ค่ายต้นกล้าศิลปะ



ความรู้สึกที่มีต่อป่าต้นน้ำ

“ป่ามีชีวิต” คำคำนี้ได้ยินมาแต่ไหนแต่ไรมาแต่ก่อนดิฉันไม่เคยคิดเลยว่าป่าจะสำคัญอย่างไร มีแต่ให้โทษเช่น ทำให้ดูรกมีสัตว์ดุร้าย เช่น งูอาศัยอยู่มากมายจึงคิดว่าป่าแห่งนี้ ป่าบนผืนแผ่นแทบจะไม่มีค่าใดๆเลย แต่พอได้มาเข้าค่ายๆหนึ่งซึ่งเป็นค่ายจากกรมป่าไม้มาบรรยายและให้ความรู้เกี่ยวกับป่าจึงเปลี่ยนแนวคิดตัวเองให้กลับมาเป็นคนรักป่ามากขึ้น จนปัจจุบันนี้ดิฉัน รู้สึกป่านั้นมีค่ามากกว่าเงินทอง ที่มีอยู่มากมายโดย เฉพะป่าไม้เมืองน่าน เมืองที่เป็นบ้านเกิดของข้าพเจ้า ทุกครั้งที่มองป่าเมืองน่านบ้านเกิด ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกมีกำลังใจที่จะทำอะไรหลายๆอย่าง แล้วดิฉันก็รู้แล้วว่าป่ามีชีวิต ป่าให้ชีวิตจริงด้วย

ความรู้สึกหลังค่ายต้นกล้าศิลปะ
สายน้ำไม่เคยไหลกลับ.....วันเวลาเดินทางรุดหน้าเรื่อยๆในจังหวะหนึ่งของชีวิตที่ผู้คนหลงลืมในสิ่งใกล้ตัว อาจจะด้วยกระแสเศรษฐกิจสังคมที่ไหลทะลักเข้ามาอย่างรวดเร็วรุนแรงผู้คนก็ออกวิ่งตามกระแสธาร...พอชีวิตลงตัวเราหยุดแล้วหันมามองสิ่งรอบๆตัวเกือบจะสายไป...จริงๆ

จากบทความข้างตนแต่ก่อนแต่ไรข้าพเจ้าอ่านก็เป็นบทความธรรมดาแต่พอจบจากค่ายป่าต้นน้ำแล้วและยิ่งได้เป็น “ต้นกล้าศิลปะ” แล้วกลับมาอ่านบทความนี้อีกครั้งทำให้ข้าพเจ้าได้ฉุดคิดกับบทความนี้มากขึ้นและได้รู้ว่าตัวเองก็เป็นคนรักธรรมชาติเหมือนกับคนที่รักธรรมชาติ ฉันเองสำหรับความประทับใจในค่ายนี้มีมากมายเหลือเกินประทับใจทางด้านดนตรี,ด้านการพูดคุย บทความที่ครูเป้กล่าวและประทับใจผลงานตัวเองเป็นต้น ต้องขอบคุณค่ายนี้ขอบคุณพี่ๆทุกคนที่ให้ข้าพเจ้าได้เปลี่ยนความคิดของตัวเองได้ตระหนักและเล็งเห็นการเข้าใจถึงหลายๆอย่างในค่ายได้ความคิดดีๆกลับมา

คนเราก็เหมือนเทียนไขที่เริ่มจะหมดลงถ้าหากพวกเราจุดเทียนไขแล้วนำมารวมกันจะทำให้เทียนไขเปล่งแสงสวยงามก็เหมือนกับพวกเราชาวค่ายป่าต้นน้ำล่ะค่ะที่จะรวมพลังสร้างความคิดใหม่ๆเพื่อน่านบ้านเรา

“ต้นกล้ารักบ้านเกิด”