เวทีพูนพลังครู ครั้งที่ 1: ครูผู้สร้างคุณลักษณะนิสัยที่ดีให้เด็ก

สถานการณ์ที่เป็นจุดเริ่มต้น

“ครู” เป็นอาชีพที่ทรงคุณค่าและยิ่งใหญ่มาก ครูไม่ได้เป็นกันแค่สองโมงเช้าถึงสี่โมงเย็นหากแต่เป็นกันทั้งชีวิต ครูที่ดีสอนศิษย์ให้มีความรู้ ความสามารถ มีทักษะชีวิต สามารถใช้ชีวิตอยู่บนโลกของความเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีความสุข แล้วยังต้องเป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิต เป็นผู้ที่สร้างและหล่อหลอมความเป็นมนุษย์ให้กับศิษย์อีกด้วย แม่พิมพ์เป็นอย่างไรผลที่ได้จากการพิมพ์จะเป็นเช่นนั้นเสมอซึ่งเป็นสิ่งที่ครูทุกคนควรใส่ใจทุกรายละเอียดเพื่อสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่างามทั้งกายและมีจิตใจดีคืนกลับสู่สังคมไทย

ในห้องเรียนสี่เหลี่ยมของโรงเรียนขยายโอกาสมีเด็กนักเรียนประมาณ 35-40 คน แต่ละคนมีความแตกต่างด้านพื้นฐานความรู้การอบรมเลี้ยงดูฐานะสภาพแวดล้อมสติปัญญา และอื่นๆ อีกมากมายทำให้การจัดการเรียนการสอนต้องยึดหยุ่น ปรับเปลี่ยน ปรุงแต่งให้เหมาะสมโดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล รวมทั้งการวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเรื่องที่หนักสำหรับครูผู้สอนพอสมควรที่ต้องศึกษาและทำความเข้าใจกับผู้เรียนเป็นรายบุคคล ส่งผลให้เกิดโครงการเยี่ยมบ้านนักเรียนเพื่อให้ผู้สอนเข้าใจสภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรียนอย่างแท้จริง รวมทั้งเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้ปกครองและผู้สอนด้วย

ครูแอนได้พัฒนากระบวนทัศน์ใหม่ของการจัดการเรียนรู้ ที่ชื่อว่า STEL Model ซึ่งเป็นแนวทางการจัดการเรียนรู้ ที่ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบที่สำคัญเพื่อขับเคลื่อนการจัดการเรียนรู้4 ประการประกอบด้วย1. ด้านสังคม (Society) 2. ด้านเทคโนโลยี (Technology) 3. การประเมินผล (Evaluation) และ 4.การจัดการเรียนรู้ (Learning) โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความสามารถด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์ซึ่งผู้เรียนจะต้องสะท้อนความรู้ที่เกิดจากการปฏิบัติเพื่อสร้างความรู้ใหม่ด้วยตนเองได้สร้างสรรค์ ซึ่งเหมาะสมที่จะนำมาปรับใช้กับผู้เรียนเพื่อพัฒนาความสามารถด้านการคิดขั้นสูง

­

กระบวนการและผลลัพธ์ของการสร้างการเรียนรู้

  • กรณีของปลานักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีนิสัยก้าวร้าวมากพูดจาไม่น่าฟังและชอบพูดคำหยาบไม่เคารพและไม่เชื่อฟังครู รวมทั้งขาดความรับผิดชอบ จากพฤติกรรมที่ปรากฏในห้องเรียน ทำให้ไม่มีเพื่อนคบและคุณครูหลายท่านไม่ชอบพฤติกรรมที่แสดงออกจึงมักถูกลงโทษเสมอ เมื่อมาเข้าเรียนชั่วโมงของครูแอนก็แสดงพฤติกรรมเช่นเดียวกันครูแอนจึงคิดหาแนวทางการแก้ไขโดยการศึกษาข้อมูลของปลาในระดับชั้นที่ผ่านมากับครูประจำชั้นพบว่ามีพฤติกรรมเช่นนี้มาตลอดสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเพื่อนร่วมห้องพบว่าไม่มีใครชอบ ไม่มีเพื่อนคบเพราะชอบขโมยของและทุบตีเพื่อนแกล้งเพื่อนทำให้ต้องศึกษาข้อมูลต่อไปที่ครอบครัว พบว่าเป็นเด็กกำพร้าที่อาศัยอยู่กับยายถูกทิ้งตั้งแต่เล็ก ต้องต่อสู้ชีวิตและหารายได้จากการซื้อของและดูต้นทางให้กับกลุ่มนักพนันซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่แปลกที่เด็กคนนี้จะมีพฤติกรรมก้าวร้าวและลักษณะเอาตัวรอดสูงแต่สิ่งที่ต้องปรับปรุงคือลักษณะนิสัยเช่นนี้หากติดตัวไปจะทำให้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนอื่นไม่ได้ครูแอนคิดว่าการแก้พฤติกรรมดังกล่าวควรเริ่มต้นที่การให้ความรักความเมตตาการให้ความสำคัญการให้หน้าที่ความรับผิดชอบ และการแสดงแบบอย่างที่ดีให้ดูเริ่มต้นที่ทักทายอย่างเป็นมิตร การยิ้มอย่างจริงใจการกอดอย่างจริงจังการลูบศีรษะด้วยเมตตาแววตาที่มองอย่างเป็นมิตร ใช้คำพูดที่น่าฟังสุภาพมีคำลงท้ายที่ไพเราะจริงจังจริงใจและต่อเนื่องต้องใช้ความอดทนมากเพราะอาจได้ยินคำพูดที่ไม่น่าฟัง กริยาที่ไม่เหมาะสม และสายตาที่ไม่เป็นมิตรในระยะแรกขอเพียงอย่าโกรธ อย่าท้อ ผลที่รออยู่ข้างหน้างดงามเสมอ...เพราะครูแอนมีความเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีพื้นฐานของการเป็นคนดีและมีความสามารถในการเรียนรู้เราจึงเริ่มต้นด้วยการใส่ใจกับคำถาม “เป็นยังไงบ้างลูกเรียนรู้เรื่องไหมเข้าใจหรือเปล่าค่ะ” “ถ้าไม่เข้าใจมาถามครูนะเดี๋ยวครูอธิบายให้ฟังอีกครั้ง” “วันนี้ปลาเก่งมากทำงานของครูเสร็จแล้วและสวยด้วยให้เพื่อนๆ ทุกคนปรบมือให้” “เดี๋ยวปลาทำงานเสร็จแล้วมาช่วยครูเก็บของบนโต๊ะนะ”“ครูจะให้ปลาเป็นหัวหน้าห้องนะในชั่วโมงของครูซึ่งปลาต้องมีหน้าที่ดูแลเพื่อนๆ ให้เรียบร้อย”

หลังจากนั้นก็ค่อยๆ สอนในลักษณะของการซึมซับสอดแทรกคุณธรรมกริยามารยาทคำพูดที่น่าฟังให้ผู้เรียนลองสังเกตสิ่งที่เปลี่ยนแปลงรอบข้าง เช่นครูท่านอื่นเพื่อนร่วมชั้น มีอะไรที่เปลี่ยนไปบ้างแล้วให้นักเรียนบอกให้ได้ถึงข้อดีของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สิ่งที่ครูแอนได้ คือ ปลา นักเรียนหญิงที่สดใสตามวัยตั้งใจเรียนมากขึ้นมีความรับผิดชอบ พูดจาสุภาพเรียบร้อยขึ้น มีสัมมาคารวะและสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้เป็นที่ยอมรับของเพื่อนในห้องเรียนซึ่งการบังคับไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับการเปลี่ยนแปลง หากต้องเกิดจากความต้องการที่จะเปลี่ยนของคนคนนั้นและเหตุผลของการเปลี่ยนที่ดีที่สุดคือคนคนนั้นต้องรู้ถึงจุดประสงค์ ความจำเป็น ประโยชน์ที่ได้จากการเปลี่ยนแปลงจึงจะเป็นการเปลี่ยนที่ยั่งยืนและคงทน

  • กรณีของเด็กชายเป้ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นเด็กที่ไม่มีระเบียบวินัยแต่งกายผิดระเบียบก่อกวนในห้องเรียนโดดเรียนไม่มีความรับผิดชอบเมื่อถึงชั่วโมงของครูแอนก็เป็นเช่นนี้ครูแอนต้องปรับเปลี่ยนวิธีการแก้ปัญหาใหม่ เพราะเป้เป็นเด็กวัยรุ่นที่มีอารมณ์รุนแรงจะใช้วิธีแบบเด็กประถมไม่ได้ จึงต้องใช้คำพูดที่เหมาะกับวัยของเด็กเหมือนเป็นเพื่อนที่มีความเข้าใจเอื้ออาทรและไม่แสดงอารมณ์โกรธไม่ตำหนิต่อหน้าเพื่อนในห้องเรียน เช่น ในขณะที่ครูแอนสอนเป้จะตะโกนร้องเพลงในห้องเพื่อก่อกวนไม่ให้สอนได้ ถ้าเป็นชั่วโมงอื่นจะโดนทำโทษซึ่งเป็นความสะใจที่โดนทำโทษ เพราะเด็กลักษณะนี้ไม่กลัวไม้เรียวจึงต้องเปลี่ยนวิธีใหม่ “เป้เรามาตกลงกันนะในฐานะที่เรารักกันเอาแบบนี้เวลาครูสอนเป้หยุดร้องเพลงพอครูหยุดสอนเป้ร้องได้เลยเพื่อนๆ เป็นพยานนะ ตามนี้ถ้าครูหยุดสอนแล้วเป้ไม่ร้องเพลงแพ้นะ...ชั่วโมงหน้างดร้อง 1 ชั่วโมง สัญญาลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น...” พอทำแบบนี้เพื่อนๆในห้องเรียนก็สนุกสนาน กลายเป็นเรียนรู้อย่างสนุก ได้ทั้งความรู้ได้ฟังเพลงเพราะๆ ไม่มีเสียงด่าในห้องไม่มีความเครียด พอถึงชั่วโมงเรียนคอมพิวเตอร์เพื่อนๆ ต้องคอยถามว่าเป้เตรียมมากี่เพลงซึ่งเป็นการได้ทำในสิ่งที่เขาชอบ ร้องเพลงไปทำงานไป ก็มีความสุขไปอีกแบบพอหลายสัปดาห์เป้เริ่มเหนื่อยและเบื่อกับการแกล้งครูและก่อกวนชั้นเรียน ก็เลยขอยกเลิกสัญญาลูกผู้ชายเพราะหมดเสียงหันกลับมาเรียนตามปกติเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ เป้ปรับปรุงตัวเองมากขึ้นเรียนรู้ที่จะอยู่กับคนอื่นด้วยการยึดหยุ่นและประนีปนะนอมของครูทำให้เขาเข้าใจชีวิตว่าความรุนแรงไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา การที่ครูให้ความรัก ความเมตตามองโลกในแง่บวกสร้างคนจากความแตกต่างหล่อหลอมสอดแทรกสิ่งที่ดีงามด้วยความจริงใจมุ่งมั่นและอดทน คนคนนั้นจะรับรู้ได้และเมื่อเราเข้าไปนั่งอยู่ในใจเขาได้สิ่งที่เราขอร้องสิ่งที่เราห้ามเขาจะฟังและปฏิบัติตามเพราะ “ความรักชนะทุกอย่าง” ปัจจุบันเป้จบการเรียนศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ประกอบอาชีพค้าขายน้ำผลไม้ปั้นซึ่งเมื่อเจอครูแอนทุกครั้งเขาจะเอาน้ำผลไม้ปั้นฝีมือของเขามาให้ชิมแล้วพูดว่า “น้ำผลไม้ปั่นครับครูฝีมือผมเองตั้งใจทำเต็มที่เอามาให้ครูครับไม่คิดเงินครับครูคิดถึงผมไหมไม่มีใครร้องเพลงให้ครูฟังแล้ว...” มันเป็นคำพูดง่ายๆ ฟังสบายๆ ฟังแล้วต้องอมยิ้มตาม ซึ่งเป็นความจริงใจของเด็กหลังห้องที่ถูกทอดทิ้งเพียงแค่เราเหลือบไปมองและหยิบยื่นความรักที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อส่งให้เขามันก็เป็นแรงบันดาลใจเป็นความรักความผูกพันที่มีค่าเป็นการสร้างพลเมืองดีคนหนึ่งคืนให้กับสังคม
  • กรณีของพรเทพ เป็นเด็กพิการโปลิโอขาขวาลีบ เป็นเรื่องที่ครูประทับใจมากที่สามารถสร้างคนดีคนหนึ่งได้อย่างภาคภูมิ พรเทพเป็นเด็กที่ถูกขอมาเลี้ยงจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พอเอาเลี้ยงถึงรู้ว่าเป็นโปลิโอ จะเอาไปคืนก็สงสารเลยเลี้ยงไว้ ทำให้เด็กมีความกดดันส่งผลให้เป็นเด็กก้าวร้าว ชอบขว้างปาข้าวของ และใช้คำหยาบกับเพื่อน เก็บตัว ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวไม่มีสังคม ซึมเศร้าซึ่งเป็นอีกชีวิตที่น่าสงสารคนเราเลือกเกิดไม่ได้เป็นเรื่องจริงแต่ครูไม่ได้มีหน้าที่ซ้ำเติมชีวิตใครหากแต่ต้องส่งเสริมสนับสนุนให้เขาค้นหาตัวเองให้พบเพื่อการดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้ต่อไปสิ่งแรกที่ครูแอนมีให้พรเทพคือความสงสารหลังจากนั้นจึงค่อยๆ ทำความสนิทสนมให้เขาวางใจเล่าชีวิตความทุกข์ความสุขให้ฟังซึ่งทุกครั้งเราจะได้ยินเสียงหัวเราะดังมากๆ ของเด็กพิการคนนี้ทุกครั้งที่ได้คุยด้วย “วันหนึ่งเขานั่งร้องให้ที่ข้างบันไดใกล้ห้องคอมพิวเตอร์ครูแอนถามว่าเป็นอะไรเขาขว้างกระเป๋านักเรียนใส่ครูแอนแล้วบอกว่าเกลียดโรงเรียนเกลียดครูเกลียดเพื่อนเกลียดแม่ที่เอาเขามาเลี้ยงไม่มีใครรักเขาเลย” ครูแอนต้องหยุด...แล้วฟังเรื่องของเขาโดยให้เขาได้ระบายให้หมด หลังจากนั้นจึงเข้าไปกอด จับมือ แล้วบอกว่า “ต่อไปนี้พรเทพเธอเป็นลูกครูแอนบนโลกใบนี้มีแม่คนนี้อีกคนที่รักไม่เคยรังเกลียดและไม่มีวันทำร้ายเธอ” เขาร้องไห้และกอดครูแอนนับแต่นั้นมาครูแอนพยายามใช้ความรักและความละเอียดอ่อนให้มากขึ้นค่อยๆ สอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมอบรมสั่งสอนให้เขาเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนเคารพผู้ใหญ่พูดจาสุภาพมองโลกในแง่ดีหลังจากนั้นได้เข้าไปพูดคุยกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนอธิบายถึงความแตกต่างของบุคคลการใช้ชีวิตและหลักเมตตาธรรมเพื่อให้เพื่อนๆ เข้าใจและไปพบผู้ปกครองของพรเทพที่บ้านซึ่งเขากำลังจะเอาพรเทพกลับไปคืนสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซึ่งต้องเขาไปอธิบายและทำความเข้าใจอยู่นานและได้ข้อสรุปที่ดีคือถ้าเขาปรับปรุงตัวได้ ไม่ก้าวร้าวไม่หยาบคาย และมีความรับผิดชอบ ก็จะเลี้ยงดูเขาต่อไป ซึ่งจากความรักความจริงใจความเมตตาสัมผัสแห่งรักที่ทุกคนมีให้ก็สามารถเปลี่ยนชีวิตคนคนหนึ่งได้พรเทพใจเย็นมากขึ้นอารมณ์ดียิ้มแย้มแจ่มใสเป็นมิตรที่ดีของทุกคนมีน้ำใจช่วยเหลือครูช่วยเหลือเพื่อนไม่ก้าวร้าวไม่มีคำพูดหยาบคาย นอกจากนั้นยังเป็นผู้ที่มีความกตัญญูจึงทำให้เขาได้อยู่ในครอบครัวนี้ต่อไปทุกเช้าครูแอนจะได้ยินเสียงเด็กลากขากระแทกเท้าดังๆ เพราะเดินไม่ถนัดตะโกนเสียงดัง

    “ครูแอนหนูมาแล้ว”

    “หนูมาช่วยครูกวาดห้อง”

    “หนูช่วยแม่ตำน้ำพริกเผาเลยขอแม่เอามาฝากครู” แล้วเขาก็จะนั่งยิ้มมองหน้าเราอย่างมีความสุขแล้วบอกกับเราว่า

“หนูเป็นเด็กดีครับเพราะหนูเป็นลูกครู”

ถ้าหนูเรียนจบที่นี่แล้วหนูจะไปเรียนต่อคอมพิวเตอร์หนูจะทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เหมือนครูหนูสัญญาถ้าหนูทำงานแล้วมีเงินเยอะๆ หนูจะซื้อคอมพิวเตอร์ให้ครูใหม่ครูรอหนูนะ

ด้วยแววตาน้ำเสียงที่แสดงถึงความจริงใจของเด็กพิการคนนั้นครูแอนรับรู้ได้ถึงความมุ่งมั่นความรักและความศรัทธาที่มีในใจพรเทพเรียนจบด้านคอมพิวเตอร์ตามที่เขาฝันปัจจุบันทำงานบริษัท วันหนึ่งเขากลับมาพร้อมกับพวงมาลัยมากราบในวันไหว้ครูพร้อมกับน้ำพริกเผาที่ตำเองประโยคเดิมที่ไม่ได้ยินมานานพร้อมกับเสียงลากเท้าดังๆ ที่คุ้นเคย

“ครูครับหนูกลับมาแล้ว หนูทำสำเร็จแล้วคิดถึงครูจัง”

เขามองหน้าเราแล้วพูดทั้งน้ำตา “หนูขอโทษหนูทำงานเก็บเงินได้หลายหมื่นแต่อยากได้มากกว่านั้นเลยเอาไปออกดอกเงินกู้เพื่อจะได้เอาเงินมาซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่ให้ครูแต่เขาเห็นหนูพิการก็เลยโกงเงินหนู....หนูไม่เหลืออะไรเลย” ช่างมันเถอะลูกแค่กลับมาหาครูก็ดีใจแล้วโลกใบนี้มันน่ากลัวผู้คนต่างจิตต่างใจการมีความรู้ทำให้หนูมีอาชีพที่ดีและคุณงามความดีจะทำให้หนูมีความสุขความเจริญในชีวิต “ครับครูตอนนี้หนูทำงานเลี้ยงดูแม่เป็นการตอบแทนบุญคุณท่านที่เลี้ยงหนูมาหนูมีความสุขมาก ขอบคุณความรักของครูขอบคุณครับ”

พรเทพเป็นเพียงเด็กพิการจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามีชีวิตที่น่าสงสารและเขาเกือบถูกทิ้งอีกครั้ง แต่ใครจะรู้ว่าวันนี้เด็กพิการคนนั้นจะกลายเป็นกำลังสำคัญของบ้านทำงานเลี้ยงดูแม่ที่แก่

ครูทุกคนเพียงให้โอกาสนักเรียนหยิบยื่นมิตรภาพ ความรัก ความจริงใจ ให้กลับเขาก่อนที่บ่นว่าให้เสียใจถามสักนิดว่าเขามีปัญหาหรือเหตุผลอะไรในการทำผิด หยุดคิดแล้วฟัง อย่าใช้อารมณ์และอำนาจที่มีตัดสินนักเรียนเพราะคุณอาจเสียใจไปตลอดชีวิต ที่ทำลายอนาคตของใครบางคนเพียงเพราะคำว่า “ไม่รู้”


สิ่งที่ได้เรียนรู้

ครูแอนมีเรื่องเล่าในห้องเรียนเกี่ยวกับการสอนลักษณะที่ดีให้กับเด็กเยอะ ซึ่งแต่ละเรื่องที่เกิดขึ้นล้วนมีสาเหตุที่แตกต่างกันแนวทางในการแก้ไขพัฒนา ปรับปรุงก็แตกต่างกันด้วยแต่หลักสำคัญที่ครูแอนใช้คือ ความรักความเป็นมิตรความศรัทธา ความเมตตาอาทร และคิดบวกมุ่งมั่น ตั้งใจในการทำทุกอย่างด้วยความเชื่อที่ว่า วันนี้มีโอกาสพูดให้พูดดีมีโอกาสทำให้ทำดีเพราะพรุ่งนี้อาจไม่มีสำหรับเราโอกาสดีๆในชีวิตของคนหนึ่งคนมีไม่มากนักครูควรเป็นผู้ให้โอกาสนั้นไม่ใช่เป็นผู้ทำลายการสร้างคนเป็นบุญกุศลหนุนนำผู้ทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิต และความภูมิใจในบั้นปลายของชีวิตหากลูกศิษย์ไปได้ดีนั่นคือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของครู ครูแอนสอนนักเรียนเสมอว่ามีสองอย่างในโลกที่ไม่เคยรอเรา คือ เวลาและโอกาส ดังนั้นเมื่อมันมาถึงอย่าปล่อยให้ผ่านไปเพราะมันอาจไม่ผ่านมาอีกเลย และเมื่อเป็นเช่นนั้นนักเรียนก็เหมือนกันหากในเวลาสอนเราไม่ทำอย่างเต็มที่เท่ากับเราทำร้ายเขาทางอ้อมเขาควรได้ประโยชน์อย่างเต็มที่กับเวลาที่เขาเสียไป และเมื่อมีโอกาสที่ดีมาแล้วเราไม่หยิบยื่นให้เขานั่นหมายถึงว่าเราทำผิดต่อเขา ซึ่งอาจทำให้เขาเสียโอกาสที่ดีในชีวิตและโอกาสดีๆ แบบนั้นอาจไม่มาให้เขาได้สัมผัสอีกเลยครูเป็นอาชีพที่มีคุณค่ามีเกียรติและยิ่งใหญ่แลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยความเสียสละเวลาความสุขส่วนตัวไม่ใช่ด้วยโล่รางวัลหรือเกียรติยศใดๆ หากแต่เป็นความสุขหลังไม้เรียวและมือที่เปื้อนฝุ่นชอล์กนั้น เป็นมือที่สร้างคน สร้างอนาคตสร้างชาติและจะคงเป็นเช่นนี้ตลอดไป