แนวคิดหลักของเรื่อง Sura มาจากการนำปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเรื่อง “เมาแล้วขับ” มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ด้วยการนำเสนอผ่านตัวละครผู้ชายที่ไปดื่มสุรามาจนเมาแล้วขับรถกลับบ้านอย่างสนุกสนาน จนมาเจอกับด่านตรวจ เขาจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตนรอดจากการถูกจับในข้อหาเมาแล้วขับให้ได้ ซึ่งในเรื่องจะนำเสนอให้เห็นว่าไม่ว่าคุณจะพยายามกลบเกลื่อนความผิดสักเท่าไหร่ สุดท้ายคุณก็หนีความจริงไม่พ้นโดยใช้เทคนิค 3D animate Short animationความยาว 4.55 นาที

นายนันทิพัฒน์ แพรงาม “ตาล” คณะดิจิตอลมีเดีย มหาวิทยาลัยศรีปทุม เล่าถึงการเข้าสู่วงการแอนิเมชั่นให้ฟังว่า ตอนแรกเรียนสายวิทย์ และชอบอ่านหนังสือแนววิทยาศาสตร์กับแนวลึกลับ แต่เมื่อต้องเรียนต่อกลับเลือกเรียนสายศิลป์แทน ซึ่งทางบ้านก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่เขาไม่เข้าใจเท่านั้นว่าเราเรียนอะไร เพราะเขาอยากให้เราเรียนในสาขาที่จบแล้วมีงานการทำมั่นคง แต่เราก็ยืนยันว่า “นี่คือสิ่งที่เราชอบ เราอยากเรียน อย่าห้าม” แต่จริงๆ แล้วเราก็ส่งผลงานเข้าปวดมาตั้งแต่มัธยมแล้ว ซึ่งที่บ้านก็รู้ เขาไม่เลยไม่ห้าม คงเห็นว่าเราน่าจะทำได้

­

และเมื่อได้เรียนจริงๆ ก็รู้ว่าวิทยาศาสตร์ที่ร่ำเรียนมาได้สูญเปล่า แต่กลับ “เอื้อ” ให้เราทำงานแอนิเมชั่นได้ดียิ่งขึ้น เพราะ “วิทยาศาสตร์” เป็นเหมือนความรู้พื้นฐานที่เชื่อมต่อกับการสร้างสรรค์แอนิเมชั่นได้เป็นอย่างดี

“ผมไม่มีไอดอลในสายงานนี้ แต่ผมประทับในหลวงที่ท่านทรงทำเพื่อคนอื่น”

“ตาล” บอกว่า ด้วยความที่เป็นคนชอบวางแผนและเจ้าระเบียบ จึงคิดว่าท้ายที่สุดจะกลับมาเป็นครู แต่ตอนนี้ยังต้องสั่งสมประสบการณ์เรื่องงานโปรดักชั่นที่เราถนัดก่อน เพราะยังมีสิ่งที่เราไม่รู้อีกมาก โดยเฉพาะความรู้เกี่ยวกับคน ทำให้เราชอบสังเกตว่าแต่ละคนเขา “คิด” อย่างไร 

สำหรับการเข้าค่าย Animator-Ar-Sa นั้นเป็นเรื่องที่ไม่เคยคิดมาก่อน เหมือนกับเราคิดว่าสิ่งที่เราทำมันก็ดีอยู่แล้ว แต่เมื่อได้มาเข้าค่ายแล้วกลับพบว่าเราได้มากกว่าสิ่งที่เรามีอยู่ เพราะนอกจากจะได้เรียนรู้ขั้นตอนกระบวนการทำงานแอนิเมชั่นจากพี่ ๆบริษัทแอนิเมชั่นชั้นนำของประเทศ ทำให้เข้าใจการทำงานของคนแวดวงแอนิเมชั่นมากขึ้น และที่สำคัญคือได้รู้จักเพื่อนกลุ่มใหม่ ๆ

“ตอนแรกที่เห็นชื่อค่าย รู้สึกว่าเท่มาก พอได้เข้าค่าย ได้รู้วัตถุประสงค์ของค่ายนี้ก็ยิ่งรู้สึกภูมิใจว่างานของเราสามารถให้ข้อคิดกับคนดูได้ รู้สึกภูมิใจที่ได้มาเข้าค่ายในครั้งนี้”

สำหรับน้องๆ ที่จะส่งผลงานเข้าประกวด ก็อย่ากลัว อย่าท้อ เพราะถ้าเรามัวแต่กลัว มัวแต่ท้อ เราก็ไม่ได้ก้าวไปไหนสักที แต่ถ้าเรากล้าที่จะเดินออกไป เราก็จะพบเจอสิ่งใหม่ๆ ซึ่งจะทำให้ตัวเราพัฒนาไปเรื่อย ๆ