บทเรียนความสำเร็จ …. ในการใช้เศรษฐกิจพอเพียงเพื่อจัดการเรียนรู้

ตั้งแต่ข้าพเจ้าโตมา ข้าพเจ้าได้เห็นพ่อแม่ทำงานอย่างหนักทุกอย่างโดยไม่หยุดและไม่ค่อยได้พักผ่อน พ่อแม่ของข้าพเจ้าได้ทำร้านอาหารในศูนย์ท่ารถ ในขณะเดียวกันก็ขายถ่านหน้าบ้านและวิ่งส่งตามอำเภอใกล้ๆ ต่อมาก็เปลี่ยนอาชีพมาขายหมูทั้งที่บ้านและใส่รถเร่ขายตามบ้าน นอกจากนี้ก็ขายแก๊สหุงต้ม น้ำดื่มและไข่เป็ดไข่ไก่ เนื่องจากแม่ของข้าพเจ้ามีโรคประจำตัว พ่อของข้าพเจ้าจึงได้เปลี่ยนอาชีพมาเปิดร้านล้างรถ เพื่อที่จะให้แม่ของข้าพเจ้าได้พักผ่อนแต่แม่ของข้าพเจ้า นอกจากจะล้างรถท่านก็เอาพวกฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านมาขายด้วย

­

ต่อมาท่านป่วยจนกระทั่งผ่าศีรษะเดินไม่ได้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แม่ของข้าพเจ้าจึงได้หยุดทำงาน พ่อของข้าพเจ้าก็ได้ดูแลแม่ของข้าพเจ้าเป็นอย่างดีจนพ่อของข้าพเจ้าได้เสียชีวิต แม่ของข้าพเจ้าจึงได้พยายามฝึกเดินและช่วยเหลือตัวเองพอได้บ้าง แต่บางครั้งท่านก็ไม่ค่อยมีแรงตามขาตามมือ แม่ของข้าพเจ้าก็ได้ยกกิจการล้างรถให้น้องชายของข้าพเจ้าทำแทน

­

พื้นฐานกายภาพที่เป็นมาแต่เดิม

ครอบครัวของข้าพเจ้าเป็นครอบครัวที่ค้าขาย ท่านได้ปลูกฝังให้ข้าพเจ้าได้ค้าขายตั้งแต่เด็ก ข้าพเจ้าจำได้ว่า ท่านได้ฝึกให้ข้าพเจ้าและน้องชายของข้าพเจ้าได้ทำงานตั้งแต่ข้าพเจ้าอยู่ประถม ตอนที่ข้าพเจ้าอยู่ประถมศึกษาปีที่ 3 – 4 ข้าพเจ้าอยากขายขนม ข้าพเจ้าก็ได้นำของมาขายในโรงเรียนโดยที่แม่ของข้าพเจ้าออกทุนให้ก่อนแล้วเอาทุนไปคืนท่านข้าพเจ้าดีใจมากที่ข้าพเจ้าขายได้เงินเป็นของตัวเอง ข้าพเจ้าก็ได้เก็บสะสมใส่กระปุกออมสินรวมทั้งค่าขนมของข้าพเจ้าที่พ่อแม่ของข้าเจ้าให้ด้วย พอเต็มก็ไปฝากธนาคาร นอกจากนี้แล้ววันเสาร์ – วันอาทิตย์ ข้าพเจ้าก็ไปสอยมะขามเทศหลังบ้านมาร้อยขายไปขายในตลาด

­

ต่อมาข้าพเจ้าอยู่ประถมปีที่ 5 พ่อแม่ของข้าพเจ้าก็ได้เปลี่ยนอาชีพมาขายหมู พ่อแม่ของข้าพเจ้าได้ฝึกข้าพเจ้า น้องชายข้าพเจ้า และหลายชายให้ทำงานโดยมีค่าแรงกระตุ้นเป็นค่าตอบแทนและค่าขนมตั้งหาก

­

ข้าพเจ้ามีหน้าที่สับกระดูกหมูและส่งของตามร้านลูกค้าโดยที่ข้าพเจ้าตื่นมาตั้งแต่ เวลา 04.00 นาฬิกา ต่อมาข้าพเจ้าได้อยู่มัธยมต้นข้าพเจ้าได้เลื่อนตำแน่งมาหั่นหมู สอยหมูให้ลูกค้าและต้องไปส่งของให้ลูกค้าเหมือนเดิม แต่ในใจของข้าพเจ้าก็มีคำถาม ถามตัวเองว่า “ ทำไมลูกคนอื่นไม่ต้องตื่นแต่เช้าเหมือนเรา เพื่อนข้างบ้านก็ตื่นสาย แต่เราต้องตื่นแต่เช้าทำงานไปโรงเรียนก็สาย “ ต่อมาข้าพเจ้าได้ขึ้นเรียนมัธยมตอนปลาย แต่ข้าพเจ้าไม่อยากเรียนสายมัธยมอยากเรียนสายอาชีวะ พ่อข้าพเจ้าก็บอกข้าพเจ้าว่าอยากให้เรียนที่นี้จะได้คอยดูแลแม่ของข้าพเจ้าเพราะท่านไม่ค่อยสบายมีโรคประจำตัวและอยากให้ข้าพเจ้าได้เรียนทางนี้เพื่อที่จะได้รับราชการสักคนหนึ่งท่านก็หวังเพราะน้องชายหัวไม่ค่อยดี ข้าพเจ้าจึงได้เรียนมัธยมปลายที่หนองบัวและได้เป็นหัวเลี้ยวหัวแรงของพ่อแม่ให้ค้าขายโดยท่านไม่ต้องห่วงเวลาท่านไม่ค่อยสบาย แต่พอหน้าเทศกาลข้าพเจ้าจะเหนื่อยมากเพราะข้าพเจ้าต้องตื่นแต่ เที่ยงคืน มาทำหมู สอยหมู ชั่งหมูให้ลูกค้าไว้เพราะทำมากเนื่องจากตอนนั้นคนในบ้านเวลามีเทศกาลก็จะมาซื้อของเป็นหาบๆไปให้คู่ดองของตนเองเป็นการแลกเปลี่ยนกัน

­

"คู่ดอง หมายถึง เด็กหนุ่มสาวที่พ่อแม่จับหมั่นกันตั้งแต่อยู่ในท้อง แต่ถ้าเป็นเพศเดียวกันก็ล้มเลิก" แม่ของข้าพเจ้าท่านก็ไม่ค่อยดีเวลาตื่นดึกๆ ข้าพเจ้าต้องช่วยดูแลท่านด้วย พอถึงตลาดนัดวันพฤหัสบดี ข้าพเจ้าต้องไปขายของที่ตลาดนัด แม่ของข้าพเจ้าขายอยู่ในศูนย์ท่ารถ พ่อของข้าพเจ้าต้องไปเร่ขายตามบ้านนอกอำเภอ ข้าพเจ้าต้องไปโรงเรียนสายเพราะต้องรอให้แม่มาเปลี่ยนข้าพเจ้าจึงไปโรงเรียนได้ แต่พ่อแม่ของข้าพเจ้าก็กลัวข้าพเจ้ากับน้องจะเรียนไม่ทันเพื่อนๆ ก็ให้ข้าพเจ้ากับน้องเรียนพิเศษตอนเย็นเวลากลับจากโรงเรียนแม่ของข้าพเจ้าจะทำกับข้าวไว้รอข้าพเจ้ากับน้องมากินแล้วอาบน้ำไปเรียนพิเศษพอเรียนเสร็จก็ออกไปเก็บเงินค่าของให้แม่ตามร้านค้าที่ไปส่ง

­

ต่อมาข้าพเจ้าได้ไปเรียนสถาบันราชภัฎนครสวรรค์ พ่อแม่ของข้าพเจ้าได้เปลี่ยนอาชีพมาล้างรถและขายพวกเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านจนกระทั่งข้าพเจ้าจบปริญญาตรีพอจบข้าพเจ้าก็สอบเป็นครูอัตราจ้างที่โรงเรียนบ้านกระดานหน้าแกล ข้าพเจ้าสอนมาประมาณ 3 ปี ข้าพเจ้าก็ได้ย้ายมาอยู่โรงเรียนบ้านหนองไผ่จนถึงปัจจุบัน

­

ในระหว่างที่ข้าพเจ้าอยู่โรงเรียนบ้านหนองไผ่ผู้บังคับบัญชาของข้าพเจ้าได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในโรงเรียนเพื่อที่จะได้จัดการศึกษาให้ดีขึ้นตามสภาพแวดล้อม ตามฐานการเรียนรู้

­

ข้าพเจ้าได้ทบทวนถึงเรื่องปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่ได้เรียนรู้มาและจากการที่ข้าพเจ้าได้ทำงานกับพ่อแม่ของข้าพเจ้าที่ได้ปลูกฝังอบรมสามารถสรุปได้ดังนี้

­

ห่วงที่หนึ่งได้แก่ ความพอประมาณ ข้าพเจ้าได้รู้ว่าการที่เราจะทำอะไรควรทำแต่พอประมาณไม่ควรฝืน เช่น เดียวกับที่แม่ของข้าพเจ้าที่ท่านไม่ค่อยสบายท่านก็ทนทำจนตัวเองต้องเจ็บป่วยมาก

­

ห่วงที่สองได้แก่ความมีเหตุผล ข้าพเจ้าได้รู้ว่าจากการที่พ่อแม่ของข้าพเจ้าให้ทำงาน ท่านจะฝึกให้เราเห็นค่าของเงินที่ได้มาแต่ละบาทแต่ละสตางค์ต้องแลกกับการทำงาน

­

ห่วงที่สามได้แก่การมีภูมิคุ้มกัน ข้าพเจ้ารู้จักเก็บออมในการฝากธนาคารเมื่อยามจำเป็นจะได้ออกมาใช้

­

สำหรับเงื่อนไขที่หนึ่งได้แก่ความรู้ ข้าพเจ้าได้เรียนรู้จากการที่ข้าพเจ้าได้เห็นและสัมผัสกับพ่อแม่ของข้าพเจ้าได้ค้าขาย การที่ว่าเราควรจะวางแผนการค้าขายอย่างไร จะขยายการค้าอย่าง ทำงานอย่างไร ตามลำดับขั้นตอน และเงื่อนไขที่สองได้แก่คุณธรรม ข้าพเจ้ารู้จักการกตัญญูกตเวทีว่าเมื่อพ่อแม่เราป่วยเราควรที่จะดูแลช่วยเหลือท่าน ความอดทน ความเพียรในการทำงาน

­

ข้าพเจ้าจะน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการทำงานในอาชีพสอนของข้าพเจ้าต่อไป