เกียรติชัย ไทยใหม่ : ​บทสัมภาษณ์เยาวชนเด่น โครงการแต่งตัวสบายๆ ตามสไตล์บ้านแพ บ้านหนองหลัก

บทสัมภาษณ์เยาวชนเด่น โครงการแต่งตัวสบายๆ ตามสไตล์บ้านแพ บ้านหนองหลัก  ตำบลตะเคียนปม อำเภอทุ่งหัวช้าง จังหวัดลำพูน


เยาวชนผู้ให้สัมภาษณ์

เกียรติชัย ไทยใหม่ ชื่อเล่น เผือก

อายุ 16 ปี เรียน ปวช. 1 ช่างยนต์ วิทยาลัยการอาชีพบ้านโฮ่ง



ปกติแล้ว อยากให้เล่าให้ฟังหน่อยว่าชีวิตประจำวันปกติ ในหนึ่งวัน เรามีกิจกรรมอะไรไหม ที่เราชอบทำเป็นพิเศษ

ซ้อมดนตรี เล่นเป็นวงกับเพื่อนๆ ครับ ผมเป็นนักร้องนำ แต่ผมเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่


แล้วมีกิจกรรมอะไรไหม ที่เราชอบ นอกจากร้องเพลง

ไม่ค่อยมีครับ


ดูยูทูบ เล่นเกมไหม

ส่วนมากเล่นแต่เฟซบุ๊กครับ ยูทูบไม่ค่อยเข้าเท่าไร


ชอบถ่ายรูปไหม ถ้าเล่นเฟซบุ๊ก

ชอบถ่ายรูปธรรมชาติ ป่าเขา ไม่ค่อยชอบเที่ยวไกล ๆ เท่าไร


ถ้าให้พูดหน้าเวที พูดได้ไหม

แล้วแต่สถานการณ์ที่กำหนดครับ พอพูดได้อยู่ แต่ก็มีตื่นเต้น


แล้วอย่างเผือกก่อนหน้านี้ เผือกเคยทำงานกับชุมชนมาก่อนไหม

ไม่ค่อยมีเท่าไร ส่วนใหญ่เป็นงานในวัดมากกว่าครับ เช่น พาพระไปทำกิจต่างๆ


แล้วความสัมพันธ์ระหว่างเรากับชุมชนเป็นอย่างไรบ้าง

ก็ดีอยู่


รู้จักคนในชุมชนมากน้อยแค่ไหน

โครงการนี้ได้ลงมือปฏิบัติเยอะ ได้ทำวิดีโอเข้ามาสอดแทรกอยู่ด้วย เมื่อก่อนไม่ค่อยรู้จักคนในชุมชนเท่าไหร่ แต่พอเริ่มทำโครงการนี้ ต้องมีไปสอบถามข้อมูลคนที่อายุเยอะกว่าเรา เลยได้รู้จักคนในชุมชนมากขึ้น


แล้วเรารู้จักชุมชนมากน้อยแค่ไหน

ปานกลางครับ ไม่มากเกิน ไม่น้อยเกิน


ก่อนหน้านี้เคยทำโครงการอะไรพวกนี้มาก่อนไหม

โครงการผ้าทอครับ ทำร่วมกับของป้าเดือน ของ สสส.


แล้วกิจกรรมอันนั้น คล้าย ๆ แบบนี้ไหม เหมือนกับโครงการนี้ไหม

ไม่เหมือนครับ


มันต่างกันอย่างไร โครงการนั้นเป็นอย่างไร

โครงการครั้งนั้นเน้นเกี่ยวกับการเขียนใส่กระดาษแผ่นใหญ่ เพื่อการนำเสนอมากกว่า


แล้วอย่างโครงการนี้แตกต่างจากของ สสส. อย่างไร

โครงการนี้ได้ลงมือปฏิบัติเยอะกว่า ผมได้ลงปฏิบัติเกี่ยวกับผ้าทอ ได้ไปสอบถามผู้รู้ มีการทำวิดีโอเข้ามาสอดแทรกอยู่ด้วย


โครงการนั้นเราได้ลงชุมชนแบบนี้ไหม

ไม่ค่อยได้ลงครับ


แล้วเราชอบแบบนี้ไหม

หมายถึงโครงการเหรอครับ ชอบทั้งสองครับ


อย่างโครงการนี้เรามารู้จัก หรือว่าได้เข้ามาทำโครงการนี้ได้อย่างไร ใครแนะนำ

ป้าเครือ พี่เลี้ยงชวนเข้าโครงการครับ


ป้าเครือมาพูดอย่างไร ตอนที่มาชวนเราเข้า

วันแรกชวนว่าสนใจทำโครงการไหม ผมก็เลยตอบไปว่า ลองทำดูก็ได้


ป้าเครือเขาเล่ารายละเอียดอะไรให้ฟัง เราถึงคิดว่า ลองทำดูก็ได้ มันมีเหตุผลอะไรที่เราตอบไปว่า ลองทำดูก็ได้

ลองเข้ามารับความรู้ก่อนก็ได้ ถ้ายังไม่เข้าก็ไม่เป็นไร ลองเข้ามาฟังดูก่อน ผมก็เลยไปฟัง


แล้วปกติสนิทกับป้าเครือไหม

ก็สนิทกัน


แล้วเราสนิทกับดั๊มไหม ดั๊มเป็นลูกของป้าเครือใช่ไหม

ดั๊มเป็นลูกของป้าเดือน


ก่อนหน้านี้เราเคยทำกิจกรรมกับป้าเครือมาก่อนไหม

ไม่เคยครับ


แล้วตอนแรกที่ลองมา เรารู้สึกอย่างไรบ้าง ถึงตัดสินใจที่จะทำโครงการมาจนถึงตอนนี้

คิดว่าลองหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ดูครับ


ประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่เราอยากลองหา ตอนนั้นเราคาดหวังว่าจะได้ประสบการณ์อะไรบ้าง

คาดหวังเรื่องการตัดต่อวีดิโอครับ แต่ที่ได้พัฒนาตัวเองมาถึงตอนนี้ เป็นเรื่องการกล้าแสดงออกมากกว่า


ตอนแรกเราคาดหวังแค่ว่าจะเรียนรู้เรื่องการตัดต่อวีดิโอใช่ไหม

ครับ


แต่มันได้มากกว่านั้นใช่ไหม

ครับ


แล้วอย่างโครงการที่เราทำ เกี่ยวกับเรื่องเสื้อผ้าของกะเหรี่ยง อยากรู้ว่าตอนนั้นมันเป็นความต้องการ เป็นความสนใจของเราจริง ๆ ไหม

คือความคิดแรกไม่ค่อยเท่าไร แต่พอลองได้เข้ามาทำ ผมก็รู้สึกสนใจครับ อยากอนุรักษ์ไว้


ตอนที่ให้เสนอว่าใครอยากทำโครงการอะไร ตอนนั้นเผือกมีในใจไหม ว่าเผือกอยากทำโครงการอะไร

รถขยะในชุมชนครับ


แล้วทำไมถึงได้ข้อสรุปมาเป็นเรื่องเสื้อ เรื่องชุดกะเหรี่ยง

ตกลงกันรอบแรกว่าจะทำเรื่องรถขยะในชุมชน คิดไปคิดมา ถ้าเหมารวมทั้งชุมชนมันใหญ่เกินไป ทำไม่ค่อยไหวกัน เลยกลับมาทำเรื่องผ้าทอ


ที่เราบอกว่าคิดไปคิดมา มีใครชวนเราคิด หรือว่าเราคิดกันเองภายในกลุ่ม

คิดกันทั้งหมดเลยครับ ช่วยกันคิด


มีพี่ ๆ มาช่วยตั้งคำถามไหม ว่ามันใหญ่ไปไหม

คนนอกคนอื่นไม่ค่อยมีเท่าไร ส่วนมากจะเป็นพี่เลี้ยงมากกว่า


ตอนนั้นที่เราบอกว่ามันใหญ่ไป มันใหญ่ไปอย่างไร เรื่องขยะ

เรื่องขยะมันต้องลงพื้นที่หนักครับ เก็บรายละเอียดเกือบทุกอาทิตย์ทุกเดือน ทุกคนก็ไม่ค่อยว่างกันเท่าไร เรียนไกลด้วย ไม่ค่อยได้กลับบ้าน


เผือกนี่คือเรียนอยู่ข้างนอกใช่ไหม ไม่ได้เรียนในพื้นที่

ครับ


แล้วคิดไหมว่าเราจะมาถึงจุดนี้ได้

ตอนแรกก็คุยกับพี่เลี้ยงว่าน่าจะไปไม่ได้แล้ว เพราะว่าวีดิโอที่ส่งไปครั้งแรกมันผิดเยอะมาก ผมรู้สุึกว่าเป็นเรื่องยาก เพราะไม่เคยทำมาก่อน เป็นการทำวิดีโอช่วงแรกๆ ตั้งแต่เริ่มทำโครงการ เป็นครั้งแรกที่ผมได้ลองทำวิดีโอแบบจริงจัง


มีใครให้คำปรึกษา หรือว่าเรามีวิธีคิดอย่างไร ถึงผ่านตรงนั้นมาได้ แล้วก็ทำมาจนถึงตอนนี้ได้

พี่ที่ทำโครงการด้วยกัน หรือว่าเพื่อนที่ทำโครงการก็ช่วยบอกช่วยสอน


ในโครงการเราเอง หรือว่าโครงการใหญ่ที่ช่วยบอกช่วยสอน

ทั้งสอง ทั้งโครงการใหญ่และโครงการเล็ก


คือเรามีความชอบเกี่ยวกับถ่ายวีดิโออยู่แล้วใช่ไหม

ครับ


ก่อนหน้าที่จะมาทำโครงการนี้ เราถ่ายวีดิโอไว้บ้างหรือเปล่า

ส่วนมากวิดีโอไม่ค่อยมี จะมีเป็นรูปมากกว่า รูปถ่ายภาพนิ่ง


เสร็จแล้ว ได้ข้อตกลงว่าจะทำโครงการเกี่ยวกับเรื่องผ้า ตอนนั้นมาถึงกิจกรรมแรกที่บอกว่า แบ่งบทบาทหน้าที่กัน เห็นบอกว่าตอนนั้นคือจับฉลากใช่ไหม

ครับ


ตอนนั้นที่เราจับ เราได้บทบาทนี้ตั้งแต่แรกเลยไหม คือได้เป็นสื่อเป็นพีอาร์ หรือว่าเราเปลี่ยนอีกทีหนึ่ง ตอนที่เราได้

ผมไม่เปลี่ยนครับ ผมได้มาตรง ๆ แบบนั้นเลยครับ


แอบคิดไหม ว่าถ้าเราไม่ได้ตำแหน่งนี้ เราจะทำอย่างไร

ก็คิดว่าน่าจะทำไม่ได้ครับ ถ้าตำแหน่งอื่น


พอได้ตำแหน่งนี้แล้วก็ดีใจเลยใช่ไหม

ครับ


แล้วคนอื่น ๆ ที่บอกว่าเขามีเปลี่ยนกันบ้าง เขาเปลี่ยนกันเยอะไหม

คนสองคน


ถ้าจับฉลาก ไม่อยากได้ตำแหน่งไหนมากที่สุด

ตำแหน่งหัวหน้าโครงการครับ


เพราะอะไรเหรอ

คิดว่าหัวหน้าโครงการเรียกประชุมเมื่อไร น่าจะต้องไปทุกรอบทุกครั้ง


ทำไมล่ะ เราไม่ชอบประชุมเหรอ

ไม่ใช่ไม่ชอบครับ แต่ส่วนตัวผมรู้ว่าผมไม่ค่อยมีเวลาว่าง ถ้าเรียกประชุมช่วงวันเสาร์อาทิตย์ผมไม่ค่อยว่างเลยครับ ส่วนวันจันทร์ถึงศุกร์ เรียกประชุมช่วงตอนเย็นบางครั้งก็ว่าง ถ้าไม่ว่างก็จะเอาน้องไป


เพื่อน ๆ ในทีม สมาชิกทั้งหมด อายุเท่ากันไหม หรือว่ามีใครอ่อนใครแก่กว่าไหม

อายุสิบหก สิบเจ็ด สิบสาม สิบสี่ คละกันไป


มีปัญหาไหม ด้วยความที่อายุเท่า ๆ กัน พูดกันไม่ค่อยฟัง มีไหม

มีครับ ช่วงแรก ๆ นี่มีปัญหาเรื่องความคิด คิดต่างกัน ก็จะมีเรื่องน้อยใจกันบ้าง


น้อยใจเรื่องอะไร

บางคนก็สนิทกับคนนี้ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยคุยอะไรเท่าไร พอมาเจอเพื่อนในห้องก็พูดคุยกันมากกว่าที่อยู่ด้วยกัน


แล้วอย่างเผือก เผือกมีปัญหากับเพื่อน ๆ ไหม

ผมมีบางครั้งที่เพื่อนมาสาย หรือบอกแล้วไม่ตอบรับอะไรสักอย่าง ว่างหรือไม่ว่างก็ไม่ตอบ ห่างไปเลย


เราจัดการกับเพื่อนคนนี้อย่างไร ถ้าเขาไม่ตอบ เขาหายไป

ตามถึงบ้านครับ


แล้วเขาดีขึ้นไหม สุดท้ายแล้ว

สุดท้ายแล้ว ถ้าไม่อยู่บ้านก็รอให้เวลาว่างแล้วก็ไปอีกรอบ


อย่างขั้นตอนในการทำกิจกรรมในโครงการ เผือกชอบกิจกรรมไหนมากที่สุด

กิจกรรมที่ชอบมากที่สุด คือ การลงพื้นที่มากกว่า


ลงพื้นที่ที่ไปคุยกับผู้รู้เหรอ

ครับ ทำให้ผมได้รู้จักคนมากขึ้น รู้จักคนอื่นหลาย ๆ คน


แล้วมีอะไรในกิจกรรมนี้ไหม ที่เผือกไม่เคยทำมาก่อน แล้วจะต้องทำ

ไม่เคยทำมาก่อนจะเป็นเกี่ยวกับแอปต่าง ๆ ที่ไม่เคยใช้ครับ


เช่น อะไรบ้าง แอปที่ไม่เคยใช้

แอปซูม แอปตัดต่อวีดิโอ


ที่เราบอกว่าเราชอบลงพื้นที่มากที่สุดใช่ไหม ปกติเราพูดคุยกับผู้สูงอายุแบบนี้ไหม ช่วงตอนลงพื้นที่

กับผู้สูงอายุคุยปกตินะครับ แต่ไม่เคยเข้าไปถามข้อมูลแบบในโครงการ


ตอนที่เราบอกว่าเราลงพื้นที่ไปถามผู้รู้ เผือกรับหน้าที่เป็นคนถาม อันนี้คือเราคุยกับคู่ที่จะไป คุยกับใบตองว่าเผือกจะถาม หรือว่าเราแบ่งกันอย่างไร ใครเป็นคนถาม ใครเป็นคนจด ใครเป็นคนอัด ตอนนั้นน่ะ

แบ่งกันก่อนครับ แบ่งกับใบตองว่าใครเป็นคนถามก่อน เพราะว่าตอนนั้นผมไม่ค่อยว่าง คนอื่นไปถามกันก่อนหมดแล้ว เหลือผมคนเดียว


แสดงว่าเผือกไปช่วงหลัง ๆ ใช่ไหม

ท้ายสุดเลยครับ


เพราะว่าอะไร ไม่ว่าง

ครับ ช่วงนั้นไม่ค่อยว่างเท่าไร


แล้วอย่างนี้เพื่อน ๆ เขาตามไหม ถามไหม ทำไมเผือกถึงไม่มาสักที

ไม่มีครับ ส่วนมากโดยรวมเขาจะรู้ว่าไม่ว่างเพราะอะไร


แล้วเผือกบอกไหม ว่าเราไม่ว่าง เราติด

บอกก่อนครับ


เป็นครั้งแรกเลยไหม ที่เรารับหน้าที่คอยถามผู้สูงอายุ ผู้รู้

ครับ


เกร็งไหม บรรยากาศตอนนั้นเป็นอย่างไร ถามถูกถามผิดไหม

ก็มีเป็นช่วง ๆ บ้างครับ


ของเผือกตอนที่ถามมีปัญหาอะไรไหม

ไม่มีนะครับ ตอนที่ผมไปถาม เขาเริ่มทอผ้าพอดี


หมายถึงผู้สูงอายุเขาเริ่มทอแล้วเหรอ

ครับ ช่วงที่ทอแล้ว ยังไม่ได้ทำขั้นตอนอื่น ก็เลยตรงกับที่ผมไปถามพอดี


แล้วระหว่างที่ทำกิจกรรมมาทั้งหมด ประมาณหกถึงเจ็ดกิจกรรม มันมีกิจกรรมอะไรไหม ที่เรารู้สึกว่ามันยากสำหรับเรามาก ๆ เลย

ยากที่สุด เป็นการนำเสนอโครงการในช่วงท้ายๆ เวลาต้องออกไปพูดจะรู้สึกเกร็ง แต่พอได้พูดไปเรื่อย ๆ ก็จะหายไปเอง


ลองพูดในไหน ในห้อง หรือว่าฝึกที่ไหน

ส่วนมากผมจะลองคุยในห้องรวม เช่น ตอนที่ผมเล่นดนตรี ผมฝึกคุยฝึกพูดไปด้วย


ที่เราบอกว่าตอนนำเสนอ อันนี้คือนำเสนอในชุมชนหรือว่านำเสนอในเวทีใหญ่นะ

เวทีใหญ่ครับ


ถ้าเป็นในชุมชนตื่นเต้นไหม

มีบ้างครับ


อันไหนตื่นเต้นกว่า

เวทีใหญ่


ทำไมเราถึงคิดว่าเวทีใหญ่ตื่นเต้น แล้วมันยากสำหรับเรามากกว่า

คนเยอะ เป็นสถานที่ที่เราไม่คุ้นเคย


แล้วเราใช้วิธีรวบรวมความกล้าอย่างไร เราถึงผ่านมันไปได้

ให้คนอื่นพูดก่อนครับ เราก็ทบทวนคำที่เราพูด แล้วค่อย ๆ เริ่มพูดออกมา


ตอนนั้นที่เราจะต้องพูดต่อหน้าคนอื่นเยอะ ๆ เรารู้สึกอย่างไรบ้าง หวั่นกลัวไหม

เกร็งครับ อายด้วย


ในกิจกรรมทั้งหมดทั้งมวลที่เราทำมา มีอะไรไหมที่เราไม่เคยทำมาก่อน แล้วเราจะต้องทำ

นำเสนอโครงการในโรงเรียนครับ ที่ไปนำเสนอให้เด็กในชุมชนได้ดู


แล้วเราผ่านมันมาได้อย่างไร ตอนนั้น เราใช้วิธีการอย่างไร

เหมือนเดิมครับ ให้คนอื่นพูดก่อน แล้วผมมาพูดทีหลัง


คนอื่นพูดก่อน หมายถึง เพื่อน ๆ ในทีมค่อย ๆ ผลัดกันพูด

ครับ


แบบนี้เวลาที่เรานำเสนอข้อมูลอะไร คือคนในทีมจะต้องพูดกันหมดทุกคนเหรอ

ไม่ทุกคนครับ บางคนจะทำอย่างอื่น


อย่างตอนที่เราบอกว่า ไม่เคยทำมาก่อน คือตอนนำเสนอโครงการที่โรงเรียนใช่ไหม

ครับ


พอเราผ่านมาได้ หลังจากที่เสร็จสิ้นกิจกรรมนั้นแล้ว เรารู้สึกอย่างไรบ้าง ที่ผ่านมันมาได้

ดีใจ ภูมิใจครับ ที่ผ่านมาได้


พอผ่านมาได้ มันเกินความคาดหมายที่เราตั้งใจไว้ไหม หรือว่ามันไม่ดีเท่าที่เราตั้งใจไว้

เกินอยู่ครับ อย่างที่เราลงไปเด็กเข้ามาถามเยอะด้วย


อย่างตอนที่เราบอกว่าเด็กเข้ามาถามเรา เราเตรียมแผนไว้อยู่แล้วไหม เตรียมคำตอบ เตรียมตัวอยู่แล้วหรือเปล่า ว่าจะมีเด็ก ๆ มาถาม

ไม่ได้เตรียมครับ เพราะว่าช่วงนั้นมีแต่นำเสนอให้คนอื่น ไม่คิดว่าจะมีเด็กเข้ามาถาม


แล้วพอตอนเด็กเข้ามาถาม เราทำอย่างไร

ก็ลองนึกดูว่าคำถามที่ถามมาเป็นคำถามแบบไหน


แล้วส่วนใหญ่ที่น้องถาม ถามเกี่ยวกับอะไรบ้าง

ส่วนมากที่ถามจะเป็นเรื่องของอุปกรณ์การทอผ้า เพราะว่ามันเยอะ


แล้วเราตอบได้ไหม ตอนน้องถาม

ก็ได้อยู่ครับ เพราะว่ามันมีอยู่ในบ้าน อุปกรณ์ที่ต้องใช้ มีเกือบทุกบ้านครับ


มีคำถามอื่นไหม ที่ยากสำหรับเราที่จะให้คำตอบ

ถ้าทำโครงการนี้แล้วจะได้อะไร เขาถามมาประมาณนี้ ก็บอกไปว่าถ้าอยากรู้ต้องเข้าไปดูในเฟซบุ๊กเพจ


โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนในชุมชนอยู่แล้วใช่ไหม

ครับ


ภูมิใจไหม ที่เราสามารถผ่านมันมาได้ตอนนั้น

ภูมิใจครับ


ภูมิใจอย่างไร ภูมิใจตรงไหน

ภูมิใจที่ผ่านมาได้ครับ ตอนแรกคิดว่าจะทำไม่ได้ครับ ก็ทำได้ครับ


ตอนนั้นทำไมถึงคิดว่าเราจะทำไม่ได้เหรอ ติดตรงไหน

ติดตรงที่ว่าเรื่องแบบนี้เราไม่เคยทำมาก่อน


อย่างนี้เราใช้เวลาซักซ้อมข้อมูลนานไหม

สองวันครับ


แยกกันซ้อมพูดซ้อมคุยหรือเรามารวมกลุ่มกัน

รวมกันแค่ครึ่งวันครับ แล้วก็แยกกันซ้อมครับ


เขียนบท เขียนสคริปต์ไหม ว่าจะต้องพูดอะไรอย่างไร

มีครับ


เขียนกันเองเหรอ

ตอนแรกก็เขียนกันเองแล้วไปพูด ให้พี่เลี้ยงช่วยฟังดูว่ามันเข้ากับเนื้อเรื่องไหม ถ้าไม่เข้าก็ให้ช่วยปรับ


เป็นอย่างไรบ้าง ปรับเปลี่ยนเยอะไหม

ก็ไม่ค่อยเยอะ ส่วนมากพี่เลี้ยงจะมอบหมายให้ผมช่วยเกี่ยวกับการเล่นเกมกับเด็ก จะมีเป็นท่าทางและเพลง


อย่างอัดวีดิโอยากไหมสำหรับเรา หรือว่าไม่ได้ยาก

เมื่อก่อนทำแล้วรู้สึกว่ายากอยู่นะครับ หลัง ๆ มานี้ก็ไม่ค่อยยากเท่าไร ทำได้คล่องขึ้น เข้ามาเรียนวิทยาลัยก็ต้องใช้เหมือนกัน ต้องถ่ายวิดีโอตัดต่อเกือบทุกอาทิตย์ เช่น ครูให้แนะนำตัว หรือนำเสนองานผ่านวิดีโอ


เราก็ได้เอาทักษะความรู้จากโครงการมาปรับใช้

ครับ


มีสอนเพื่อน ๆ ไหม

ก็มีบ้างครับ


เห็นบอกว่าเรายอมทำงานเก็บเงินซื้อโทรศัพท์เพื่อมาถ่ายวีดิโอเลยใช่ไหม

ใช่ครับ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่โทรศัพท์เสียพอดี


ตอนนั้นไปทำงานอะไร

ช่วงนั้นเป็นแพ็คผลไม้ครับ แพ็คมะยงชิดกับมะนาว ส่งขาย


เลยเอามาเก็บเงินเพื่อมาซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่

ครับ


คุ้มหรือยัง เอามาใช้ประโยชน์

คุ้มครับ


แล้วที่เราทำโครงการมา ไม่ต้องรีบตอบก็ได้ ให้นึกดูว่าตั้งแต่ทำโครงการมา เราคิดว่ามันมีปัญหาอะไรบ้างไหม ที่เป็นปัญหาที่หนักที่สุดสำหรับเรา เรารู้สึกว่าเราไม่โอเค ท้อ มีไหม

เมื่อก่อนตอนแรก ๆ ผู้ปกครองไม่เข้าใจ บางครั้งโดนว่าว่าเสียเวลา แต่ก็ไม่ได้ติดใจเท่าไร ผมทำมาเรื่อย ๆ พักหลังทางบ้านก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไปทำไม เห็นว่าเราได้เรียนรู้มีประโยชน์กับตัวเอง


ช่วงหลัง ๆ ที่บอกว่าเขาเริ่มเข้าใจ มันเป็นช่วงไหนเหรอ ที่เขาเริ่มเข้าใจเราแล้วว่าทำไปเพื่ออะไร

ช่วงที่ลงพื้นที่เก็บข้อมูลครับ มีคนอื่นบอกว่าลูกทำอย่างนี้อย่างนั้น ทางบ้านก็ได้รับรู้


แล้วเรารู้ได้อย่างไร ว่าพ่อแม่เราเข้าใจเราแล้ว เขาเปลี่ยนไปอย่างไร ท่าทีเขา

ตอนแรก ๆ จะไม่ค่อยให้ไปร่วมเท่าไร เรียกประชุมก็ไม่ค่อยให้ไป ตอนนี้ถ้าเรียกประชุม เขาจะถามแค่ว่ากลับมาตอนไหนและให้บอกว่าประชุมที่ไหน


และเราคิดว่าการที่พ่อแม่เข้าใจเรา มันดีต่อการทำงานของเราไหม

ผมทำงานสะดวกมากขึ้น เพราะช่วงแรกไปไหนมาไหนไม่ได้ ทางบ้านไม่ให้ไป


แล้วเราพูดคุยกับพ่อแม่เรามากขึ้นไหม พอเขาเริ่มเข้าใจ พ่อแม่ถามไหม

ถามครับ


เขาถามอะไรบ้าง

ถามว่าวันนี้ประชุมเกี่ยวกับอะไร แบ่งกันทำหน้าที่อะไร ต้องไปไหม เหมือนเดิมครับ ให้บอกก่อน


คือพอหลังจากที่เขาเข้าใจแล้วว่าเราทำโครงการนี้ไปเพื่ออะไร เขาก็เริ่มถามไถ่เรา หลังจากที่เราไปทำกิจกรรมมาใช่ไหม

ครับ


แล้วความสัมพันธ์ดีขึ้นกว่าเดิมไหม

ดีขึ้นบ้างครับ


ตรงไหนที่เผือกคิดว่ามันดีขึ้น

สำหรับผมจะเป็นช่วงที่ไปไหนจะต้องบอก เขาจะได้รู้ว่าไปไหน ไปกับใครก็ต้องบอก เขาจะได้รู้ครับ


แล้วความรู้สึกตอนที่พ่อแม่เข้าใจ เรารู้สึกอย่างไรบ้าง ดีใจไหม

รู้สึกดีครับ บอกไปครั้งเดียวเขาก็เข้าใจ ไม่ต้องพูดหลาย ๆ ครั้งเหมือนก่อนหน้านี้


อันนี้ถือว่าเป็นปัญหาที่เราหนักใจมากที่สุดในการทำโครงการนี้ใช่ไหม

เมื่อก่อนครับ แต่ไม่ใช่ตอนนี้


แล้วตอนนี้มีปัญหาอื่นไหม

ตอนนี้จะเป็นปัญหาเรื่องอยู่ไกล ถ้าเรียกประชุมน่าจะต้องผ่านแอปผ่านวิดีโอคอล


ตอนนี้เรายังทำโครงการกันอยู่ใช่ไหม

ครับ ก็มีเรียกประชุมกันเรื่อย ๆ ประชุมพูดคุยเกี่ยวกับครั้งหน้าจะทำอะไร


แล้วตอนที่เราทำกิจกรรมมา อยากรู้ว่าเสียงตอบรับของชุมชนที่เขามีต่อโครงการเราเป็นอย่างไรบ้าง ในมุมของเผือกที่ได้ยินมา

ผมได้ยินมาว่าทำได้ดี ให้ทำต่อเรื่อย ๆ


ที่ว่าดี ตรงไหนที่เขามองว่าดี

เรื่องเกี่ยวกับการอนุรักษ์ชุดผ้าทอ ได้ยินมามากสุดนี่วัยรุ่นช่วงอายุยี่สิบกว่าแล้ว ผู้ใหญ่ก็มีบางคนที่ได้ยินมา


ทำไมถึงเป็นวัยรุ่นล่ะ ปกติน่าจะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ เขาเห็นอะไร กลุ่มวัยรุ่นถึงบอกว่าดี

น่าจะเห็นในเพจมากกว่า กิจกรรมที่ทำไปทุกอย่างก็ลงในเพจด้วยครับ


เรามีเพจด้วยเหรอ ขอชื่อเพจหน่อยได้ไหม

หมู่เฮาบ่เกยลืมบ้านเกิด


อันนี้เป็นเพจที่เราทำขึ้นมาเพราะโครงการนี้ หรือว่าเราทำมาก่อนหน้านี้แล้ว

เริ่มพร้อมกับโครงการ ส่วนมากลงเรื่องราวช่วงที่ทำกิจกรรม ประชุมก็ลงไว้ครับ


เพราะเรามีหน้าที่เป็นพีอาร์เนอะ เราก็จะคอยลงความเคลื่อนไหว

ครับ


อันนี้เป็นกลุ่มหรือว่าเป็นเพจนะ

เพจ


มีคนกดไลก์เยอะไหม

เยอะอยู่ครับมีเรื่องในเพจอยู่ครับ ที่มีคนนอกไม่รู้ ส่วนมากเขาแชร์ ๆ ออกไปแล้วก็มีคนเข้ามาดู


มีคนนอกเข้ามาดูด้วย

มันแชร์ไปเรื่อย ๆ ครับ


เรารู้สึกดีไหม ที่มีคนมาแชร์

ดีใจครับ


เรื่องเพจใครบอกให้เราทำนะ

ตอนแรกพี่เลี้ยงบอกว่าให้สร้างกลุ่มในแชตครับ เลยคิดว่าลองสร้างในเฟซบุ๊กด้วย ตอนแรกก็ไม่ได้ลงข้อมูลอะไร พักหลังทยอยลงมากขึ้น เพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น


แล้วเผือกได้เรียนรู้อะไร จากการใช้โซเชียลมีเดียบ้าง เพราะว่าเด็กสมัยนี้เวลาทำอะไร ยิ่งวัยเราก็จะใช้โซเชียลมีเดียเยอะ เราคิดว่าเราได้ใช้ประโยชน์จากมันอย่างไรบ้าง

ใช้ในการสื่อสารข้อมูล บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ


แล้วผลลัพธ์ที่ได้ ได้ตามที่คิดไหม หรือว่าเกินกว่าที่คิด

ถ้าในเพจ ผลตอบรับได้เกินกว่าที่คิดครับ แต่ละโพสต์ที่สร้างมามีคนกดตอบรับในเชิงบวก เวลาโพสต์ผมจะคิดก่อนว่าควรนำเสนอเนื้อหาแบบไหน ถ้าลงในเรื่องประชุมก็ต้องคิดดูก่อนว่าต้องใช้ภาษาแบบไหน สื่อสารเป็นภาษาที่เข้าใจง่าย เช่น ประชุมเกี่ยวกับเรื่องอะไร ประชุมเวลาไหน วันที่เท่าไร ถ้าส่วนของโครงการต้องมีชื่อโครงการด้วย ถ้าลงในส่วนของหมู่บ้านต้องแท็กหมู่บ้านด้วย


แล้วเราไปรู้วิธีการเทคนิคแบบนี้ได้อย่างไร ใครเป็นคนสอน หรืออาศัยดู

ไม่ได้ดูในไหนนะครับ เมื่อก่อนผมลองสร้างดูหนึ่งเพจ แต่ไม่ได้ลงอะไรไว้ พอได้ทำโครงการผมก็เลยสร้างอีกเพจหนึ่ง แล้วลองลงดูครับ


ตอนนี้ก็แอคทีฟอยู่เพจเดียวใช่ไหม ที่ใช้หลัก ๆ ก็คืออันนี้ที่เราบอกมา

มีเพจนี้เพจเดียวครับ


เราสังเกตไหม ว่าโพสต์ประมาณไหนที่คนจะมากดไลก์กันเยอะ ๆ

ไม่ได้สังเกตครับ


ตอนที่เผือกไปที่โรงเรียนแล้วมีเด็ก ๆ มาถามนู่นถามนี่ แล้วเราก็ตอบได้ เราได้ให้ความรู้เขา เรารู้สึกอย่างไรบ้าง

ก็ตอนแรกก็อึดอัด เพราะว่าเข้ามากันนี่ไม่ใช่สองสามคน เข้ามาแบบรุมเข้ามา

ก็ไม่ได้ตอบอะไรนะครับ รอนำเสนออะไรเสร็จแล้วก็ทยอยเข้ามาถามทีละคนสองคนก็เลยค่อย ๆ ตอบ


ให้เราลองย้อนนึกกลับไป ก่อนที่เราได้ทำโครงการนี้กับหลังจากที่ได้ทำโครงการ เราเห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรในตัวเราบ้าง

ถ้าเป็นเมื่อก่อนส่วนมากผมไม่ค่อยอยู่บ้าน ชอบออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก ไปหาเพื่อน พอได้ทำโครงการก็เริ่มรู้ว่ามันไม่ค่อยได้เที่ยวเท่าไร ส่วนมากจะหมกมุ่นอยู่กับโครงการมากกว่า ก็เลยเปลี่ยนไป


ช่วงแรก ๆ ที่เราต้องทำกิจรรม มันยากไหม เหมือนมันก็ต้องหักห้ามใจ

พอผมรู้แล้วว่าต้องอยู่กับโครงการ เลยบอกเพื่อนไว้ก่อนไม่ต้องชวนออกไปไหน มีบางคนที่ชวนออกไปก็ไปบ้างบางครั้ง ซึ่งเป็นช่วงที่ว่างจากโครงการ จากปกติทั้งวันก็ลดลงมาเหลือครึ่งวัน ทำโครงการมาได้ระยะหนึ่ง ผมรู้ว่าระหว่างเที่ยวกับการทำโครงการ อันไหนทำประโยชน์ได้มากกว่ากัน เลยเลือกอยู่ทำโครงการมากกว่า


แล้วมีเรื่องอะไรอีกนะ เมื่อกี้

บล็อกไปเลย จนกว่าจะทำโครงการเสร็จ


บล็อกเหรอ ไม่กลัวเพื่อนโกรธเหรอ

ไม่ครับ ช่วงนั้นไม่ได้คิดอะไรสักอย่าง จะบล็อกก็บล็อกเลย


คนจะทำโครงการอย่ามาชวนใช่ไหม

ครับ


มีอะไรอีกนะ เมื่อกี้ เรื่องความกล้าแสดงออก ก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร

เงียบ ๆ ไม่ค่อยกล้าแสดงออกเท่าไร พอไปคนเยอะ ๆ จับไมค์ก็ไม่ค่อยกล้า พอพักหลังมานี้ ไมค์มาก็เริ่มรู้แล้วว่าต้องทำอะไร


ตอนไหน เวทีไหน หรือกิจกรรมไหน ที่เรารู้สึกว่าเราสามารถจับไมค์พูดได้โดยไม่อาย

ช่วงกิจกรรมที่ทำในโรงเรียนในชุมชนครับ เพราะส่วนมากมีแต่คนรู้จักเป็นคนในหมู่บ้าน เป็นคนคุ้นเคยกันเอง


แล้วมีอะไรบ้างไหม ที่เรารู้สึกว่าตัวเองพัฒนาขึ้นจากการทำโครงการนี้

จะเป็นเกี่ยวกับเรื่องไปไหนมาไหนบอกผู้ปกครองก่อน อย่างทุกวันนี้ถ้าจะกลับบ้านจะโทรศัพท์บอกแม่ก่อน เมื่อก่อนไปมาแล้วค่อยบอก


แล้วมีความสามารถอะไรไหม ที่เราเพิ่งค้บพบว่าตัวเองทำได้จากกิจกรรมนี้

ความสามารถเกี่ยวกับการพูดครับ ไม่ค่อยอายเท่าไร


กิจกรรมไหน ช่วงไหน เวลาเดิมเหรอตอนที่โรงเรียนเหรอ ที่ทำให้เรารู้สึกว่าเรากล้าพูด

ช่วงที่ไปครั้งแรกครับ ไปนำเสนอโครงการครั้งแรกที่สนามกอล์ฟ


ทำไมเหรอ มันเป็นอย่างไร

ไปวันแรกก็กล้า ๆ อาย ๆ เพราะเราไม่รู้จักกับใคร เป็นปีแรกด้วยที่เราได้ทำ พอวันที่สองก็เริ่มรู้จักกับเพื่อนสักคนสองคนเริ่มคุ้นเคยกัน เลยพูดคุยกันแบบเรื่อย ๆ ได้นอนห้องเดียวกับใครก็ลองคุย ๆ กันบ้าง พอถึงวันนำเสนอจริง ๆ ก็ไม่อายเท่าไรแล้ว เพราะเราเริ่มรู้จักกับคนอื่น


แล้วก่อนมาเราคิดไหมว่าเราจะพูดได้ หรือว่าเราวิตกอะไรไหม

วันแรกก่อนจะมา คิดว่าน่าจะไม่ได้พูดอะไร น่าจะได้ไปนั่งฟัง ดูวีดิทัศน์อะไรต่าง ๆ อย่างทุกครั้ง


แล้วพอได้พูดรู้สึกอย่างไรบ้าง

ก็รู้สึกดีนะครับ ไม่เคยได้พูดคนเยอะขนาดนี้ 


ถ้าเป็นเมื่อก่อนมีพวกพี่มาถามแบบนี้จะตอบรู้เรื่องแบบนี้ไหม 

ผมว่าน่าจะไม่ค่อยครับ


แล้วมีความรู้ใหม่ ๆ จากการที่เราทำโครงการนี้บ้างไหม

ก็เรื่องวิดีโอครับ การตัดต่อวิดีโอ เกี่ยวกับออนไลน์ อะไรพวกนี้


ถ้าลองให้คะแนน ลองประเมินตัวเอง ก่อนที่จะทำโครงการ และหลังทำโครงการ เราให้คะแนนความรู้เรื่องวิดีโอ เรื่องโซเชียลมีเดีย เราให้กี่คะแนน ก่อนหลัง

ก่อนที่จะทำโครงการ ให้สองสามคะแนน


มันเป็นอย่างไร ทำไมถึงให้แค่สองเองตอนนั้น

ไม่ค่อยได้อยู่กับแอปตัดต่อเท่าไร ถ้าถ่ายก็ถ่ายเลย


คือไม่ได้สนใจเรื่องแอปเรื่องอะไรมาก่อน

ครับ ถ่ายแล้วก็ถ่ายเลย ไม่ได้ตัดอะไรสักอย่าง


แล้วพอหลังจากทำโครงการนี้แล้ว ให้กี่คะแนน

เจ็ดแปดคะแนน


มันเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

ไม่รู้จักการตัดต่อ ตอนนี้ก็รู้ว่าแอปไหนควรใช้อย่างไร เอาไว้ทำอะไร


มีเทคนิคอื่น ๆ ไหม ที่เราได้เรียนรู้จากการถ่ายวีดิโอ

ไม่มีครับ


เรื่องมุมกล้องได้ไหม

มุมกล้องก็ได้มาบ้าง ถ้าถ่ายรูปบุคคลก็ต้องชัด ข้างหลังก็ต้องแคบ อะไรพวกนี้ครับ


แล้วอีกสองคะแนนที่ขาดไป เพราะอะไร

เพราะว่าเรื่องการใช้แอปที่มันซับซ้อน บางแอปต้องใช้ในคอม ต้องอยู่กับคอม


แล้วที่เราบอกว่าเราได้มาทั้งหมดทั้งมวลจากการทำงานนี้ เราคิดว่าสามารถเอามาใช้ในชีวิตประจำวันได้ไหม

ได้ครับ


มีอะไรบ้างไหม ที่เราเอาไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน

อย่างแรกจะเป็นเรื่องการถ่ายวิดีโอและการตัดต่อ อย่างที่สองเป็นเรื่องการถ่ายภาพครับ รูปที่ครูให้เอาไปทำบัตรนักศึกษา ถ้าถ่ายเองก็ต้องใช้ลูกเล่นของกล้อง หรือตัดในแอปก่อน หรือเปลี่ยนพื้นหลัง


เราใช้พวกโฟโตชอปได้ไหม

พอได้ครับ


หลังจบโครงการนี้ เราคิดจะทำโครงการต่อไหม

อยากอยู่ครับ แต่ต้องรอดูเวลาของแต่ละคน


ว่างไม่ตรงกันเหรอ

ว่างไม่ค่อยตรงกัน อย่างดั้มถ้าไม่ปิดเทอมก็กลับบ้านไม่ได้ บางคนจะต้องรอช่วงปิดเทอมเท่านั้น


ดั๊มเรียนอยู่ที่ไหน

ธรรมสาธิตครับ


เรามีความฝันไหม ในอนาคต ว่าอยากจะเป็นอะไร ทำอาชีพอะไร

ถ้าอาชีพก็เกี่ยวกับรถครับ ซ่อมรถ


มีเรื่องอะไรไหม ที่รู้สึกว่าอยากจะพัฒนาให้ดีขึ้นกว่านี้นะ อยากเรียนรู้เพิ่ม อีกนิดหนึ่งมันน่าจะดี

ไม่มีครับตอนนี้


อยากรู้ว่าพอเราทำโครงการเสร็จแล้ว เรามีความรู้สึกอย่างไรกับชุมชนของเรา มันเปลี่ยนไปหรือเปล่า

เปลี่ยนครับ จากเมื่อก่อนไม่ค่อยมีคนในชุมชนใส่เสื้อกะเหรี่ยง พอทำโครงการเริ่มเห็น เริ่มมีคนใส่มากขึ้น กับตัวเราเองผมก็ใส่ครับ มาเรียนข้างนอกผมก็เอามาด้วย มีความรักในวัฒนธรรมชนเผ่าของเรามากขึ้น


เราเห็นคุณค่าเห็นความสำคัญของชุดกะเหรี่ยง ความเป็นชุมชนของเรามากขึ้นไหม พอเราทำโครงการนี้

มากขึ้นครับ


อย่างไรเหรอ

เมื่อก่อนไม่ได้สนใจมาตอนนี้ก็เริ่มสนใจมากขึ้น จากเมื่อก่อนเสื้อกะเหรี่ยงผมใส่บ้างไม่ใส่บ้าง ใส่ไปเฉพาะตอนไปโรงเรียนวันศุกร์วันเดียว พอช่วงหลัง ๆ ก็ใส่ไปทำโครงการ เมื่อเริ่มมีคนเห็นด้วยและชื่นชมที่เราใส่ชุดกะเหรี่ยง พอไปข้างนอกก็เหมือนอยากใส่ชุดกะเหรี่ยงออกไป


เราภูมิใจไหม พอเราทำโครงการนี้แล้ว เราเริ่มเห็นคนในชุมชนเริ่มหันมาใส่ชุดกะเหรี่ยงมากขึ้น

ภูมิใจครับ


เป็นที่น่าพอใจไหม โครงการเรา

พอใจครับ


อยากให้เผือกช่วยสรุปให้หน่อย ในฐานะที่เราเป็นฝ่ายสื่อ เหมือนเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ของกลุ่ม ว่าโครงการเราเกี่ยวกับชุดแต่งกายชาวกะเหรี่ยง เราคิดว่าคุณค่าของเครื่องแต่งกายชาวกะเหรี่ยงคืออะไร อะไรคือความโดดเด่นของมัน สรุปให้ฟังอีกที

ความโดดเด่นก็คือเป็นชุดที่ไม่เหมือนคนอื่น ชุดของเราจะมีลายแบบของเรา ชุดคนอื่นลายจะไม่เหมือนของเรา


คือมันสื่อสารเอกลักษณ์ของความเป็นชุมชนของเราเนอะ

ครับ


ที่เผือกเอามาด้วยนี่สีอะไร มีกี่ตัว

สีน้ำตาล ตัวเดียว


เป็นลายอะไร มีชื่อไหม

จำลายไม่ได้ น่าจะอยู่ห้องพักครูครับ เพราะวันนั้นผมใส่ไปพิธีเปิดงานกีฬา


ทำไมเราถึงพกเสื้อกะเหรี่ยงไปไหนมาไหน เวลาไปข้างนอก

ผมก็คิดว่าเผื่อบางครั้งในโครงการจะเรียกให้ไปทำกิจกรรมที่อื่น ถ้าไม่ได้กลับบ้านก็เอาชุดกะเหรี่ยงไปด้วย จะได้ไม่เสียเวลากลับไปเอาที่บ้าน


เราใส่ชุดธรรมดาก็ได้นี่ เราคิดอย่างไร เวลาเราไปประชุมเราถึงต้องใส่ชุดกะเหรี่ยง

ทำโครงการเกี่ยวกับชุดก็ต้องใส่ชุดไปครับ


มีไอดีไลน์ไหม ไลน์ไม่ค่อยเล่นหรือเปล่า เผือกบอกไม่ค่อยเล่นไลน์ เล่นเฟซบุ๊ก

ส่วนมากใช้ไลน์ ผมโหลดมาเอาไว้สแกนช่วงไปเข้าแถวลงทะเบียนเฉย ๆ

­