​นางสาวธิติมา งอนสวรรค์ : โครงการกระบวนการขับเคลื่อนอนุรักษ์และการฟื้นฟูป่าชุมชนบ้านตาตา

นางสาวธิติมา งอนสวรรค์ (นัท) อายุ 16 ปี

เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4(ศิลป์-ภาษา) โรงเรียนกันทรอมวิทยา

โครงการกระบวนการขับเคลื่อนอนุรักษ์และการฟื้นฟูป่าชุมชนบ้านตาตา

ตำบลโพธิ์กระสังข์ อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ

­

ถาม ขอให้แนะนำตัวเอง นิสัย ความชอบ ความสนใจ โครงการที่ทำและบทบาทที่ได้รับ?

ตอบชื่อนางสาวธิติมา งอนสวรรค์ ชื่อเล่นนัท อายุ 16 ปี เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนกันทรอมวิทยา สายศิลป์ภาษา อยากเรียนต่อทางด้านภาษา และในอนาคตอยากทำงานเป็นไกด์ภาษาจีน หนูเป็นคนปากร้ายแต่ใจดี ข้างในเป็นห่วงแต่ไม่กล้าแสดงออก ภายนอกดูเป็นคนนิ่งแต่ในใจกระวนกระวาย ชอบเอาชนะคนอื่นมักจะเถียงโต้แย้งคนอื่นทั้งครูพ่อแม่และเพื่อน ความอยากเอาชนะคนอื่นเป็นนิสัยที่ติดมาตั้งแต่เด็กอยากจะเปลี่ยนแปลงแต่ยังทำไม่ได้ ในโครงการเวลาเสนอความคิดเห็นหนูมักจะคัดค้านคนอื่นและเสนอความคิดเห็นของตัวเอง จะเอาเหตุผลของตัวเองอย่างเดียวไม่ฟังใครเลย ทั้งที่เหตุผลของทั้งสองฝ่ายก็เหมือนกัน

ตอนแรกหนูไม่ได้สนใจทำโครงการ ชอบไปเล่นอยู่ที่บ้านหัวหน้าเยาวชน วันหนึ่งพี่ติ๊กเข้ามาชวนทำโครงการเกี่ยวกับวิจัยเพื่อชุมชน เล่าให้ฟังว่าทำอย่างไร หนูยังไม่เข้าใจ พี่พลหัวหน้าเยาวชนบอกให้หนูไปเรียนรู้บ้าง พี่พลเป็นคนคิดโครงการขึ้นมาเรื่องการดูแลป่าชุมชนบ้านตาตา และเป็นพี่เลี้ยงให้กับพวกเราในทีมตอนที่ได้โครงการมาพวกหนูไม่ได้อยากทำ คุยกันว่าให้ทำอะไรอีกแล้วและไม่เคยทำวิจัยมาก่อนจึงลองผิดลองถูกทำงานวิจัย หนูก็ไม่อยากไปต่อท้อ หนูเป็นคนไม่ชอบนำเสนอไม่ชอบออกความคิดเห็นแต่ชอบเถียง

ถามทีมของเรามีใครบ้าง?

ตอบเป็นกลุ่มเพื่อนที่ไม่ชอบเรียนรู้แบบหนู แต่เป็นกลุ่มที่ไปไหนไปด้วยกัน ตอนนี้หนูเป็นหัวหน้าโครงการ ทำหน้าที่ชวนเพื่อนๆ ซึ่งพี่พลประสานงานมาว่าให้ชวนเพื่อนไปทำงานวิจัย เราจึงไปประสานให้เพื่อนรู้รายละเอียด และไปแจ้งในชุมชนของหนูว่าจะทำกิจกรรมอะไรบ้าง อย่างแรกต้องไปแจ้งกำนันว่าพวกหนูจะทำงานเกี่ยวกับชุมชนของเราเกี่ยวกับป่าของเรา ทำเกี่ยวกับการฟื้นฟูป่าของหมู่บ้านขอให้กำนันไปประกาศเสียงตามสายในหมู่บ้านให้ชาวบ้านรับรู้ว่าเรากำลังจะทำกิจกรรม

ถามป่าชุมชนตั้งอยู่ส่วนไหนของหมู่บ้าน?

ตอบอยู่ติดกับหมู่บ้าน หนูชอบไปวิ่งเล่นในป่าชุมชนไปตามดูต้นไม้ที่ได้ปลูกไว้เมื่อ พ.ศ. 2558 ก่อนหน้านั้นป่าชุมชนไม่มีอะไรเลยโล่ง และเป็นทางผ่านไปนาของหนู เขาถากถางพื้นที่เพื่อทำนา ตอนหนูผ่านไม่รู้เลยว่าเป็นป่าชุมชน พอถึงฤดูปลูกข้าวหนูถามแม่ว่าทำไมตรงนี้ไม่มีใครปลูกข้าว แม่บอกว่าตรงนี้มันไม่ใช่นาของคนอื่นแล้วเป็นป่าชุมชน หนูถามแม่ว่าทำไมแต่ก่อนเขามาบุกรุกแล้วได้คืนมาได้อย่างไร แม่บอกว่าชาวบ้านทุกคนประสานงานกับหัวหน้าชุมชน หัวหน้าชุมชนพาไปร้องเรียนที่อำเภอจึงได้พื้นที่ป่าชุมชนคืนมา

ถามจากที่ไม่สนใจอะไรต้องมาวิจัยเรื่องป่าชุมชนรู้สึกอย่างไรบ้าง?

ตอบพอได้มาทำวิจัยรู้สึกหวงแหนป่าชุมชน เพราะว่าเป็นของเราแล้วไม่ใช่ของชาวบ้านเท่านั้น เราได้คืนเราต้องฟื้นฟูให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ก่อนเป็นป่าอุดมสมบูรณ์มากเป็นป่าทึบ เป็นพื้นที่ทำมาหากินของคนในชุมชน ตอนนั้นหนูยังเด็กมากไม่ทันได้เห็นตอนที่เป็นป่าอุดมสมบูรณ์ เมื่อก่อนตรงนั้นเป็นป่าช้าที่ชาวบ้านใช้ฝังศพเป็นเนินสูงๆ เดี๋ยวนี้โล่งชาวบ้านต้องออกไปหากินในพื้นที่อื่นที่ไกลออกไป

ถามอะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่าเริ่มหวงแหนป่า เกิดขึ้นตอนไหนมีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้รู้สึกแบบนี้?

ตอบตอนที่ปลูกป่ามีชาวบ้าน พระวัด อบต. ผู้นำชุมชน มาช่วยกันปลูกป่าอีกครั้ง อยากได้ป่าคืนมามีความหวงแหนเพราะว่าทุกคนเหนื่อยในการที่เอาป่ากลับคืนมา

ถามกลุ่มของหนูช่วยชาวบ้านอย่างไรบ้างในเหตุการณ์นั้น?

ตอบตอนนั้นกำนันประกาศว่าจะมีการบวชป่า แม่ไล่ให้หนูไปหนูก็ไปกับพี่พล เขาทำกิจกรรมที่ป่าชุมชน มีการไถดินใส่ปุ๋ยซื้อพันธุ์ต้นไม้มาปลูก มีพี่ๆ จากราชภัฏศรีสะเกษมาด้วย หนูชอบกิจกรรมที่ได้ลงมือทำ สนุกได้ลงมือทำ ท้าทายหนูชอบแบบนั้น ตอนนั้นชวนใครไปไม่มีใคร ไปหนูไปคนเดียว พี่พลชวนหนูเพราะหนูไปเล่นที่บ้านของพี่พลเป็นประจำ ทำไปเรื่อยๆ ก็มีเพื่อนก็มาช่วยกันทำโครงการ

ถาม หนูเห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรของตัวเองบ้างจากการได้ทำโครงการ?

ตอบหนูเป็นคนไม่ชอบทำอะไรอยู่แต่ที่บ้าน ไม่ชอบเข้าหาคน อยู่แต่กับกลุ่มของตัวเอง พอได้ร่วมเวที หนูกล้าพูดกับเพื่อน กล้าชวนเพื่อนคุย กล้าชวนเพื่อน กล้าพาน้องคุย กล้าพาน้องทำกิจกรรมร่วมกับทีมอื่น

ถามความกล้าเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ตอนไหน?

ตอบ เกิดจากการทำวิจัยที่พี่สอนจนหนูกล้านำเสนอ กล้าแสดงออก เมื่อก่อนกลัวมากขึ้นเวทีครั้งแรกสั่นมาก หนูใช้ความมั่นใจ ลองผิดลองถูกดูเดี๋ยวก็ผ่านไป ถ้าไม่มีความผิดพลาดเราจะไม่รู้วิธีการแก้ไขอะไรเลย

ถามมีนิสัยอะไรที่เปลี่ยนไปบ้างไหมจากเดิม?

ตอบนิสัยหนูยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย เวลาทำงานทำให้ทะเลาะกันตลอด

ถามนิสัยและการทำงานที่ยังเหมือนเดิมมีผลต่อความสำเร็จของการทำงานไหม?

ตอบตอนนี้หนูพยายามใจเย็นอยู่

ถามในฐานะที่เราเป็นหัวหน้าโครงการเรารู้สึกว่าทำอะไรได้ดีบ้าง?

ตอบการเป็นผู้นำ หนูเป็นหัวหน้าโครงการโดยไม่รู้มาก่อน มารู้ในเวทีแรก เห็นกระดาษตกใจว่าหนูเป็นหัวหน้า พี่พลไม่ได้บอกหนู คิดในใจว่าจะพาน้องไปรอดไหม เมื่อได้เป็นแล้วก็ลองเรียนรู้ดูบ้าง เปิดกว้างให้กับชีวิตตัวเอง

ถามน้องๆ ในทีมของเรามีวัยไหนบ้าง?

ตอบป. 6 ม.1-4

ถามเราเห็นพัฒนาการอะไรบ้าง?

ตอบน้องเก่ง ตอนแรกน้องไม่คุยกับใครเลย เล่นโทรศัพท์ พอน้องมาทำกิจกรรม หนูจะขอเก็บโทรศัพท์ไว้เลย ตอนนี้น้องกล้าจับไมค์พูดนำเสนอ หนูจะให้น้องนำเสนอน้องอยู่ชั้น ม. 3

ถามการที่ให้น้องได้พูดคุยแลกเปลี่ยนหนูคิดว่าตรงทำได้ดีหรือยัง?

ตอบตรงนี้ยังทำได้ไม่ดีที่สุด หนูชวนให้น้องทำอะไรน้องไม่ทำ หนูก็จะอารมณ์เสียโวยวายใส่น้อง

ถามคิดว่าอะไรทำให้น้องไม่กล้าแสดงความคิดเห็น?

ตอบน้องกลัวยังไม่กล้าแสดงออก หนูบอกว่าทำไปเถอะมีผิดมีถูกถ้าไม่ลองทำดูก็ไม่รู้ น้องยังหันหลังใส่หนู ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไง

ถามหนูจัดการความรู้สึกตัวเองอย่างไร?

ตอบก็คิดว่าจะทำยังไงให้น้องกล้าแสดงออก หนูต้องเก็บอารมณ์เก็บอาการของตัวเองไว้ก่อน หนูก็ไม่คุยด้วย น้องก็ยังเล่นโทรศัพท์เหมือนเดิม

ถามเวลาที่เห็นน้องไม่สนใจไม่แสดงความคิดเห็นเรารู้สึกอย่างไร?

ตอบตอนนั้นหนูโมโหแล้วค่ะ

ถาม ระดับพื้นที่เราทำเรื่องป่าชุมชนที่เคยอุดมสมบูรณ์แล้วถูกตัดหายไป เราไปปลูกเราเห็นการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ในชุมชนเราอย่างไรบ้างในช่วงปีนี้ที่ทำโครงการ?

ตอบเกิดความเปลี่ยนแปลงมีต้นไม้ที่พวกหนูเข้าไปปลูก ตอนนี้ประมาณ 48 ไร่ มีต้นไม้ขึ้น 40 กว่าไร่แต่ยังขึ้นไม่สูงมีต้นหญ้าขึ้นสูง ความสูงของต้นสูงประมาณเพดานห้อง มีต้นพยุง ต้นมะม่วง เป็นต้นไม้ที่ปลูกเมื่อปี 58 ส่วนปีนี้ยังไม่ได้ปลูก เป้าหมายของโครงการที่วางไว้อยากได้ป่าชุมชนกับคืนมา และเห็นคนในชุมชนร่วมมือกันหวงแหนป่าชุมชน อยากได้ความอุดมสมบูรณ์กลับคืนมา อยากได้แหล่งทำมาหากินเดิมของชุมชนกับคืนมา

ถามหลังจากงานวิจัยเสร็จจะเป็นอย่างไรต่อ?

ตอบ ในชุมชนของหนู ถ้าจบโครงการนี้กำนันจะเป็นคนดำเนินการ ก็จะร่วมกันทำงานกับพวกเราต่อ เราทำหน้าที่เก็บข้อมูลในโครงการ หลังจากเสร็จกิจกรรมนี้พวกหนูจะไปลงพื้นที่สำรวจเก็บข้อมูลกับน้องๆ

ถามเวลาที่ไปสำรวจชุมชนทำอย่างไรบ้าง?

ตอบแบ่งหน้าที่กัน เก็บข้อมูล ถ่ายภาพ ไปกับกลุ่มเยาวชน พี่พลไปด้วย น้องๆ ที่ไปก็วิ่งเล่นในป่าชุมชน จนเหนื่อยก็กลับมาหา พี่พลให้ถ่ายรูปไว้ เพราะข้อมูลตัวหนังสือเรามีแล้วแต่ยังไม่มีภาพ ข้อมูลตัวหนังสือเราไปถามชาวบ้านหมดแล้ว ที่พวกหนูทำ บางคนอัดเสียง บางคนถาม บางคนจด

ถามการทำโครงการเราถูกผลักดันให้เป็นหัวหน้าอะไรที่เรามีความสุขที่สุดประทับใจที่สุดในการทำโครงการ?

ตอบหนูชอบตอนได้นอนพักได้นอนค้างคืนในค่ายกับเพื่อน อุ่นได้เจอเพื่อนได้มาหาเพื่อนได้คุยกัน เพื่อนทีมอื่นหนูจะสนิทกับทีมปราสาทที่อยู่อำเภอขุขันธ์ทำเรื่องผ้าทอ แต่ก่อนไม่เล่นด้วยกันไม่ยิ้มให้กันตอนนี้มาเล่นด้วยกันแล้ว

ถามพี่พลชวนเราคิดหรือว่ามอบหมายงานให้เราทำ?

ตอบพี่พลถามให้หนูคิดตลอด ความรู้สึกที่เราได้ มาทำคืออะไร เรามาทำที่เราได้ เราทำเพื่ออะไร ความรู้ที่เราได้เป็นของตัวเองคืออะไร เขาจะถามตลอดตอนนั่งรถมาที่นี่พี่พลก็ถาม หนูขี้เล่นกับพี่พลมากหนูก็ตอบกวนไป ตอบตามความรู้สึกหนู ความรู้สึกที่เราได้หนูก็ตอบว่าความรู้สึกก็ดีที่ได้มาอยู่กับเพื่อนแบบนี้ ได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการทำวิจัย สิ่งที่หนูเรียนรู้คือกระบวนการนำเสนอข้อมูล การเก็บรวบรวมข้อมูลของชุมชนเรา เราต้องศึกษาว่าปราชญ์ผู้รู้เป็นใครอยู่ที่ไหนชื่ออะไร เดินทางไปถามที่บ้านของเขา กระบวนการคิดของเราการสื่อสารของเรา หนูเป็นคนพูดไม่รู้เรื่อง ตอนนี้ดีขึ้นบ้าง การเรียนรู้ของเรา การวางแผนต้องทำกับเพื่อน บอกเพื่อนว่าทำแบบนี้เขียนแบบนี้

ถามมีสิ่งที่เราอยากพัฒนาปรับปรุงเพิ่มบ้างไหม?

ตอบหนูอยากเก็บอารมณ์ตัวเองให้ได้ ที่ยังทำไม่ได้เพราะห้ามใจตัวเองไม่ได้ เพราะรู้สึกสมองสั่งก็จะพูดออกไป โมโหปากร้ายมากไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่น บางคนไม่พูดไม่เล่นกับหนูเป็นอาทิตย์ หนูก็คิดว่าทำไมเป็นคนแบบนี้ถึงพูดกับเพื่อนแรง แต่หนูก็ยังไม่ขอโทษ

ถาม นัทบอกว่าเวลาที่เราโมโหก็เก็บอารมณ์ได้บ้าง เช่น ตอนที่น้องเล่นโทรศัพท์เราก็สามารถเก็บอารมณ์ของตัวเองได้ ส่วนใหญ่บอกว่ายังเก็บไม่ได้ แต่มีบางครั้งที่เก็บได้ ช่วงไหนที่หนูรู้สึกว่าเก็บอารมณ์ของตัวเองได้ ตอนที่บังคับใจได้อยู่ในบรรยากาศแบบไหน?

ตอบต้องอยู่กับคนเยอะๆ จะเก็บอารมณ์ตัวเองได้ เพราะว่าเกรงใจคนอื่น แต่ถ้ามีคนน้อยจะพุ่งปรี๊ดออกมาจะอยู่แต่ตัวเองด่าออกมา คืออยากให้เขามาร่วมกันสนใจกันบ้าง

ถามดีแล้วที่เราได้เห็นตัวเองว่ามีอารมณ์แบบนั้น และยังเท่าทันตัวเองบ้าง ครั้งหน้าถ้าเราได้สังเกตและหยุดตัวเองได้อย่างไรครั้งต่อไปก็จะดีขึ้น ให้กำลังใจนะ