ศราวุธ แก้วบุตร : แกนนำาเยาวชน Active Citizen จ.สงขลา

นายศราวุธ แก้วบุตร  แกนนำาเยาวชน Active Citizen จ.สงขลา


ครูเอ็กซ์ ศราวุธ แก้วบุตร อดีตเยาวชนโครงการพลเมืองเยาวชนสงขลาส่องแสง ภายใต้ชื่อโครงการ “ครูเดลิเวอรี” จากรั้วมหาวิทยาลัยทักษิณ จังหวัดสงขลา เวลาผ่านไปกว่า 6 ปี เยาวชนคนนี้ได้เป็นครูสมใจ และยังคง Delivery เสิร์ฟความรู้ให้นักเรียนอยู่ที่โรงเรียนสิริวัณวรี 2 สงขลา คอยมอบความรู้ให้กับนักเรียนอย่างที่ตั้งใจ

ครูเอ็กซ์เริ่มส่งความรู้แบบ Delivery แบบนี้มา 4 ปีแล้ว ในตำแหน่งครูผู้ช่วย กลุ่มสาระวิชาสังคมศึกษา เขาบอกว่า การได้เข้ามาบรรจุข้าราชตั้งแต่อายุยังน้อยช่วยให้เขาและนักเรียนเข้าถึงกันง่าย ลดช่องว่างระหว่างวัย ละลายพฤติกรรมให้เขารู้สึกปลอดภัยที่เรียนเรา ด้วยวัยที่ไม่ต่างกันมากระหว่างครูกับผู้สอน ทำให้เขาเข้าถึงผู้เรียนได้ง่าย ทำให้เด็กกล้าตั้งคำถามกับเรา ในขณะเดียวกันครูเองก็ต้องกล้าที่จะให้เขาตั้งคำถามกับเราได้ “อะไรที่ผมไม่ชอบตอนเด็ก ผมตั้งใจว่าจะไม่ทำกับเด็กในห้องที่เราสอน” คือคำตั้งมั่นของเอ็กซ์เมื่อครั้งตั้งใจจะมาเป็นครูสอนนักเรียน

โรงเรียนสิริวัณวรี 2 แห่งนี้เป็นทั้งสถานที่เรียนเมื่อครั้งยังเด็ก เป็นที่ฝึกงาน และเป็นสถานที่ทำงานของครูเอ็กซ์อีกด้วย เขามองว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะทำให้เขารู้จักพื้นที่ รู้จักชุมชน และรู้จักลูกศิษย์ทุกคนในรั้วโรงเรียน เพราะผู้ปกครองบางคนเป็นทั้งพี่ เป็นทั้งเพื่อนของตน จนแม่แอบแซวว่า “เหมือนแม่ยังต้องส่งลูกไปเรียนหนังสือทุกวันเลย เหมือนลูกไม่ได้ไปทำงานแต่เหมือนลูกไปเป็นนักเรียน” ครูเอ็กซ์เล่าไปหัวเราะไป

ครูเอ็กซ์ มีแม่เป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิต เพราะตั้งแต่เด็กอยู่กับแม่สองคน เป็นครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว ทำให้ตนค่อนข้างสนิทกับแม่มาก ที่ตนเองเลือกมาเป็นครูเพราะเป็นความฝันของแม่ ที่อยากเป็นครู แต่เพราะตอนนั้นแม่ลำบาก โอกาสจะเรียนสูงมีน้อย แม่ใช้วิธีการสอนเหมือนกับครูสอนศิษย์ทำให้ซึมซับความฝันของแม่ ครูเอ็กซ์จึงขออาสาสานฝันแม่ต่อ “ ตอนเด็กแม่ชอบสอนเราเหมือนครูสอนลูกศิษย์ จนเราค่อยๆ ซึมซับความเป็นครูจากแม่มาตั้งแต่เล็ก ๆ ตอนเรียนเวลาว่างผมจะชอบไปยืนหน้ากระดานดำ แล้วสอนเพื่อนในห้อง พอโตขึ้นมาก็ซึมซับความเป็นครูมาเรื่อย ๆ ผมรู้สึกว่าเส้นทางการเป็นครูของผมจนถึงวันนี้ เพราะผมมีเป้าหมายที่ชัดเจนตั้งแต่เด็กแล้ว ผมจะบอกทุกคนรอบตัวเสมอว่าถ้ารู้ว่าตัวเองถนัดอะไรหรือเก่งอะไร เราจะเดินตามฝันได้ไม่ยากเลย” ครูเอ็กซ์พาย้อนวันวาน

แม่คือผู้จุดประกายความฝันเมื่อครั้งยังเด็ก สงขลาฟอรั่มคือผู้ที่ปลุกไฟให้ครูเอ็กซ์มั่นใจแนวทางของตัวเองมากยิ่งขึ้น ครูเอ็กซ์เข้าร่วมโครงการภายใต้ชื่อ “ครูเดลิเวอรี่” โดยการรวมตัวกันของนักศึกษาคณะครุศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 ทำงานอาสาในพื้นที่ซึ่งมีปัญหาซับซ้อนอย่าง โรงเรียนบ้านพังเภา ตำบลจะทิ้งพระ อำเภอสทิงพระ จังหวะสงขลา “โครงการนี้ช่วยให้ผมรู้จักตัวเองมากยิ่งขึ้น ผมชอบวิธีการของสงขลาฟอรั่ม และมูลนิธิสยามกัมมาจล ที่ไม่แค่ปลุกไฟในตัวเราเท่านั้นแต่ยังให้เรารู้จักคุณค่าของตัวเราเองด้วย”

ครูเอ็กซ์เป็นรุ่นที่ 2 ของกลุ่มเยาวชนที่เรียกตัวเองว่า “ครูเดลิเวอรี่” ถูกทาบทามจากรุ่นพี่ให้เข้าร่วมโครงการสงขลาส่องแสง “ตอนนั้นมีรุ่นพี่เขามาบอกว่า เขามีโครงการดีๆ ใครอยากร่วมไหม ตอนนั้นก็กลับมาปรึกษากันในชั้นปีว่าเราลองมาเป็นครูกันไหม เราอยากจะลงไปสัมผัสโรงเรียนที่มีปัญหาไหม เราเริ่มรับฟังและมาตกลงกันในชั้นปีว่าถ้าเราจะทำจริงๆ เราก็อยากเป็นครูอยู่แล้ว ยิ่งรุ่นพี่เปิดโอกาสแบบนี้ด้วย ก็เลยตกลงกันทั้งชั้นปีเลย” ครูเอ็กซ์เล่าจุดเริ่มต้นของการก้าวมาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการให้ฟัง

ตลอดระยะเวลาที่ได้เข้าร่วมโครงการครูเอ็กซ์ได้เรียนรู้กระบวนการทำงานผ่านการให้โอกาสได้เข้าอบรมตามพื้นที่ต่าง ๆ วิธีการคิด และแนวทางการส่งต่อขยายผล ทำให้ตัวเองเริ่มจัดกระบวนการทางความคิดของตัวเองมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นคนที่ชอบทำกิจกรรมเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว ยิ่งมีโอกาสได้เข้าร่วมโครงการยิ่งทำให้ตัวเองค้นพบแนวทางในการจัดกิจกรรมมากขึ้น แต่พบว่าโครงการครูเดลิเวอรี่แตกต่างจากกิจกรรมก่อนๆ ที่เคยทำมา ครูเอ็กซ์บอกว่า “การทำครูเดลิเวอรี่แตกต่างจากกิจกรรมเดิม ๆ ที่เคยทำมาในรั้วมหาวิทยาลัย ครูเดลิเวอรี่เป็นกิจกรรมที่เราต้องทำยาวนานเป็นเทอม ไม่ใช่แค่ไปทำค่ายสองวัน ถ่ายรูป แจกของขวัญแล้วจบ แต่นี่คือเราต้องไปให้ความรู้กับเขา ทำอย่างไรให้ตอบโจทย์ตัวชี้วัดโรงเรียนให้ได้ ต้องเข้ากับชุมชนให้ได้ เข้ากับนักเรียนให้ได้ สอนให้เขาบรรลุตามตัวชี้วัดในระบบ ไม่เหมือนกับกิจกรรมก่อนหน้านี้ที่เราจัดวันสองวันแล้วจบไป” ครูเอ็กซ์ใช้เวลาในการทำกิจกรรมหนึ่งปีการศึกษา เป็นหนึ่งปีการศึกษาที่คุ้มค่าที่สุด ครูเอ็กซ์บอกว่าสิ่งที่ยากที่สุดไม่ใช่การสอนหนังสือให้กับเด็กนักเรียน แต่คือการทำความเข้าใจกับคนในชุมชน ทำอย่างไรให้เขาเชื่อในสิ่งที่เราทำ

เมื่อก้าวเข้ามาทำอาชีพครู ในวัย 20 ต้น ๆ นับเป็นช่วงอายุที่ไม่ต่างจากเด็กนักเรียนมากทำให้ครูเอ็กซ์เข้าใจความคิดของนักเรียน หลายครั้งที่นักเรียนมีปัญหา ไม่มาโรงเรียน มาสาย ไม่ยอมทำการบ้าน ครูเอ็กซ์เลือกที่จะถามหาเหตุผลจากนักเรียน มากกว่าการคาดคั้นเพื่อให้ได้คำตอบ ครูเอ็กซ์บอกว่า “การเปิดพื้นที่ให้นักเรียนกล้าตั้งคำถามกับครูเป็นสิ่งสำคัญในห้องเรียน เรารู้สึกว่าเด็กควรกล้าพูดกับเรามากที่สุด เพราะเวลาในห้องเรียนเราคือเพื่อนของนักเรียนคนหนึ่ง เธอมาเรียนในชั่วโมงฉัน comfort เธอตอนนี้คือ comfort ฉัน เพราะฉะนั้นเธอต้องกล้าที่จะเล่าทุกอย่างให้ฉันฟังแม้กระทั่งเรื่องส่วนตัว และฉันเองก็พร้อมที่จะรับฟังเธอในทุกเรื่องด้วยเหมือนกัน” จากสิ่งที่ครูเอ็กซ์สะท้อน ทำให้มีเด็กนักเรียนหลายคนกล้าที่จะเข้ามาปรึกษาครู ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องเรียน

ไม่ใช่แค่บทบาทครูที่พร้อมมอบความรู้ให้กับนักเรียน แต่การเป็นโค้ชก็เต็มที่ด้วยเช่นกัน แม้จะห่างหายจากการเป็นเยาวชนในโครงการสงขลาฟอรั่มมานานแล้ว แต่ครูเอ็กซ์ยังคงติดตามข่าวสารอยู่เสมอ จนมีโอกาสได้เห็นความเคลื่อนไหวการทำกิจกรรมของเยาวชน ทำให้นึกย้อนกลับไปตอนที่ตัวเองเข้าร่วมกิจกรรม จึงตัดสินใจชักชวนนักเรียนในโรงเรียนเขียนโครงการเข้าร่วมโครงการอีกครั้ง

“การเป็นโค้ชต่างจากการเป็นครูมาก ครูเราทำตามหลักสูตร เป้าหมายของเราคือเพื่อให้เด็กสอบผ่านระบบทำมาแบบนี้ เราก็ต้องทำตามที่ระบบกำหนด แต่การเป็นโค้ชคือการสร้างแรงบันดาลใจ สร้างพลเมืองกลุ่มหนึ่งขึ้นมา ให้เขารู้จักสิทธิหน้าที่ของตัวเองโดยที่เราไม่ต้องให้เขาสอบ ตัวเราเองไม่ต้องกังวลว่าเขาจะผ่านหรือไม่ผ่านหลักสูตร ไม่ต้องวัดจากคะแนนที่เขาต้องสอบ แต่เราวัดจากสิ่งที่เขาได้ในการทำกิจกรรม ผมมองว่านี่คือความสุขของการทำงานในฐานะของโค้ช” ครูเอ็กซ์สะท้อนความแตกต่างของการเป็นครูและโค้ชในมุมมองของตัวเองให้ฟัง

แม้จะแตกต่างกันที่ผลลัพธ์ แต่สิ่งที่ครูเอ็กซ์ยังคงยึดมั่นนั่นคือการให้ความรู้แก่นักเรียน ในฐานะครูคือถ่ายทอดความรู้ในห้องเรียน เพื่อให้นักเรียนของตัวเองสามารถเรียนต่อในอนาคต ส่วนโค้ชคือการส่งมอบความรู้ ทักษะการใช้ชีวิตนอกห้องเรียน เพื่อให้เขาได้เติบโตเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพในสังคม ความสุขของครูเอ็กซ์คือการได้เห็นเด็ก ๆ ในโครงการประสบความสำเร็จในชีวิตของตัวเอง หลายคนสอบเข้ามหาวิทยาลัย และเข้าไปเป็นเด็กกิจกรรมมองว่าสิ่งเหล่านี้ต่างคนต่างได้ และต่างคนต่างมีความสุข กับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เขาเปรียบเทียบโครงการฯ เสมือนเป็นโรงเรียนเวทมนต์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงเยาวชนคนหนึ่งได้ ครูเอ็กซ์ยกตัวอย่างให้ฟังว่าเด็กที่เข้าร่วมโครงการจากเดิมแค่หาไม้กวาด ยังต้องคอยถามครูทุกอย่าง จนบางครั้งครูเอ็กซ์แอบแซวเด็กว่าลองดูในกระเป๋าครูมีหรือเปล่า แต่พอเด็กเข้าร่วมโครงการเขาเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวเด็ก นักเรียนเห็นคุณค่าของตัวเอง นำมาสู่การเชื่อมั่น เกิดคำถามกับเราน้อยลง แต่เลือกที่จะหาคำตอบด้วยตัวเอง ศึกษาค้นคว้าข้อมูลเพื่อหาคำตอบก่อนที่จะนำคำถามมาถามเรา สิ่งเหล่านี้คือความสุขที่ครูเอ็กซ์ได้เห็นนักเรียนของพัฒนา

ความฝันที่ยิ่งใหญ่ในอาชีพครูสำหรับครูเอ็กซ์คือการได้เปิดโรงเรียนเล็กๆ กลางทุ่งนา ไม่มีพื้นที่จำกัด เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองที่สนใจส่งลูกหลานเข้ามาเรียนรู้และพัฒนาทักษะ การให้ความรู้ที่ไม่ใช่แค่เพียงตัวหนังสือ แต่คือทักษะการใช้ชีวิตการอยู่ร่วมกันในสังคม ไม่มีหลักสูตร ไมมีข้อจำกัด เป็นพื้นที่ที่ทุกคนมาเรียนรู้และเป็นเจ้าของหลักสูตรร่วมกัน วันนี้หลักสูตรเจน พรุ่งนี้หลักสูตรนุ่น มะรืนเป็นหลักสูตรของใครก็มาเรียนรู้ร่วมกัน ห้องเรียนที่พร้อมเสิร์ฟความรู้ และส่งมอบความสุข พร้อมๆ กัน ให้สมกับที่เป็น Delivery teacher ครูที่พร้อมส่งมอบความสุขให้กับนักเรียน