเริ่มมีเยอะขึ้น แล้วก็มีผู้ปกครองเข้ามาช่วยสนับสนุน ผู้ปกครองเข้ามามีส่วยช่วยเยอะมากๆ เลยครับ ผู้ใหญ่บ้าน และครูช่วยหาทุนมาสนับสนุนด้วย


ถาม เวลาที่ผู้ใหญ่เข้ามาช่วย เขามาช่วยลงแรงหรือว่าทำอะไร

นัท ช่วยสนับสนุนเรื่องงบประมาณบางส่วน บางคนก็นำเมล็ดพืชมาให้ ผู้ใหญ่บ้านช่วยเรื่องหาสัตว์มาเลี้ยง เช่น ปลา ไก่ เป็นต้น


ถาม เราคิดว่าเหตุผลอะไรที่พ่อแม่เรา ผู้ใหญ่บ้านพ่อลีโอ เข้ามาช่วยเรา

นัท ทีแรกเลยช่วงโควิด ผู้ปกครองแต่ละบ้านว่างงานกัน พ่อของผมเห็นว่าไปไม่รอดจึงต้องมาช่วยกัน แล้วก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เป็นความสามารถของพ่อผมล้วนๆ เลยครับ เหมือนเป็นปราชญ์ผู้รู้มาช่วยแนะนำว่าจะต้องทำยังไง อะไรบ้าง


ถาม ถ้าเราประเมินสถานการณ์แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ถึงทำให้พ่อรู้สึกว่าจะไปไม่รอด แล้วมาช่วยกันดีกว่า

นัท ตอนนั้นเห็ดเป็นเชื้อรา ต้องรีบๆ แก้ไขครับ น่าจะไม่รอด เพราะเชื้อไม่แข็งแรง จึงต้องทำให้เป็นกองฟาง กองใหญ่และนำเชื้อมาใส่ แล้วเห็ดก็งอกด้านข้าง ทำเป็นโรงเพาะเห็ดขนาดใหญ่ไปเลยครับ


ถาม วิธีแรกที่เราไม่ได้ใช้ฟาง เราเอามาจากไหน

นัท ซื้อเป็นหัวเชื้อเห็ดมาก่อนครับ แล้วเอามาวางเปิดฝาถุงไว้ และพรมน้ำให้พอชุ่มชื้น จากนั้นก็อาศัยเวลา จากความร้อนชื้น รอเห็ดออกผลผลิต ขายได้หลายกิโลเลยครับ แต่วันที่ 2-3 เห็ดไม่ค่อยออก เพราะมีราขึ้น จึงทำให้ดูแลไม่ไหว พ่อผมมาดูคิดว่าไม่น่ารอด แล้วจึงทำใหม่อีกรอบครับ


ถาม เท่ากับว่าแปลงผักที่ทดลองในตอนแรกแห้งและเหี่ยวเฉา, เปอร์เซ็นที่รอดเท่าไหร่

นัท ไม่เชิงครับ ยังมีส่วนที่รอดอยู่ครับ ,ประมาณ 50% ครับ จำพวกต้นเล็กๆ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยรอด แต่จะมีบางส่วน เช่น พริก ที่อยู่รอด


ถาม ขณะเดียวกันเห็ดก็ขึ้นรา แล้วต้องกลับมารื้อใหม่ใช่ไหม คราวนี้หลังจากได้พ่อมากอบกู้ สถานการณ์เป็นยังไงพลิกฟื้นไหม

นัท ใช่ครับ , สถานการณ์เห็ดพลิกฟื้นไปได้ดีครับ และประมาณอาทิตย์สองอาทิตย์หลังจากนั้น น้ำเริ่มมีแล้วครับ เราต่อระบบน้ำใหม่ เพิ่มแปลง เพิ่มในส่วนอื่นๆ เยอะขึ้น ถึงตอนนี้ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ให้พวกพี่ๆ ดู แต่ก็พัฒนาขยายใหญ่ ปลูกเยอะขึ้น มีการปลูกข้าว ปลูกผัก ทำบ่อเก็บน้ำด้วยครับ


ถาม ตรงนี้เป็นงานที่ต้องใช้แรง ต้องใช้การคิดวางแผนเยอะ ช่วงเวลาตรงนี้ในกลุ่มเรายังทำยังร่วมกันอยู่ไหม แล้วมีปัญหาอะไรไหม

นัท มีปัญหาตรงที่ติดงาน ไม่ค่อยว่า ขี้เกียจครับ


ถาม แล้วหลักๆ เราทำงานกันกี่คน

นัท หลักจริงๆ ก็จะมี ผม โจ ( มาช่วยเป็นบางวัน ) ส่วนพืชผัก รดน้ำ ผมดูแลทั้งนั้นครับ แต่ช่วงหลังๆ พ่อผมดูแลแทนครับ


ถาม เท่ากับว่าก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เราวางแผนไว้ตั้งแต่แรกใช่ไหม

นัท ครับ ไม่เป็นไปตามแผน , โชคดีมีพ่อผม โครงการก็เลยผ่านไปด้วยดีครับ


ถาม เรารู้สึกยังไงบ้างที่มีเหตุและอุปสรรคฉุกละหุกไปหมดเลยระหว่างทำโครงการในครั้งนี้

นัท คิดหาทางออกไม่ได้เลยครับ ปรึกษาเพื่อน คิดเยอะ “ว่าจะทำยังไงดี ไหวไหมนี่ ปลูกแค่นี้น้อยไปไหม” พอพ่อมาช่วยคิด เลยทำอะไรได้เยอะขึ้น พ่อเข้ามาช่วยประมาณ 70% ได้ครับ


ถาม เราเครียดมากขนาดนี้ เคยคิดไหมว่าไม่ทำแล้วดีกว่าและดูเหมือนเพื่อนเราต่างคนต่างไม่ว่างมาทำโครงการ

นัท คิดไว้เหมือนกันครับ คิดว่า “ โครงการนี้น่าจะเป็นโครงการสุดท้ายที่ทำเอง ” เพราะปีนี้ก็เป็นปีสุดท้ายที่ต้องเรียนแถวบ้านและอาจจะต้องไปเรียนต่อที่อื่นครับ ก็เลยคิดว่าให้รุ่นน้องมาสืบทอดต่อ จะทำโครงการอะไรก็ได้ แต่ต้องมาทำโครงการ


ถาม เราเห็นแววรุ่นต่อไปบ้างรึยัง

นัท ยังไม่เห็นครับ , เด็กสมัยนี้ก็ไม่สนใจเหมือนพวกผมในตอนแรกๆ ครับ สนใจเล่นโทรศัพท์ ใช้เวลาว่างไม่เกิดประโยชน์ครับ


ถาม ระหว่างที่เราทำโครงการนี้ มีเด็กเยาวชนหรือใครมาสนใจสิ่งที่เราทำบ้างไหม

นัท นอกจากพวกเราแล้ว ก็ไม่มีครับ ไม่ค่อยมีเด็กมาสนใจ ส่วนใหญ่ก็อยู่บ้าน เล่นเกม ไปเที่ยวครับ


ถาม ในแผนงานของเรา กลุ่มเป้าหมาของเราคือใคร

นัท ทีแรกลีโอมองว่า คนในชุมชนล้มป่วย บางคนถึงขั้นเสียชีวิต เป็นโรคและแก่ชราครับ ก็อยากจะให้เห็นสาเหตุว่า “เพราะเขาบริโภคผักที่มีสารเคมี ไปตรวจดู ผู้สูงอายุมีสารตกค้างในเลือดสูง ” ในชุมชนลีโอคิดเห็นว่า เรามาทำเพื่อคนในชุมชน เพื่อให้ผู้สูงอายุได้กินผักที่ปลอดสารพิษจะได้ร่างกายแข็งแรง


ถาม นอกจากเรามาปลูกและลงมือทำกันเองแล้ว ได้ไปสำรวจข้อมูลด้วยใช่ไหม

นัท ครับ สำรวจข้อมูลจากคนในชุมชน ถามผู้รู้ ถามว่าผู้สูงอายุมีจำนวนเท่าไร ตรวจร่างกายตรวจเลือดมีสารตกค้างไหมและจำนวนกี่คน ร้อยละเท่าไร นำมาคิดกันครับ ต้องทำให้คนในชุมชนได้บริโภคผักที่ปลอดสารพิษ


ถาม กิจกรรมที่เราไปถามคนในชุมชนเกิดขึ้นช่วงไหน ในโครงการเรา

นัท ตอนสำรวจผมไม่ได้ไปครับ แต่คุณครูทำการสำรวจและถามให้เรียบร้อยครับ ตรงนี้ก็สบายเลย ได้ข้อมูลเรียบร้อยและมีผู้ใหญ่และกำนันสนับสนุนหาข้อมูลมาให้ครับ


ถาม เราก็เอาข้อมูลนั้น มาเป็นโจทย์ในการทำโครงการนี้ไหม

นัท คือเป็นโจทย์ต่อจากโครงการแรกครับ เนื่องจากคนในชุมชนมีสารพิษตกค้างในเลือด เช่น ปราชญ์ผู้รู้ไม่สบายพอดี จึงเกิดเป็นโครงการนี้เลยครับ


ถาม พอได้มาทำโครงการแล้ว นัทคิดว่าอันไหนเป็นเรื่องยากที่สุดในการทำโครงการนี้

นัท เรื่องยากคงเป็นเรื่องการลงมือทำแปลงปลูกผักต่างๆ ครับ ยากตรงที่ใช้แรงมาก ส่วนข้อมูล ประชุม ไม่มีปัญหา จะมีบางครั้งไม่ว่างติดงานทำให้การประชุมคนไม่มากมีประมาณ 4-5 คนครับ บางทีก็ 2-3 คน มีประธานและเพื่อนอีกคนครับ


ถาม ตอนที่เราเจอปัญหาเยอะๆ เราจัดการกับความรู้สึกยังไง

นัท ตอนนั้นก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็ปล่อยไปครับ จนปัญหาเริ่มคลี่คลายและกลับมามีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น ทำให้ทำงานต่อได้ครับ


ถาม จังหวะเริ่มดีขึ้น มีน้ำมากขึ้น ใช่ไหม ,ถ้ายังไม่เข้าหน้าฝน เราคิดว่า เราจะอยู่ในสภาพแบบไหน

นัท ใช่ครับ , เป็นสภาพที่ไปไม่รอดแล้วและคงไม่รู้ว่าต้องทำอะไรแล้วครับ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ อาจจะมีอย่างอื่นมาทำแทนก็ได้ครับ ถ้ามันมีปัญหาเราต้องคิดหาทางแก้อยู่แล้วครับ


ถาม ด้วยเหตุผลที่ว่า นัทอาจจะไม่ได้อยู่ในชุมชนแล้วใช่ไหม ออกไปข้างนอก อะไรในโครงการนี้ทั้งปีแรกและปีที่สอง เป็นโครงการที่ทำระยะยาวเลยแล้วต้องใช้ความรับผิดชอบสูง คิดว่าโครงการมีเสน่ห์อะไรที่ทำให้เราชอบและอยากจะทำ

นัท หลักๆ คือ สนุกได้ปลูกผัก รดน้ำผัก ผมชอบได้ออกกำลังกายด้วย ได้ฝึกทักษะการเอาชีวิตรอด เช่น ไปในป่าก็ยังสามารถหาผักมากินได้ครับ เพิ่มทักษะในตัวมากขึ้น จึงทำให้เกิดความสนุก รู้สึกสนใจและตื่นเต้นด้วยครับ


ถาม มันได้เพิ่มทักษะ แต่ก็เพิ่มภาระเหมือนกันนะ เพราะเราก็ยังเรียนอยู่

นัท ใช่ครับ , ภาระก็เยอะ งานก็เยอะ ทุกวันนี้การเรียนก็จะไปไม่รอดเลยครับ เพื่อนในห้องก็ไม่ต่างกันครับ คิดเยอะเหมือนกัน


ถาม พี่เข้าใจถูกไหมว่า ก็เพราะว่าเราทำแล้วสนุก เราก็เลยทำถึงแม้ว่าเราจะลำบากก็ตาม

นัท ถึงมันจะลำบาก แต่มันก็ผ่านพ้นไปด้วยดี


ถาม ความสนุกเกิดจากอะไร ถ้าวิเคราะห์

นัท ความสนุกมาจากความตื่นเต้นของเรา ที่จะได้ตื่นมาดูแลพืชผัก ทุกเช้าและเย็น มารดน้ำ มาดูว่ามีหนอนมากวนไหม จะได้แก้ไข


ถาม สุดท้ายแล้วที่เราทำโครงการ เราคิดว่าชุมชนได้อะไร

นัท ประโยชน์ คือ คนในชุมชนหันมาบริโภคผักปลอดสารพิษ ซื้อจากศูนย์ของเราเยอะขึ้น แทนที่จะไปซื้อที่อื่น ซึ่งมีสารตกค้าง ฉีดเพื่อให้สวย น่ากินและดึงดูด


ถาม พวกเราเก็บขาย คือพวกเราเอาไปขายเองไหม

นัท ช่วงแรกขายเองครับ หลังๆ มา มีคนมาติดต่อซื้อเองที่ศูนย์ครับ


ถาม คนที่มาติดต่อซื้อ เขาเป็นใคร

นัท เป็นคนในชุมชนนี่แหละครับ เช่น ผู้สูงอายุ คนทั่วไป มาซื้อ ไม่ได้มาเอาฟรีๆ ครับ ซื้อเพื่อสนับสนุน และเอามาบริหารหมุนเวียน เอาผักมาปลูกต่อได้อีกครับ


ถาม เราได้มีแจกให้ผู้สูงอายุ ที่เรารู้จักได้กินบ้างไหม

นัท มีบ้างครับ บางครั้งผลผลิตออกเยอะ ก็แจกบ้างขายบ้างครับ


ถาม ที่วางแผนแต่แรก เราได้วางแผนการขายด้วยไหม

นัท ตอนแรกก็วางแผนจนได้ขายครับ


ถาม แสดงว่าเราทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ใช่ไหม เราคิดว่ายังไง

นัท ตามเป้าหมาย และเกินความเป้าหมายด้วยครับ เช่นเรื่องการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ครับ


ถาม ที่ได้เยอะมากใช่ไหม

นัท ครับ ทีแรกคาดการไว้ว่า ปลูกแค่เท่าที่เราทำได้และเก็บผลผลิตไปขายและแจกจ่ายให้คนในชุมชนได้กินครับ


ถาม ถ้าให้ประเมินโครงการผลลัพธ์เต็ม 10 เราให้กี่คะแนน

นัท ให้ประมาณ 8-9 คะแนนครับ แต่ถ้าเรื่องดำเนินโครงการ ให้ประมาณ 6-7 คะแนน เพราะ บางทีไม่ต่อเนื่อง บางทีก็หายไปบ้างครับ ก็คือติดงาน ไม่ค่อยว่าง ไม่ค่อยได้รวมกลุ่มกันครับ ทำงานก็ปรึกษากันก่อนทำงาน เล็กๆ น้อยๆ แล้วลงมือทำเลยครับ


ถาม เรามองว่า ถ้าเกิดเรากลับไปแก้ไข เราจะเปลี่ยนแปลง วิธีการทำงานของพวกเราไหม

นัท อาจจะปรับเปลี่ยนเรื่องความรับผิดชอบของแต่ละคนครับ อยากให้มีความรับผิดชอบในงานตัวเองมากขึ้น ความเหนื่อยจะได้ไม่ตกที่ใครคนใดคนหนึ่ง จะได้ช่วยกันคนละไม้คนละมือ พัฒนาไปด้วยกันครับจนประสบความสำเร็จ


ถาม แล้วส่วนตัวเราได้เรียนรู้อะไรจากการทำโครงการนี้บ้าง

นัท ได้เรียนรู้เรื่องพืชผัก ว่าผักแต่ละชนิดที่เราปลูก ปลูกอย่างไร ดูแลอย่างไร ใช้ปุ๋ยหมักพ่นแบบไหน หมักปุ๋ยแบบไหน ผมรู้วิธีดูแลและพัฒนาเรื่องการปลูกผักเกษตรอินทรีย์มากขึ้นครับ ส่วนที่พัฒนาตัวเองก็คือความขยัน ความรับผิดชอบ ในสิ่งที่ตัวเองต้องทำ


ถาม แต่จุดอ่อนของกลุ่มเราคือการที่ไม่ได้ร่วมมือกันเต็มที่ใช่ไหม, แล้วเราคิดว่ามีอย่างอื่นอีกไหมที่เป็นจุดอ่อนในการทำโครงการครั้งนี้

นัท ครับ บางคนขาดๆหายๆ , ไม่มีครับ คือแต่ละคนก็มีความสามารถในด้านของตัวเอง ผ่านไปด้วยดี


ถาม ตัวของนัทเองนอกจากที่บอกพี่และสิ่งที่เรียนรู้มา ได้พัฒนาตัวเองอีกไหมจากการทำโครงการแรก

นัท ได้รู้ขั้นตอนการทำงานของโครงการ ได้เสนองานและพุดคุยอะไรต่างๆ ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ พัฒนาด้านความรู้ ซึ่งมีมาตั้งแต่ทำโครงการแรก แล้วพัฒนาตัวเองต่อเนื่องมาเรื่อยๆ


ถาม ตัวเราเองเปลี่ยนแปลงบุคลิกไปยังไงบ้าง

นัท ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเยอะครับ เปลี่ยนแปลงไปตามอายุและวัย หลักๆ เป็นเรื่องนิสัยและความรับผิดชอบครับ


ถาม พวกนิสัยเราเห็นว่าเปลี่ยนใช่ไหม นอกจากความรับผิดชอบ มีอย่างอื่นอีกไหม เช่นความกล้าที่จะพูดและความมั่นใจ

นัท โครงการแรกไม่กล้าพูดเลยครับ ถ้าสัมภาษณ์แบบนี้ไม่เคยพูดเลย ส่วนโครงการที่สองพูดเยอะ นำเสนอและถอดบทเรียน ผมพูดอยู่คนเดียวเลยครับ


ถาม เราได้ค้นพบความสามารถของตัวเองเพิ่มขึ้นไหม จากการที่เราทำโครงการครั้งนี้

นัท ไม่มีอะไรแล้วครับ กล้าแสดงออก


ถาม ได้เอาทักษะที่เรียนรู้ ไปใช้ในชีวิตประจำวันหรือในการเรียนบ้างไหม หรือมันมีประโยชน์ไหม

นัท มีประโยชน์ครับ ขยันในการทำงานมากขึ้นครับ ขยันเรียนนิดหน่อยถึงจะง่วงก็ทนเอาครับ


ถาม พวกเราก็ต้องผ่านกระบวนการเรียนรู้ เครื่องมือที่เราเอามาใช้ เช่น แผนที่ มีใช่ไหม

นัท มีครับ เช่นวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ มาช่วยในการทำงานครับ


ถาม ทำอะไรกันบ้าง เช่นแผนที่ชุมชน ปฏิทิน เราได้ทำกันบ้างไหม

นัท แผนที่ชุมชนเหมือนจะเคยทำ แต่มันเหมือนเด็กวาดครับ ครูให้ลองฝึกทำ ก็พอทำได้


ถาม เรารู้ไหมว่าทำไมเราจึงต้องทำแผนที่ชุมชนขึ้นมา

นัท ไม่รู้ครับ เขาให้ทำก็ทำ


ถาม อย่างทักษะที่เราได้ฝึกเขียน ฝึกคิดในโครงการ นัทมองว่ามีประโยชน์ที่เราเรียน เอาไปเขียนไปเรียบเรียงได้ดีขึ้นไหม

นัท ความรู้สึกไม่เท่าไหร่ รู้สึกปกติเหมือนเดิมเลยครับ มันก็ปวดหัวเหมือนเดิม ไม่ได้มีอะไรเยอะ


ถาม ตัวเรามีความฝันคิดแล้วว่าเรียนจบแล้วอยากเป็นอะไร

นัท อยากเรียนวิศวะ แต่น่าจะลำบากพอสมควร หรืออาจจะเรียนเป็นช่างไฟฟ้าอิเลคทรอนิกส์เพื่อไปทำงานต่อในอนาคต คุยกับเพื่อนว่า เรียนจบจะไปทำงานต่างประเทศ ไปเกาหลี ไปทำงานที่โน้นเป็นความชอบ อยากไปเที่ยวด้วยครับ อยากไปเห็นสิ่งใหม่ๆ โลกใหม่ๆ จากที่อื่นครับ


ถาม ที่บอกว่าวิศวะ มันลำบากไปหน่อย ลำบากในเรื่องอะไร

นัท การเรียน คือทุกวันนี้ปวดหัวหัวจะแย่ เรียนไม่ค่อยเข้าใจแต่พอไปได้อยู่ครับ พึ่งพาอาศัยเพื่อนในห้องครับ งานก็ลอกส่งครับ ไม่ได้เรียนเก่ง ทีแรกที่เข้ามาได้คือสอบติดเอง ก็เลยได้มาเรียนครับ


ถาม ตั้งแต่ทำโครงการปีหนึ่ง และปีสองเราทำงานเกี่ยวกับชุมชนมาตลอด เรามีความรู้สึกยังไงกับชุมชนบ้าง

นัท ผมมีความภูมิใจที่ได้ทำงานร่วมกับคนในชุมชน ได้ฝึกทักษะตัวเอง ช่วยพัฒนาชุมชน ผมรักชุมชนของตัวเองครับ


ถาม คิดว่าถ้าไปเรียน ออกไปทำอะไรเกี่ยวกับตัวเองแล้ว เราอยากกลับมาทำอะไรให้ชุมชนอีกบ้างไหม

นัท อยากพัฒนาในด้านที่ไม่ค่อยพัฒนาเท่าไหร่ครับ อยากทำให้มันดีขึ้น


ถาม แต่ขอไปล่าฝันก่อนใช่ไหม, คือก็ยังรู้สึกผูกพันกับชุมชน ไม่ได้รู้สึกแปลกแยกใช่ไหม

นัท ใช่ครับ , ขอไปตามหาฝันก่อน ผมคิดว่าถ้าไม่ตามหาฝัน ทำอย่างอื่นคงยากที่จะประสบความสำเร็จครับ , ครับ รู้สึกภูมิใจที่ได้เกิดมาอยู่ในชุมชนแห่งนี้


ถาม เห็นว่าเรามีช่องยูทูปเป็นของตัวเองด้วยใช่ไหม

นัท เคยคิดว่าทำยูทูปแล้วจะมีรายได้ รายการ idol5 เป็นรายการที่ยูทูปเบอร์มาต่อย ต่อสู้กัน ผมดูแล้วอยากปั้นช่องของตัวเองบ้าง และอยากไปต่อยมวยช่อง idol5 บ้าง เป็นความฝันอย่างหนึ่ง พอดูยูทูปบ่อยก็มีช่องที่ชอบ ที่ป็นแรงบันดาลใจ เลยอยากทำ แต่หลังๆ มาไม่รู้จะทำยังไง มันจนปัญญาแล้ว ก็เลยทิ้งไว้แบบนั้นครับ วันหน้าค่อยกลับมาทำต่อก็ได้ คือตอนนี้ปัญหาชีวิตเฉพาะหน้าก็ทำไปก่อน เช่น เรียนไปก่อน เพราะไม่ค่อยมีเวลาว่างครับ


ถาม ตอนนี้ก็คือยังไม่ได้ทำอะไรกับช่องตัวเองใช่ไหม

นัท ใช่ครับ จริงๆ แล้ว อยากทำ แต่คิดคอนเทนต์ไม่ออก ถ้าทำต่ออาจจะรุ่งก็ได้ คนอาจจะรู้จักเยอะครับ วางแผนเริ่มจากให้เพื่อนติดตามก่อน พอทำเรื่อยๆ ก็จะมีคนมาดูเพิ่มขึ้น หลักๆ เราต้องมีจุดเด่นของตัวเอง เพื่อดึงดูดให้คนมาดูเยอะขึ้น และคิดเนือหาให้น่าสนใจครับ ส่วนเรื่องคลิปผมตัดต่อเอง


ถาม แล้วอย่างบนเวทีมีพี่ๆ สอนเทคนิคการตัดต่อ การถ่ายวิดีโอ เราได้เอาไปใช่กับช่องตัวเองไหม

นัท ใช้ครับ เพราะได้เรียนรู้จากตอนนั้นเลยครับ เข้ามาทำโครงการแล้ว ผมได้เรียนรู้เรื่องการตัดต่อวิดีโอ โครงการสอนวิธีการใช้แอพตัดต่อคลิปจากมือถือ ซึ่งทำง่ายกว่าในคอมพิวเตอร์อีก ในโครงการผมได้ตัดต่อด้วย ได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เรียนรู้ เช่น การถ่ายวีดิโอ และการถ่ายภาพด้วย


ถาม ปกติเราสนิทกับพ่ออยู่แล้วใช่ไหม ไม่ว่าเราจะไปทำกิจกรรมอะไรก็ตาม เราจะเอาไปเล่าให้พ่อฟังใช่ไหม

นัท สนิทครับ คุยกันเอง ใช่ครับ ถ้ามีกิจกรรม ก็จะเข้าไปคุยแลกเปลี่ยนว่าทำอย่างไรดี ปรึกษากับคนในครอบครัวด้วย เช่น โครงการเป็นแบบนี้ จะทำยังไง จะไปรอดไหม ขั้นตอนเป็นยังไง เป็นต้น


ถาม ก็คือคุยกับพ่อตลอด

นัท ครับ แต่บางทีคุยกับเพื่อนบ้าง คือถ้าอยากคุยกับพ่อก็จะเข้าไปเลยครับ


ถาม ทำให้เราสนิทกันมากขึ้นไหม

นัท พูดคุยกันปกติครับ เรื่องเครียดนี่ไม่คิดมากครับ เพราะปกติเป็นคนร่าเริง ส่วนเรื่องการบ้านอันไหนทำไม่ได้ก็ถามเพื่อน ถามครูบ้างครับ ไม่ค่อยมีปัญหา ปัญหามักจะอยู่หน้าชั้นเรียน เวลาที่ครูให้คิด ก็จะถามเพื่อนว่าทำยังไง