เครือข่ายโรงเรียนวิจัยเพื่อท้องถิ่น จังหวัดสตูลและจังหวัดตรัง

เครือข่ายโรงเรียนวิจัยเพื่อท้องถิ่น จังหวัดสตูลและจังหวัดตรัง

วันที่ 11-12 กรกฎาคม 2555 ณ นกน้ำรีสอร์ท อ.เมือง จ.สตูล


การที่โรงเรียนนำกระบวนการวิจัยเข้ามาสอดแทรกในการเรียนการสอน ทำให้เห็นถึงกระบวนการการทำงานของเด็กที่เป็นขั้นเป็นตอน และเด็กมีความรับผิดชอบมากขึ้น คิดว่าโรงเรียนเดินมาถูกทางแล้ว เพราะในสังคมไทยมีทั้งเรื่องดีและไม่ดี สิ่งสำคัญที่จะปลูกฝังให้กับเด็กได้นั้นคือเรื่องของความคิดและคุณธรรม เพราะเด็กเมื่อโตขึ้นเขาก็จะมีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่ว่าเขาจะไปอยู่ที่ไหน หากเขามีคุณธรรมติดตัว เขาก็สามารถที่จะใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างราบรื่น ยิ่งหากเด็กใช้ความคิดวิเคราะห์ได้ว่าสิ่งไหนดีสิ่งไหนไม่ดี และแยกแยะได้ว่าควรถอยห่างจากเรื่องใดบ้าง เขาก็จะไม่ถูกชักจูงไปในทางที่ไม่ดี นี่คือสิ่งสำคัญที่ทุกฝ่ายควรปลูกฝังเด็กให้มีสิ่งเหล่านี้ติดตัวอยู่ตลอดเวลา
 

นางพาซีย๊ะ วาหนิ เป็นผู้ปกครองของ ด.ญ. ชญาวีร์ เจริญฤทธิ์  นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนอนุบาลสตูล จังหวัดสตูล  ความคาดหวังของตนต่อโรงเรียนคือ อยากให้ลูกเป็นเด็กดีและมีความสุขเมื่อได้ใช้ชีวิตในโรงเรียนร่วมกับผู้อื่น อีกทั้งการที่เด็กได้นำหลักคุณธรรมมาใช้ เช่น การเป็นลูกกตัญญู การมีวิชาความรู้ควบคู่กับการเป็นคนดี และสิ่งสำคัญคือความปลอดภัยในโรงเรียน
 

ตนไม่ค่อยมีเวลาให้กับลูก เนื่องจากต้องทำงานเพื่อส่งเสียให้ลูกเรียนจบทั้งสองคน การเลี้ยงดูลูกก็ใช้วิธีเหมือนเด็กในเมืองทั่วไป เนื่องจากเป็นครอบครัวที่ทำงานในแวดวงวิชาการ เรื่องการเรียนจึงเป็นสิ่งที่ตนคาดหวังกับลูกไว้มาก แต่ทั้งนี้บริบทของลูกสาวทั้งสองคนมีความแตกต่างกัน เช่น คนโตเป็นเด็กเรียนดี ชอบวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ แต่มีข้อด้อยในเรื่องมนุษยสัมพันธ์ เป็นคนไม่ค่อยพูดและเก็บตัว ส่วนลูกคนที่สอง มีบุคลิกร่าเริง ชอบพูดคุย แต่ชอบในวิชาภาษาไทย ดนตรี ศิลปะ และไม่ถนัดวิชาคณิตศาสตร์
 

เพิ่งทราบถึงรูปแบบการสอนที่เอาการวิจัยเข้ามาสอดแทรก โดยทราบมาจากลูกสาวของตนเองเป็นผู้มาบอกว่ามีการนำเสนองานที่โรงเรียน และทางโรงเรียนเองก็ได้เชิญผู้ปกครองมาร่วมรับฟัง ในวันนั้นเองทำให้เห็นถึงกระบวนการการทำงานของเด็กที่เป็นขั้นเป็นตอน รวมถึงเรื่องความรับผิดชอบต่องาน เดิมลูกเรียนอยู่โรงเรียนสาธิตราชภัฏสงขลา ก็มีความแตกต่างกันในด้านของระบบการเรียนการสอนและสิ่งแวดล้อม เด็กที่โน่นจะเน้นเรื่องการเรียนอย่างเคร่งครัด ซึ่งยอมรับว่ามีการแข่งขันกันสูง ทั้งยังเห็นว่าเรื่องการเรียนเสริมหรือเรียนพิเศษเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากกลัวว่าหากไม่เรียนจะตามไม่ทันเพื่อนในห้อง ค่าใช้จ่ายในเรื่องการเรียนจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับพ่อแม่มาก เมื่อเทียบกับอยู่ที่นี่ทางโรงเรียนอนุบาลสตูลได้แจ้งมาว่าบุตรสาวของตนได้เป็นตัวแทนนักเรียนในการดำเนินหน้าที่เป็นพิธีกรในโครงการรณรงค์ลดใช้โฟมในโรงเรียน เป็นโครงการวิจัยที่เกิดจากนักเรียนร่วมกันทำขึ้นและได้เชิญผู้ปกครองไปร่วมฟังในงานครั้งนั้น ตั้งแต่นั้นจึงทำให้ตนถามถึงกระบวนการการทำงานของเด็ก และทราบถึงวิธีการที่โรงเรียนใช้สอนโดยการนำโครงงานวิจัยเข้ามาให้เด็กมีบทบาทในการทำงาน ทั้งในเรื่องการตั้งประเด็น การคิดวิเคราะห์ และการลำดับขั้นตอนในการทำงาน
 

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น :  จากเดิมลูกสาวคนเล็กไม่ชอบวิชาเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์ แต่ตนเห็นว่าลูกสามารถทำโครงการวิจัยเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ได้ดี เนื่องจากความกระตือรือร้นในการหาข้อมูล อีกทั้งยังซักถามคำถามที่อยากรู้กับผู้ปกครองอยู่เสมอ และยังเห็นถึงกระบวนการทำงานและวิธีคิดวิเคราะห์ของเด็กว่าเป็นไปอย่างไร นอกจากนี้เด็กได้มีการนำวิชาที่ชอบอย่างวิชาดนตรีมาผสมผสานกับโครงการวิจัยวิทยาศาสตร์ได้ ด้วยการแต่งเพลงรณรงค์ลดใช้โฟมในโรงเรียนมาเป็นช่วงเสริมระหว่างทำกิจกรรมนำเสนอ
 

ส่วนเรื่องพฤติกรรม เด็กมีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น อาจด้วยการพัฒนาการด้านความคิดที่เริ่มโตขึ้น รวมถึงการนำหลักการวิจัยมาใช้ในการเรียนการสอนของโรงเรียนซึ่งมีผลต่อการสร้างความมั่นใจให้กับเด็ก เห็นได้จากงานกิจกรรมการแสดงของโรงเรียน เมื่อเด็กขึ้นแสดงเขาจะมีความมั่นใจ และหากสิ่งใดที่ไม่ได้เตรียมความพร้อมมาก็กล้าที่จะปฏิเสธ  มีครั้งหนึ่ง น้องนีน่าขึ้นไปร้องเพลงบนเวที ครูเขาก็บอกว่าให้น้องร้องเพิ่มอีกเพลง แต่น้องนีน่าไม่ได้ซ้อมมา เขาก็บอกครูไปว่า ไม่พร้อมค่ะ จากพฤติกรรมดังกล่าวทำให้เห็นทั้งด้านดีและด้านเสีย ด้านดีคือเขาสามารถคิดวิเคราะห์ได้ว่าตัวเองทำได้หรือไม่ พร้อมหรือไม่ มั่นใจในการตอบและคิดได้ว่าหากการแสดงไม่พร้อมงานก็จะออกมาไม่ดีจึงปฏิเสธ ส่วนข้อเสีย คือการอยู่ในกรอบมากเกินไป เด็กยังแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ไม่ดีเท่าที่ควร อีกทั้งการตอบกลับเช่นนั้นอาจเป็นการเสียน้ำใจของผู้ชักชวนได้ ผู้ปกครองและโรงเรียนจึงควรนำไปประยุกต์ให้เข้ากับทุกสถานการณ์ของเด็ก
 

นอกจากนี้ ในด้านพฤติกรรมที่เห็นได้ชัดอีกอย่างคือ เรื่องการใช้ความคิดและการพูด จากเดิมน้องนีน่าจะเป็นคนพูดตรง ๆ รู้สึกอย่างไรก็พูดออกมา และเป็นเด็กที่ไม่ค่อยยอมรับความคิดเห็นของคนอื่น แต่ตอนนี้เขารู้จักคิดวิเคราะห์ว่าควรพูดออกมาอย่างไร เช่น เวลามีการประชุมผู้ปกครอง ทางโรงเรียนก็จะให้ผู้ปกครองสะท้อนกลับมาว่าควรปรับปรุงเรื่องใดบ้างให้ประชุมพูดคุยร่วมกัน ซึ่งเด็กก็จะคอยย้ำตลอดว่าให้แม่พูดให้ดี อย่าพูดให้โรงเรียนเสียหาย นี่คือสิ่งที่เด็กย้ำ แสดงให้เห็นว่าเด็กมีความผูกพันกับโรงเรียนและนึกถึงใจเขาใจเรามากขึ้น เขาสามารถทำงานร่วมกับเพื่อนในกลุ่มได้อย่างราบรื่น  รู้จักแบ่งหน้าที่กันทำงาน ไม่ได้ยึดความคิดของตัวเองเป็นหลักอย่างเมื่อก่อน
 

เคยได้ยินผู้ปกครองบางท่านบ่นว่าโรงเรียนให้งานเยอะไป แต่ตนเห็นว่าเหมาะสมแล้วเนื่องจากตนเองได้ดูความเหมาะสมของลูกแล้วว่ารับไหวหรือไม่ ซึ่งเด็กก็รับไหวและยังมีความกระตือรือร้นเพิ่มขึ้น โดยเห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นข้อดี ผู้ปกครองไม่ต้องคอยสั่งหรือต้องบอกให้เขาทำ แต่เด็กจะทำเอง และเด็กก็ภูมิใจในผลงานของตัวเองด้วย
 

ในฐานะผู้ปกครองเมื่อทราบว่าทางโรงเรียนได้มีการนำการวิจัยมาบูรณาการกับการเรียนการสอนในโรงเรียนแล้วนั้น โรงเรียนมักจะให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันของผู้ปกครองกับโรงเรียนโดยการบอกกล่าวหรือการร่วมประชุมเพื่อพูดคุย รวมทั้งขอความช่วยเหลือจากผู้ปกครอง ตนก็ยินดีที่จะให้การสนับสนุนและให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพราะเห็นว่าเป็นผลดีต่อเด็ก และทางผู้ปกครองเองก็นำหลักคิดที่ทางโรงเรียนใช้มาสานต่อที่บ้านให้เด็กได้ซึมซับมากขึ้น ด้วยการซักถามถึงชีวิตในโรงเรียนว่าเด็กได้เรียนหรือทำกิจกรรมใดมาบ้าง หากเด็กสงสัยหรือซักถามก็ให้ความรู้และแนะนำเด็กอีกทางหนึ่ง อย่างเรื่องภาษาอังกฤษน้องนีน่าไม่ชอบเรียนภาษาอังกฤษ พอเรียนจากที่โรงเรียนก็จะมาบ่นว่ายาก ตนจึงใช้วิธีการนำคำศัพท์มาติดไว้ที่บ้าน อย่างเช่น ติดคำศัพท์ไว้ที่หน้าต่างว่า Windows ติดในครัวว่า Kitchen เพื่อให้เด็กได้จดจำและซึมซับ เพื่อไม่ให้เกิดความคิดว่าภาษาอังกฤษยากเกินไป 
          

สิ่งสำคัญเมื่อเด็กกลับมาจากโรงเรียน ส่วนหนึ่งผู้ปกครองต้องเอาใจใส่และเป็นตัวอย่างที่ดีให้เด็กเห็น ไม่ทำตรงกันข้ามกับที่โรงเรียนสอน เป็นการย้ำให้เด็กเห็นว่าสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มามันถูกต้อง ไม่เพียงแต่ด้านการเรียนแต่สามารถทำให้เด็กนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันของเขาได้
 

 “หลังจากที่เขาได้เรียนรู้ตรงนี้ เขาจะเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเองบางทีเด็กถามเราก็อึ้ง เพราะเขาต้องการคำอธิบาย ทุกฝ่ายสำคัญหมดที่ต้องร่วมมือกันทำตรงนี้ อย่างเหมือนตอนนี้สังคมเมือง คนข้างบ้านไม่ได้คุยกันต่างคนต่างอยู่ แต่เราต้องคอยปรับตรงนี้ ค่อย ๆ คุยให้ลูกเห็น ให้เขารู้จัก เผื่อมีอะไรช่วยเหลือกันได้ก็ช่วย เพราะเด็กก็ดูตัวอย่างจากเรานี่แหละ ถ้าเราไม่พูดกับใครเลย เด็กก็จะไม่พูดถ้าเราคุยเด็กก็คุย เราต้องให้เหตุผลเขา เขาก็จะรับฟัง”

สิ่งที่เด็กได้รับในโรงเรียนเป็นสิ่งที่ดีและโรงเรียนได้ดำเนินมาถูกทางแล้ว ตนเห็นว่า ในสภาพแวดล้อมของสังคมไทยมีทั้งเรื่องดีและไม่ดี สิ่งสำคัญที่จะปลูกฝังให้กับเด็กได้นั้นคือเรื่องของความคิดและคุณธรรม เพราะเชื่อว่าไม่ว่าเด็กจะโตขึ้นเขาก็จะมีความคิดเป็นของตัวเอง หรือแม้เขาไปอยู่ที่ไหน หากเด็กมีคุณธรรมติดตัว เขาก็สามารถที่จะใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างราบรื่น หากเด็กใช้ความคิดวิเคราะห์ได้ว่าสิ่งไหนดีสิ่งไหนไม่ดี และแยกแยะได้ว่าควรถอยห่างจากเรื่องใดบ้าง เขาก็จะไม่ถูกชักจูงไปในทางที่ไม่ดี นี่คือสิ่งสำคัญที่ทุกฝ่ายควรปลูกฝังเด็กให้มีสิ่งเหล่านี้ติดตัวอยู่ตลอดเวลา