ค่ายต้นกล้าศิลปะ


ความรู้สึกที่มีต่อป่าต้นน้ำป่าต้นน้ำ “ความรักของต้นไม้”

ลมหายใจของฉัน คือความรักของต้นไม้
ลมหายใจของต้นไม้ นั่นคือความรักของฉัน
ฉันกับต้นไม้ มีลมหายใจเดียวกัน
ฉันกับต้นไม้ คือสิ่งเดียวกัน
ฉันกับต้นไม้ ผูกพันกันมานาน

สิ่งนี้คือความรักและความผูกพันที่ฉันพยายามจะอธิบายให้ทุกคนได้รับรู้ว่า ทุกวันนี้โลกกำลังจบปวดและทุกทรมานกับการกระทำของเราในตอนนี้แล้วต่อไปในอนาคตข้างหน้าพวกเราทุกคนจะอยู่กันยังไง ถ้าไม่มีหยดน้ำและผืนป่าพวกเราจะอยู่ได้ไหมถ้าไม่มีใครมอบความรักอันยิ่งใหญ่มหาศาลนี้ให้เรา ถ้ายังมีพวกเราอยู่หยดน้ำและผืนป่าก็ต้องอยู่ อยู่คู่กับเรา แต่กลับกันเราได้รับความรักนั้นอย่างมหาศาล แต่เรากับทำลายผืนป่าอย่างย่อยยับ โดยไม่เห็นคุณค่านั้นเลยถ้าถามว่าเราจะสามารถแก้ปัญหานั้นได้หรือไม่ ปัญหามีมาแล้วก็ต้องมีทางแก้ไข แต่การแก้ไขนั้นต้องใช้วันและเวลานานในการแก้ไข แต่ปัญหาทุกปัญหาจะสามารถแก้ไขได้สำเร็จนั้นก็ต่อเมื่อทุกคนให้ความร่วมมือกัน รวมพลังกัน จึงจะเอาชนะปัญหานั้นได้

ความรักและความอบอุ่นอันมหาศาลของผืนป่าและแหล่งน้ำนั้น จะอยู่คู่กับเราได้นานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับจิตใต้สำนึกของคุณ และอยู่ในมือของคุณในตอนนี้


ความรู้สึกหลังค่ายต้นกล้าศิลปะ

ห้องเรียนต้นกล้าศิลปะ

ห้องเรียนที่แสนสวยงามกับบรรยากาศลมหนาวที่แสนจะบรรยายฉันคิดว่าฉันชอบห้องเรียนแบบนี้ห้องเรียนที่อยู่กับธรรมชาติ เป็นห้องเรียนแบบเปิดกว้าง ให้สามารถมองเห็นอะไรหลายๆอย่าง และมองเห็นมุมมองอีกหลายๆด้าน ได้มองเห็นในความสวยงามของธรรมชาติ เมื่อแสงแดดของพระอาทิตย์มากระทบกับใบไม้อ่อนๆ และกระทบกับต้นไม้ มันเป็นสิ่งที่แสนมหัศจรรย์ จะบรรยายออกมาให้เป็นความรู้สึก ให้มาเป็นบทความบทหนึ่ง มันมีอะไรหลายอย่างที่มากกว่าคำว่าอธิบาย หรือบรรยาย คือเหนือที่จะบรรยาย ห้องเรียนแห่งนี้คือห้องเรียนห้องแรกที่ฉันคิดว่าเป็นห้องเรียนที่แสนสวย แสนงดงามและแสนอบอุ่น ห้องเรียนนี้จึงต่างจากห้องเรียนสี่เหลี่ยมที่พยายามปิดกั้นให้ฉันมองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากโต๊ะ เก้าอี้ หนังสือ ปากกา ดินสอ ยางลบ กระดาน หน้าต่างและผนังปูนห้องเรียนแบบนี้ฉันเรียนมาตั้งแต่เล็กๆจนกระทั่งฉันโตมาจนถึงปัจจุบันนี้ ฉันก็ยังเรียนแบบนี้จึงทำให้ฉันรู้สึกเบื่อ และ คิดว่าการศึกษามันทำให้ชีวิตของฉันทรมานมาก และ สิ่งมีชีวิตอีกหลายๆอย่างที่อยู่รอบๆข้างของฉันสิ่งนี้จึงทำให้ฉันไม่เห็นคุณค่าของคำว่าป่าต้นน้ำเพราะฉันถูกบังคับให้เป็นแบบนี้ทั้งๆที่ฉันก็เป็นคนชนบทคือคนชาวเขาเผ่าม้งคนหนึ่งที่อยู่กับธรรมชาติมาตลอดทั้งชีวิตของฉันแต่ฉันมองไม่เห็นคุณค่าของธรรมชาติเลย และ ฉันก็ไม่รู้เลยว่าธรรมชาติมีคุณค่ามหัศจรรย์เพียงใดในชีวิตของฉันสิ่งที่ทำให้รู้ว่าธรรมชาติมีคุณค่ามหาศาลเพียงใด และธรรมชาติมีความสวยงามมากเพียงใดคือคำพูดที่ครุเป้กล่าวว่า ในจังหวัดน่านนี้ยากที่จะหาวิวสวยๆในการวาดรูปและทุกวันนี้แทบจะไม่เห็นและอนุรักษ์ไว้เลยคำพูดนี้จึงทำให้ฉันได้รู้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสิบกว่าปีฉันไม่เห็นคุณค่าของธรรมชาติเลยและฉันไม่เคยมองเห็นธรรมชาติอย่างจริงจังเลยทั้งที่ธรรมชาติแอบแฝงไปด้วยความสวยสดงดงามและความอุดมสมบรูณ์ แต่ฉันกลับไม่เคยกลับมาหันมองธรรมชาติเลย
ห้องเรียนแห่งนี้และครูเป้คนนี้จึงทำให้ฉันรักบ้านเกิดเมืองนอนของฉันและอยากกลับด้วยความรักกับป่าต้นน้ำกลับไปมอบความรักกับต้นไม้กลับไปดูต้นกล้าและหยดน้ำในดินบ้านเกิดของฉัน รักหยดน้ำและผืนป่าเหนือคำบรรยาย

“ ความรักของต้นไม้ "

ลมหายใจของฉัน คือความรักของต้นไม้
ลมหายใจของต้นไม้ นั่นคือความรักของฉัน
ฉันกับต้นไม้ มีลมหายใจเดียวกัน
ฉันกับต้นไม้ คือสิ่งเดียวกัน
ฉันกับต้นไม้ ผูกพันรักกันมานาน