ถอดบทเรียนค่ายพัฒนาศักยภาพแกนนำเยาวชนสู่การเป็นพลเมืองรุ่นใหม่ ที่สามารถดึงศักยภาพของตนเองออกมารับใช้ชุมชนสังคมอย่างสร้างสรรค์ ครั้งที่ 2

ถอดบทเรียนค่ายพัฒนาศักยภาพแกนนำเยาวชนสู่การเป็นพลเมืองรุ่นใหม่

ที่สามารถดึงศักยภาพของตนเองออกมารับใช้ชุมชนสังคมอย่างสร้างสรรค์ ครั้งที่ 2

โครงการพัฒนาเยาวชนในชุมชนท้องถิ่น (4 ภาค) ระยะที่ 2 :

หลักสูตรนักถักทอชุมชน เพื่อพัฒนาเด็ก เยาวชนและครอบครัว

วันที่ 30 เมษายน - 11 พฤษภาคม 2561

ณ ศูนย์ปราชญ์พ่อคำเดื่อง ภาษี บ้านโนนเขา หมู่ 8 ตำบลหัวฝาย อำเภอแคนดง จังหวัดบุรีรัมย์


1.การเรียนรู้เรื่องการรู้จักตนเอง

จากเกมเดินตะปู ถ้าเราไม่มีความไว้วางใจซึ่งกันและกันก็จะไม่สามารถเดินตะปูได้ และจากเกมนี้ทำให้เรียนรู้ความรูสึกและนิสัย คือ การใจร้อน เวลาพูดหรือแสดงออกทางความคิดเห็นจะใจร้อน ต้องมีวิธีกำจัด คือ ฝืนใจตัวเองเอาไว้ นอกจากนั้นยังชอบอิสระ ไม่ชอบการบังคับ ไม่ชอบให้คนมาขวางเวลาอยู่กับเพ่อนหรือเวลามีความรัก ไม่อย่างนั้นจะโวยวาย ร้องไห้ และส่วนตัวเป็นคนชอบเล่นเฮฮา เหมือนคนบ้า หลงตัวเอง เข้าสังคมยาก แต่อ่อนไหวง่าย รักเพื่อน ไม่ถือตัว อีกด้านหนึ่งเป็นคนคิดมาก ขี้กลัว เหงาง่าย โกรธง่ายหายเร็ว ร้องไห้พักเดียว ให้อภัยง่าย บางทีใจร้อนก็ร้อนเกิน บางทีใจเย็นก็เย็นเกิน ไม่มีความสมดุล

2.การเรียนรู้เรื่องการรู้จักภาวะการนำของตนเองและการทำงานเป็นทีม

การทำงานเป็นทีมที่ได้เรียนรู้ในค่ายนี้ เช่น กิจกรรมเดินตะปู ที่ได้คู่กับน้องกระต่ายที่เพิ่งเข้าค่ยเป็นครั้งแรก ซึ่งตอนนั้นน้องกลัวมาก จึงปลอบใจน้องด้วยการบอกว่าอย่ากลัว บอกว่าเราขอปิดตาก่อน เพื่อให้น้องพาเดินตะปู ให้น้องดูว่าเวลาเล่นจะเป็นแบบนี้ พอถึงตอนน้องปิดตาเราจึงพาเดิน การขยับเท้าจะให้น้องมั่นใจว่าเราจะไม่ให้น้องเจ็บ สุดท้ายจึงเป็นไปด้วยดี

3.การเรียนรู้เรื่องการรู้จักสังคม

สังคมในค่ายที่อยู่ 10 วัน ทำให้มีเพื่อนใหม่ ซึ่งเพื่อนแต่ละคนนิสัยแตกต่างกันไป ทำให้รู้ถึงนิสัยใหม่ๆ สิ่งใหม่ๆ มากขึ้น และได้รู้ว่าค่ายนี้เกิดขึ้นเพราะทำให้เราได้พัฒนาในทางที่ดีขึ้น เช่น การทำกิจกรรมใหม่ เพื่อนใหม่ พี่เลี้ยงที่มีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งก่อนนี้เข้าสังคมเป็น เข้าหาเพื่อนไม่เป็น แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่ทำให้สามารถฝึกการเข้าสังคมได้ และสามารถเข้าสังคมได้ดีด้วย อยากให้ค่ายนี้มีอยู่ตลอดไป

4.การเรียนรู้เรื่องการรู้จักเศรษฐกิจ

อยากนำความรู้ที่ได้เรียนไปใช้ในอาชีพ เพื่อช่วยพ่อแม่ด้านการเงิน เช่น การทำงานพิเศษช่วงวันหยุด ทำร้านกาแฟ ร้านขนม ร้านขายไก่แจ้ เป็นต้น ซึ่งหากต้องการอะไรก็สามารถนำมาซื้อให้ตัวเองได้ หรือถ้ามีเงินเยอะจะได้พาพ่อแม่หรือคนในครอบครัวไปเที่ยว เวลาเดือนร้อนก็สามารถนำมาใช้ได้ เหลือก็เก็บไว้ใช้ จะได้ไม่เดือดร้อนพ่อแม่

5.การเรียนรู้เรื่องการรู้จักสิ่งแวดล้อม

ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องการทำลายป่าไม้ที่ทำให้โลกร้อน อากาศร้อน และทำให้เกิดไฟป่าได้ด้วย โดยป่าไม้มีประโยชน์ในการให้อาหารกับเรา ให้ร่มเงาพักผ่อน ให้อากาศดีๆ แก่เรา ดังนั้นเมื่อมีการตัดต้นไม้จึงต้องมีการปลูกต้นไม้ทดแทนทุกครั้ง เพื่อให้มีต้นไม้ไว้ใช้ประโยชน์ในภายหลัง และสามารถช่วยลดโลกร้อนให้อากาศดีขึ้นได้ด้วย

6.การเรียนรู้เรื่องการรู้จักการทำสมาธิและการเข้าใจพระพุทธศาสนา

สิ่งที่ได้รู้ คือ การทำจิตใจให้สงบ เพราะการทำจิตใจให้สงบทำให้เรามีความจำดี เรียนหนังสือเข้าใจ มีสติตลอดเวลา เหมือนการนั่งสมาธิ การทำบุญตักบาตร ทำให้เรามีบุญ ส่วนการรับรู้ลมหายใจเป็นการกำหนดรู้ถึงการหายใจเข้า หายใจออก เวลาทำอะไรเราก็จะมีสติมากขึ้น คิดก่อนทำมากขึ้น ทำให้ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง เช่น ไม่ขับรถเร็ว ไม่ข้ามถนนตัดหน้ารถ ไม่พูดทำลายจิตใจคนอื่น คิดดีก่อนจะคบคน เป็นต้น

7.การเรียนรู้เรื่องการรู้จักเครื่องมือในการเรียนรู้

ได้เรียนรู้เครื่องมือในการเรียนรู้ เช่น

-การดูหนังแล้วนำมาถอดบทเรียน ทำให้เรามีความคิด วิเคราะห์ แยกแยะ

-การฟังแล้วรู้สึกตาม เช่น การเล่าเรื่องราวของตัวเองหรือการฟังเรื่องราวของคนอื่น เราควรรู้สึกตามอารมณ์คำพูดของคนๆ นั้น

-การกล้าแสดงออก เช่น การพูดต่อหน้าชุมชน ต้องมีการเตรียมเนื้อเรื่องก่อนพูด ทำให้เราพูดได้ดีขึ้น

-การฟัง คือมีคนพูดแล้วต้องมีคนฟัง ไม่ควรพูดแทรก

-การสอบถามอย่างมีประโยชน์ และสื่อสารด้วยท่าทาง

ซึ่งทั้งหมดนี้มีความสุขมาก ได้ความรู้มากมาย จนไม่สามารถอธิบายได้ภายใน 1 วัน