ผมรู้ว่าถ้าผมอยู่กับการเกษตรแล้วผมมีความสุข

­

เก้า – ธีรพงษ์ สุขสวรรค์ เกษตรกรรุ่นใหม่จาก อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร

­

­

บัณฑิตหนุ่มวัยเบญจเพสจากสาขาวิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ที่เกิดและเติบโตมาในครอบครัวที่มีพ่อและแม่เป็นชาวนา แต่ทั้งคู่คาดหวังให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทำงาน “นั่งโต๊ะ” มากกว่าจะมาอาบเหงื่อต่างน้ำ

­

­

เก้าเล่าว่าเขาเคยใช้ชีวิตตามแบบแผน เป็นเด็กขี้กลัวและเชื่อฟังผู้ใหญ่มาก คิดว่าเมื่อเรียนจบก็จะหางานทำในสาขาที่เรียนมาเหมือนกับคนส่วนใหญ่ คิดซื่อๆ ว่าด้วยวิธีการนี้จะทำให้ตนเองมีหน้าที่การงานและความร่ำรวยเป็นผลตอบแทน แต่เมื่อนั่งคิดสาระตะแล้วกลับพบว่าความใฝ่ฝันของคนทำงานเป็นลูกจ้างช่างเป็นความเพ้อฝันเกินจริง ทว่าการทลายกำแพงความคุ้นชินเดิมก็ไม่ใช่เรื่องง่ายหากไม่มี “จุดเปลี่ยน”
จุดเปลี่ยนของเก้าเกิดขึ้นขณะที่เขาอยู่บ้านตามลำพัง ค่ำวันนั้นเก้าเกือบถูกงูพิษกัด โชคดีที่แมวของเก้าส่งเสริมขู่ขึ้นมาให้เขาได้สังเกตและหลบทัน “ผมเลยได้คิดว่าชีวิตคนเรามันสั้นเท่านี้เองนะ ถ้าแมวผมไม่ช่วยไว้ ผมอาจตายไปแล้วก็ได้ เลยได้คิดต่อไปว่าถ้าเราอยากจะทำอะไรก็ให้ทำซะเลยก่อนที่จะไม่มีโอกาสทำ สิ่งที่คิดได้ในเวลานั้นคือการเกษตรซึ่งวนเวียนอยู่ในหัวผมมาตั้งแต่เด็กเพราะเราอยู่กับเขามาตลอด ผมรู้ว่าถ้าผมอยู่กับสิ่งนี้แล้วผมจะมีความสุข”

­

­

ปัจจุบัน เก้าได้พิสูจน์ตัวเองจนพ่อแม่ยอมรับและไว้วางใจให้ดูแลแปลงปลูกข้าวของครอบครัวอย่างครบวงจรรวมพื้นที่ราว 100 ไร่ และปรับเปลี่ยนวิถีการปลูกจากใช้สารเคมีมาเป็นการปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์ ส่วนหนึ่งเพื่อปกป้องสุขภาพของคนในครอบครัว ขณะที่การปลูกพืชวิถีนี้ยังช่วยลดต้นทุน และผลผลิตที่ได้เป็นที่ต้องการของตลาด เก้าบอกด้วยว่าเขากำลังมีแผนสร้างเตาอบข้าวเปลือกขนาด 30 ตันไว้รองรับผลผลิตในฤดูเก็บเกี่ยว โดยนำความรู้ที่เรียนมาในสาขาวิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์มาปรับใช้

­