เซเลอย่า : ศูนย์การเรียนรู้ซูแมวคี

เรียนระดับชั้น Basic English Pre University ที่ Thoo Mweh Khee Learning Centre

โครงการ Physical Creative Activities for Thoo Mweh Khee Migrant School (PCA) ศูนย์การเรียนรู้ซูแมวคี อำเภอพบพระ จังหวัดตาก

สัมภาษณ์วันที่ 20 มกราคม 2563 สนทนาผ่านล่ามภาษาปกาเกอญอ และภาษาอังกฤษ

­

­

ถามขอให้แนะนำตัวเองชื่ออะไร อายุเท่าไร เรียนอยู่ชั้นไหน?

ตอบ ชื่อเซเลอย่า อายุ 20 ปี เรียนอยู่ชั้นเตรียมมหาวิทยาลัย โรงเรียนซูแมวคี

­

ถามทำไมถึงมาเรียนที่นี่?

ตอบ ที่ตัดสินใจมาเรียนตรงนี้คือมีโอกาสได้ทำกิจกรรม เมื่อก่อนเรียนอยู่โรงเรียนในแคมป์ไม่ใช่โรงเรียนเอกชน ถึงแค่เกรด 10 ไม่มีโรงเรียนให้เรียนต่อ จึงคิดว่ามาเรียนที่ซูแมว เพราะที่นี่มีกิจกรรมเยอะ สอนทั้งภาษา 4 ภาษา ถ้าเกิดได้มาเรียนตรงนี้แล้ว จะมีโอกาสได้เรียนภาษา และทำกิจกรรมด้วยร่วมกับเพื่อนๆ คนอื่น

­

ถามก่อนเข้ามาที่นี่เข้ามาทำอะไรบ้าง?

ตอบ ที่เรียนตรงนี้ก็คือครึ่งพม่าครึ่งกะเหรี่ยง หนูเป็นกะเหรี่ยงแท้ๆ แต่ไม่รู้เกี่ยวกับความเป็นมาของกะเหรี่ยงเพราะว่าที่นู่นเขาสอนแต่พม่า สอนความเป็นมาของพม่า ไม่ได้สอนความกระเหรี่ยงเลย ไม่อนุญาตให้สอนเกี่ยวกับกระเหรี่ยง


ถามเป็นคนยังไง?

ตอบ คนขี้อายนิดๆ


ถามทำไมถึงมาร่วมโครงการนี้?

ตอบ เป็นคนที่สนใจเกี่ยวกับความเป็นมาของประเทศ ความเป็นมาของทุกประเทศในโลก เขาไปบอกว่าจะมาร่วมโครงการนี้ไหม คุณครูบอกเกี่ยวกับแต่ละประเทศมีความเป็นมาอย่างไร แต่พอเข้ามาแล้วเป็นโปรเจคนี้ ซึ่งก็มีความสนใจอยู่บ้าง จากที่ไม่เคยรู้ว่าทำโปรเจคทำอย่างไร ทำวิจัยทำยังไงตอนนี้ก็รู้ ตอนแรกได้เข้ามาเข้าใจผิด พอได้ยิน Project PCA แล้วไม่เกี่ยวกับประเทศก็ยังโอเคอยู่


ถามได้รู้อะไรบ้าง?

ตอบ ครูบอกว่าโครงการนี้ทำร่วมกับประเทศไทยคือ มีกี่โครงการ มีใครมาทำบ้าง การทำงานร่วมกันเป็นอย่างไร ได้มีความสามัคคี มิตรภาพ รู้เกี่ยวกับ PCA เพิ่มมากขึ้น เมื่อก่อนไม่เคยเล่นกีฬาอะไรเลย พอได้ทำแม้ไม่มีอุปกรณ์ ไม่มีเงินที่จะซื้อ เราสามารถสร้างอุปกรณ์เองได้ ได้รู้จักกีฬาเพิ่มมากขึ้นเมื่อ ก่อนไม่เคยเล่นกีฬาเลย ขั้นตอนการเล่นยังไม่รู้ อยู่บนดอยถ้าเราไม่สามารถซื้ออุปกรณ์ได้ เราก็สร้างอุปกรณ์ขึ้นมาได้


ถามทำหน้าที่อะไรในโครงการ?

ตอบ เป็นเหรัญญิก ไปซื้ออุปกรณ์ที่เราทำเองไม่ได้ พอไปซื้อเขาให้บิลมา เราก็มาเขียนลงคำนวณไม่ให้เงินหายแม้แต่บาทเดียว ถ้าหายเราก็จะต้องจ่าย หนูเป็นคนที่ละเอียดในเรื่องการเงิน สนใจที่รับหน้าที่นี้

­

ถามช่วยบอกความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเองก่อนหน้าที่เป็นคนขี้อายหลังจากที่ได้ร่วมโครงการแล้วมี เห็นการเปลี่ยนแปลงในเรื่องอะไร?

ตอบ เมื่อก่อนเวลาที่ได้รับหน้าที่จะไม่ค่อยรับ เมื่อต้องไปนำเสนอต่อหน้าผู้คน จะไม่ค่อยรับเพราะเป็นคนขี้อาย ตอนนี้ก็แสดงออกเมื่อวันที่ร่วมไปประชุม 3 วัน เพื่อนแบ่งหน้าที่ให้เยอะมากทั้งเขียนทั้งนำเสนอ ก็รับหมดเลยเมื่อก่อนไม่รับนะ


ถามที่ว่าขี้อายที่จะแสดงออก อะไรในตัวเองที่เปลี่ยนให้เป็นคนกล้าแสดงออก?

ตอบ ถ้าเราขี้อายเราก็ต้องขี้อายไปตลอด เราจะไม่รู้ว่าเรามีคุณค่า เรามีความสำคัญกับเพื่อนๆ อย่างไรบ้างพอเรากล้าแสดงออก เพื่อนทำอะไรก็จะเห็นเรา ก็จะให้เราทำเพิ่มมากขึ้น เราเปลี่ยนความคิดของตัวเอง ที่เห็นคนอื่นทำได้เราก็ทำได้ มีคนอื่นเป็นตัวอย่าง


ถามงานในหน้าที่เจอปัญหาอะไรบ้างไหม?

ตอบ ปัญหาอย่างเดียวก็คือ เวลาไปซื้อของเขาจะให้ใบเสร็จมาเป็นภาษาไทย ไม่เคยเรียนโรงเรียนไทยก็จะเขียนภาษาไทยไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะใส่ว่าอะไรดี ต้องมาหาเพื่อนให้ช่วยแปล บางครั้งเพื่อนไม่อยู่ก็ต้องเว้นไว้ อันนี้ซื้ออะไรบ้างนะ เป็นเรื่องการจัดสรรเงิน การจดบันทึก ปัญหาคือมีปัญหาเรื่องภาษา ไม่รู้จะนำเงินรายการนี้ไปกรอกว่าเป็นอะไร


ถามมีปัญหากับเพื่อนในทีมบ้างไหม?

ตอบ ครั้งไหนที่มีการประชุมเพื่อนมาสาย เราเป็นคนตรงเวลาทุกครั้ง เพื่อนติดไม่ตรงเวลาบ้าง ก็จะโกรธนิดนึงว่าเพื่อนทำไมไม่ตรงเวลา พวกเราเป็นผู้นำจะต้องเป็นตัวอย่างที่ดี บางทีสมาชิกมาครบแล้วแต่ทีมยังมาไม่ครบ


ถามแก้ปัญหาอย่างไร?

ตอบ การที่เราทำงาน มันจะไม่สำเร็จได้ด้วยคนคนเดียว จะต้องทำร่วมกันจะต้องมีความอดทนกับทุกคน ทุกคนมีข้อผิดพลาด ต้องยอมรับข้อผิดพลาดของคนอื่นด้วย

­

ถามอะไรที่ยากที่สุดในการทำโครงการในช่วงเวลา 6 เดือน?

ตอบ สิ่งที่ยากคือการวิจัยนี้ ไม่เคยทำงานวิจัยมาก่อน พอที่ปรึกษาพี่เลี้ยงไม่อยู่แล้วให้คนอื่นทำเอง อาจจะทำไม่ได้ ไม่มีความมั่นใจแต่ถ้ามีครูอยู่ข้างๆ ให้คำปรึกษานิดนึงก็จะทำได้ อย่างที่สอง คือทุกเย็นบางวันครูไม่อยู่ พวกหนูก็ต้องเป็นหัวหน้าแทน ทำยังไงถึงจะทำให้สมาชิกทุกคนฟัง อันนี้เป็นเรื่องยากก็พยายามที่จะทำให้ดีที่สุดถึงแม้จะยากก็พยายาม

­

ถามพยายามอย่างไร?

ตอบ ต้องทำตัวให้แข็งแกร่งให้เหมือนพี่เลี้ยง ให้เหมือนคนดูแล บางคนตัวใหญ่ถ้าเรากลัวความตัวใหญ่ของเขา เราอาจจะไม่กล้าทำอะไร ต้องทำตัวให้เป็นผู้นำ จะไปว่าเขาให้ทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ไม่ได้ ก็ต้องค่อยๆ พูด

­

ถามให้คะแนนตัวเองในการทำโปรเจคนี้เท่าไร?

ตอบ ให้ 7 คะแนน เพราะบางครั้งก็ไม่สมบูรณ์แบบ บางครั้งก็ทำเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังมีอะไรบางสิ่งบางอย่างที่ตกหล่นอยู่ เช่นขี้ลืม เหมือนไม่มีความพร้อมทุกครั้งที่ทำกิจกรรม

­

ถามถ้ามีโอกาสทำซ้ำอีกครั้งหนึ่งโครงการนี้อยากจะแก้ไขปรับปรุงอะไร?

ตอบ จัดการเวลาชัดเจนกว่านี้อะไรที่วางแผนไว้ก็จะทำให้สำเร็จ


ถามได้เรียนรู้อะไรจากโปรเจคนี้บ้าง?

ตอบ เกี่ยวกับเป้าหมายของตัวเอง ก็อยากจะเป็น NGO คือ การที่เราจะทำโครงการให้สำเร็จ ต้องมีขั้นตอนและรายละเอียดชัดเจน อนาคตอยากจะทำโครงการ อยากจะเข้าร่วมโครงการ NGO ค้นพบศักยภาพตัวเอง ความเป็นผู้นำในตัวเอง ความฝันอยากจะเข้าโครงการ NGO ถ้าได้ทำวิจัยด้วยตัวเอง


ถามถ้าวันนึงได้เป็น NGO เป้าหมายคืออะไร?

ตอบ ก็จะไปช่วยคนในหมู่บ้านคนในชุมชน เพราะคนในหมู่บ้านในชุมชนอาจจะไม่รู้เกี่ยวกับการทำวิจัยอะไรพวกนี้ อยากจะกลับไปพัฒนาชุมชนของตัวเอง


ถามปัญหาของชุมชนของเรามีอะไรบ้าง?

ตอบ เกิดในชุมชนแต่ว่าต้องมาเรียนหนังสือข้างนอก ก็เลยไม่รู้ปัญหาในชุมชนของตัวเอง ไม่มีโอกาสเพราะว่าอยู่ในประเทศพม่า รัฐบาลอยู่ในระบบปฏิวัติก็คือไม่มีโอกาส ถ้าเป็น NGO ก็สามารถกลับไปช่วยที่บ้านได้ บ้านของหนูอยู่ในเขตกะเหรี่ยงที่ถูกปกครองโดยพม่า เลยไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงในเรื่องของการพัฒนาถ้ารัฐบาลสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ


ถามที่ออกกำลังกาย กับร่างกายของเราเปลี่ยนแปลงไปไหม?

ตอบ เมื่อก่อนเป็นคนที่คิดมาก คิดแต่เรื่องเก่าๆ พอได้ทำโปรเจคนี้ ก็ต้องคิดแต่โปรเจคนี้ ไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น เรียน ทำโปรเจค เข้าโบสถ์ สุขภาพดี เมื่อก่อนต้องไปโรงพยาบาลบ่อย หลังๆ ไม่ค่อยได้เข้าแล้ว มาเรียนตลอดไม่ค่อยไปโรงพยาบาล


ถามด้านความสัมพันธ์เป็นอย่างไรบ้าง?

ตอบ วันแรกที่ประชุมกันไม่รู้จักกันเลย ครูไปเรียกมาครูพาไป เรียกมาทำอะไรกันจะให้ความรู้เกี่ยวกับอะไร ก็งงพอแรกๆ อายเขินๆ ตอนนี้ คุ้นเคยกันมากขึ้น