“มิ้น” จากเด็กเรียนไม่สนใจใคร กลับมาร่วมพัฒนาชุมชน

“มิ้น” จากเด็กเรียนไม่สนใจใคร

กลับมาร่วมพัฒนาชุมชน

.............................................................


อรอนงค์ นาคทรัพย์(มิ้น) อายุ 15 ปี เยาวชนจากอบต.กันตวจระมวล จังหวัดสุรินทร์ ขณะนี้ศึกษาอยู่ที่โรงเรียน ไทรแก้ววิทยา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากเด็กสนใจแต่เรื่องเรียน แต่พอมาเข้าค่ายแล้วทำให้เจ้าตัวอยากจะพัฒนาชุมชน พัฒนาประเทศ เจ้าตัวร่วมสะท้อนความรู้สึกและสิ่งที่ได้เรียนรู้จากค่ายพัฒนาศักยภาพแกนนำเยาวชนสู่การเป็นพลเมืองรุ่นใหม่ที่สามารถดึงศักยภาพของตนเองออกมารับใช้ชุมชนสังคมอย่างสร้างสรรค์ น่าสนใจแค่ไหนลองอ่านกันค่ะ 

การเรียนรู้เรื่องการรู้จักตนเอง

เรียนรู้ว่าตนเองเป็นคนเข้ากับคนอื่นได้ยาก พูดน้อย ขี้อาย แต่ถ้าเราทำให้คนอื่นรู้สึกไม่พอใจ ก็จะไปขอโทษ เป็นเรื่องการให้อภัย และจากการทำกิจกรรมทำให้เรารู้จักตัวเองมากยิ่งขึ้น ทำให้เรากล้าแสดงออกและรู้จักนิสัยคนอื่นมากขึ้น


การเรียนรู้เรื่องการรู้จักภาวะการนำของตนเองและการทำงานเป็นทีม

ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากกิจกรรมจับคู่เดินตะปู โดยเราจับคู่กับพี่แตนที่เป็นคนอารมณ์ดี สร้างสรรค์ ทำให้เรามีความมั่นใจกับพี่เขา ทำให้เราไม่ได้รับบาดเจ็บเลย พอสลับกันเราทำให้พี่เขาบาดเจ็บ แต่พี่เขาก็ให้อภัย ส่วนการเดินกันเป็นกลุ่มพี่ปุ้ย (นางสาวสายสุนีย์ แก้วสอน (ปุ้ย) ผู้ช่วยนักวิชาการส่งเสริมสุขภาพ ทต.กันตวจระมวล) เป็นหัวหน้าทีมที่ทำให้น้องในกลุ่มมีความมั่นใจมากขึ้น

การเรียนรู้เรื่องการรู้จักสังคม

ได้เรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับการเรียน โดยอยากให้โรงเรียนเรียนแค่ 3-4 ชั่วโมง และให้เวลาที่เหลือสำหรับการพักผ่อน เลือกเรียนได้ตามใจชอบ 

การเรียนรู้เรื่องการรู้จักเศรษฐกิจ

ได้เรียนรู้เรื่องการทำธุรกิจต่างๆ เช่น “การวางแผนคือ การทำอะไรต้องวางแผนก่อนทำงาน ได้รู้จัก “การจ่ายตลาด” คือ เป็นการทำเป็นประจำทุกวัน “การปรับตัว” คือ การจับกลุ่มกันต่างพื้นที่ที่เราไม่รู้จัก

­

การเรียนรู้เรื่องการรู้จักสิ่งแวดล้อม

ได้เรียนรู้สิ่งแวดล้อม ว่าการมีป่าไม้ที่มีความสมดุล จะช่วยในเรื่องอากาศในการหายใจส่วนปัญหาของสิ่งแวดล้อมมาจากคนทำลายป่า ทั้งจากการตัดต้นไม้ ล่าสัตว์ป่า หาของป่ามากเกินไป เกิดไฟป่า ทำให้โลกร้อน ส่วนการแก้ปัญหาของสิ่งแวดล้อมนั้น เช่น การปลูกต้นไม้ทดแทน หาของป่าให้น้อยลง

­

การเรียนรู้เรื่องการรู้จักการทำสมาธิและการเข้าใจพระพุทธศาสนา

ได้ตักบาตรตอนเช้า ซึ่งทำให้จิตใจแจ่มใส มีความสุขในการทำกิจกรรม การฝึกสติด้วยการนั่งสมาธิ รู้กำหนดหายใจเข้าออก ทำให้มีสติในการทำกิจกรรม และช่วยให้จิตใจสงบ ส่วนการสวดมนต์ตอนเช้าและตอนเย็นนั้นทำให้จิตใจแจ่มใส

การเรียนรู้เรื่องการรู้จักเครื่องมือในการเรียนรู้

ได้เรียนรู้เครื่องมือในการเรียนรู้ในด้านต่างๆ ดังนี้ ทักษะการสื่อสารทำให้รู้จักสื่อสาร ทักษะการฟัง ทำให้เรามีสมาธิในการฟัง เป็นผู้ฟังที่ดี ทักษะการพูดฝึกให้เรากล้าพูด กล้าแสดงออก โดยเฉพาะในที่สาธารณะ การฝึกการตั้งคำถาม ฝึกการสงสัย กล้าถาม กล้าพูด และฝึกการพัฒนาสมอง ในทุกๆ กิจกรรมเราจะได้ฝึกพูด ฟัง ถาม

­

ตนเองมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงในตนเอง
คือ พูดมากกว่าเดิม เพราะเวลาทำกิจกรรมเสร็จต้องพูดสรุปและถอดบทเรียนรู้สึกว่าไม่เครียด ชอบ สนุกดี อยากให้ที่โรงเรียนมีแบบนี้บ้าง คือเรียนเสร็จก็มาถอดบทเรียนกัน มีการถาม ความคิดเห็นแต่ละคนว่าเรียนแล้วมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง จะทำให้มีพัฒนาการทางด้านความคิดเพราะต้องคิดว่าทำกิจกรรมนี้ทำเพื่ออะไร ทำแล้วได้อะไร

ก่อนและหลังเข้าค่ายเราเป็นคนอย่างไร/ เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
แต่ก่อนเป็นคนอยู่แต่ในบ้าน ไม่เคยออกสังคมเลย อยู่บ้านก็ไม่ได้ทำอะไร แต่พอมาที่นี่ได้เรียนรู้และพัฒนาทางด้านความคิดเกิดการปรับตัว
เพราะถ้าไปที่ไหนแล้วไม่ปรับตัวก็ต้องอยู่คนเดียวตลอดชีวิต คิดว่าถ้ากลับไปครั้งนี้จะเป็นคนพูดมากกว่าเดิม แล้วทำอะไรก็ต้องคิดวิเคราะห์

­

ชอบอะไรมากที่สุดในค่ายนี้

ชอบการเล่นเกมและทำกิจกรรมต่างๆ ได้เรียนรู้ในการเปรียบเทียบการปลูกข้าวกับปลูกกล้วย ซึ่งปลูกกล้วยจะได้ผลผลิตไปได้เรื่อยๆ


กลับไปครั้งนี้มีอะไรที่อยากจะกลับไปทำให้ชุมชน

อยากไปพัฒนาชุมชน คือ อยากหางานให้เด็กทำในช่วงปิดเทอมเช่น การปลูกผัก เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลาหาอาชีพเสริมให้เด็ก

­

ช่วยเล่าเรื่องนิสัยของเราเมื่อก่อนเป็นอย่างไร
เมื่อก่อนสนใจแต่การเรียน ไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับคนอื่น
แต่เมื่อมาเข้าค่ายนี้ทำให้อยากเอาความรู้ของตัวเอง บวกกับที่ร่วมกันสะท้อนมาว่าอยากได้อะไร มีความต้องการอะไร ไปปรับใช้ในชีวิตประวัน


คิดว่าตัวเองมีความรู้หรือทักษะอะไรที่เอากลับไปใช้ได้

ความรู้ที่ได้จากค่าย เช่น การประกอบธุรกิจ โดยเราจะมาทำบัญชีของตัวเอง และสิ่งที่อยากจะเอากลับไปทำเมื่อก่อนเป็นเด็กอยู่บ้านตั้งใจเรียนอย่างเดียว แต่พอมาทำกิจกรรมนี้ทำให้อยากไปพัฒนาชุมชนให้ชุมชนมีศักยภาพมากกว่านี้จะนำความรู้ที่ได้จากค่ายนี้ บวกกับความรู้เดิมที่เราเรียนมาไปพัฒนา อยากให้แต่ละชุมชนได้เสนอว่าอยากพัฒนาอะไรกับหมู่บ้าน และอยากไปพัฒนาชุมชนให้ดีกว่าเดิม

­

มีทักษะอะไรที่จะนำไปใช้กับตัวเองและผู้อื่น
ทักษะกระบวนการคิดค่ะ ที่อยากนำไปใช้ที่โรงเรียนเพราะอยู่ที่โรงเรียน พอครูสอนเสร็จก็สั่งงานอย่างเดียว ไม่ได้ให้ทำอะไรต่อ จากนี้ไปก็จะฝึกคิดว่าเรียนแล้วเราได้อะไรบ้าง จะไปเสนอ ผอ.ว่าอยากให้ครูสอนเสร็จแล้ว พอใกล้หมดคาบให้ครูถามว่ารู้สึกอย่างไรกับการเรียนวิชานี้ เรียนแล้วได้อะไร เพราะตอนนี้เด็กในโรงเรียนสมาธิสั้นมาก เวลาสอนก็ไม่สนใจเรียน เลยอยากมีกิจกรรมสนุกๆ ให้เพื่อนๆนักเรียนทำก่อนเรียน อาจจะนั่งสมาธิก่อนก็ได้ ให้เด็กมีสมาธิก่อนเรียน อย่างเช่น ตอนเช้ามาสวดมนต์ มานั่งสมาธิก่อนเรียน และมีเกมให้เล่นก่อนที่เราจะเรียนทำให้สนุกสนานก่อนและอยากจะเรียน


ความฝันที่อยากให้เกิดขึ้นในประเทศ

อยากทำให้ประเทศพัฒนา เพราะเราคนเดียวคงพัฒนาไม่ได้ เด็กไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยตั้งใจเรียน เรียนไม่รู้เรื่อง คิดว่าถ้าเราเรียนอยู่คนเดียว เราไม่สามารถไปทำอะไรคนเดียวได้ อยากให้ทุกคนพัฒนาไปด้วยกัน คิดว่าการพัฒนาประเทศนั้น คนในประเทศต้องช่วยเหลือกันทุกคน


อยากบอกอะไรกับเพื่อนๆ เกี่ยวกับการมาค่ายบ้าง

อยากชวนให้เพื่อนทุกคนมาเข้าค่าย เพราะดีทุกอย่าง สนุกมาก ทำให้เราเกิดกระบวนการคิดใหม่ๆ อย่างตอนแรกไม่เคยคิดอยากจะมาค่ายนี้ เพราะเป็นคนเงียบๆ ชอบอยู่บ้านคนเดียว แต่พอมาอบรมแล้วทำให้เราอยากจะพัฒนาชุมชน อยากพัฒนาประเทศ

คิดว่าเยาวชนควรมีบทบาทกับชุมชนมากน้อยแค่ไหน

เยาวชนต้องมีบทบาทมากเพราะเยาวชนคือกำลังของชาติ และอยากให้พัฒนาเยาวชนตั้งแต่ตัวเล็กๆ จะได้ปลูกฝังนิสัยต่างๆ ตั้งแต่เล็ก


เยาวชนที่ดีต้องประกอบไปด้วยอะไรบ้างมีสมาธิ 

มีการกล้าแสดงออก และมีทักษะในการพูด ต้องลงมือปฏิบัติ เพราะถ้าได้แต่พูดและคิด แต่ไม่ได้ปฏิบัติก็ไม่พัฒนา การพัฒนาเด็กต้องสอนฝึกตั้งแต่เด็กๆ เช่น กินข้าวเอง ฝึกให้คิด ให้เขาเล่นเกมที่ไม่น่าเบื่อ เป็นต้น


โตขึ้นอยากเป็นอะไร

อยากเป็นพยาบาล

.............................................

ถอดบทเรียนจากค่ายพัฒนาศักยภาพแกนนำเยาวชนสู่การเป็นพลเมืองรุ่นใหม่ที่สามารถดึงศักยภาพของตนเองออกมารับใช้ชุมชนสังคมอย่างสร้างสรรค์ ภายใต้โครงการพัฒนาเยาวชนในชุมชนท้องถิ่น (4 ภาค) ระยะที่ 3 การขับเคลื่อนกลไกพัฒนาเยาวชนด้วยการจัดการความรู้และกระบวนวิจัยเพื่อท้องถิ่น ครั้งที่ 2 วันที่ 30 เมษายน-11 พฤษภาคม 2561ณ ศูนย์ปราชญ์พ่อคำเดื่อง ภาษี บ้านโนนเขา หมู่ 8 ตำบลหัวฝาย อำเภอแคนดง จังหวัดบุรีรัมย์ สนับสนุนโดยมูลนิธิสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย สถาบันยุวโพธิชน มูลนิธิสัมมาชีพ สํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่น สถาบันเสริมสร้างการเรียนรู้เพื่อชุมชนเป็นสุข (สรส.) ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) มูลนิธิสยามกัมมาจล