กาลครั้งหนึ่งกับ“รถห้องสมุดเคลื่อนที่” ร่วมขับเคลื่อนความรู้และเสียงหัวเราะ


กาลครั้งหนึ่งกับ“รถห้องสมุดเคลื่อนที่”
ร่วมขับเคลื่อนความรู้และเสียงหัวเราะ

   รถตู้สีขาวเพ้นท์ลายการ์ตูนที่จอดเด่นอยู่ในชุมชน 70 ไร่ คลองเตย เป็นสัญญาณให้เด็กๆ ในชุมขนทั่วประเทศรับรู้ว่า วันนี้เรามีนัดกับคุณสมศักดิ์ เขียนดี หรือ ลุงหมู ขวัญใจเด็กๆ จากโครงการห้องสมุดเพื่อเด็กทุกคน มูลนิธิสิกขาเอเซีย ที่ให้บริการรถห้องสมุดเคลื่อนที่ซึ่งเป็นรถตู้ที่นำทั้งหนังสือและกิจกรรมต่างๆมากมายมาเสริมสร้างความรู้และทักษะให้กับเด็กๆ เกือบทั่วประเทศ รวมทั้งเด็กๆในศูนย์อพยพชายแดนไทย-พม่า
   ลุงหมู กล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมเล่าให้ฟังว่า รถห้องสมุดเคลื่อนที่ใน “โครงการหนังสือเพื่อเด็กทุกคน” พยายามนำหนังสือ, การเล่านิทาน, การแสดงละครหุ่น เกม-เพลง หลากหลายรูปแบบที่เหมาะสมกับเด็กและเยาวชนมาใช้เป็นกิจกรรมเพื่อดึงเด็กเยาวชนในชุมชนต่างๆ ให้เข้ามาใช้บริการในห้องสมุด เพื่อปลูกฝังให้เด็กรักการอ่านหนังสือ
   ห้องสมุดเคลื่อนที่หรือรถห้องสมุดนี้จะมีบริการมอบความรู้ผสมผสานกับความบันเทิงให้กับเด็กและเยาวชนทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยในกรุงเทพฯจะตระเวนไปตามชุมชนต่างๆทั้ง 50 เขต และได้แบ่งการทำงานออกเป็น 2 รอบได้แก่ รอบเช้าให้บริการในศูนย์เด็กเล็กตามชุมชนต่างๆของกรุงเทพฯ โดยจะมีกิจกรรมเล่านิทานการแสดงละครหุ่นซึ่งปัจจุบันมี 6 เรื่องได้แก่ หนูน้อยหมวกแดง, มิตรภาพและความรัก, จ๊ะเอ๋อยากมีเพื่อน, แพะ 3 ตัว, กระต่ายกับเต่า, ขนมปัง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเกม-เพลงซึ่งมีเนื้อหาที่เหมาะสมกับเด็กและเยาวชน เพื่อให้เด็กและเยาวชนเข้ามาใช้ห้องสมุดสนับสนุนการอ่านหนังสือ ส่วนรอบบ่ายให้บริการในชุมชนโดยแต่ละที่ที่ไปจะเปิดรถห้องสมุดให้เด็กและเยาวชนมาใช้บริการพื้นที่ละ 2 ชั่วโมง โดยจะมีการแนะนำหนังสือดี ๆให้แก่เด็ก ผู้ปกครอง ครู และแต่ละครั้งที่ไปจะมีการสร้างความสัมพันธ์กับผู้มาใช้บริการ เล่านิทานให้ฟัง เล่นละครหุ่น รวมทั้งมีกิจกรรมนำเด็กเล่นเกม, วาดรูประบายสี เป็นต้น
   หากเป็นการทำงานในพื้นที่ต่างจังหวัดลักษณะการทำงานจะมีกิจกรรมคล้ายกัน แต่จะพยายามวิ่งรถให้ได้พื้นที่บริการมากที่สุดในแต่ละวัน เพื่อให้เด็กๆได้รับบริการจากห้องสมุดเคลื่อนที่อย่างทั่วถึง โดยเนื้อหาของกิจกรรมบางอย่าง เช่น การเล่านิทาน จะเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามวัยที่เหมาะสมของเด็กๆที่มาร่วมกิจกรรมของห้องสมุดเคลื่อนที่ดังกล่าว
    ลุงหมู กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอีกว่า หากได้ฟังนิทานสักครั้ง เด็กๆจะมีความประทับใจ และจะเป็นต้นทุนในการสร้างนิสัย“รักการอ่าน”ขึ้นมาได้ เด็กๆในชุมชนส่วนหนึ่ง อาจไม่มีโอกาสไปที่ห้องสมุดเลย มีแต่โรงเรียนที่มีห้องสมุดซึ่งส่วนมากก็จะมีแต่หนังสือเรียนหรือหนังสือที่อ่านยากๆ
   “ เมื่อไปให้บริการทั้งหนังสือและกิจกรรมแก่เด็กๆ หลังจากนั้นอาจมีโอกาสกลับไปชุมชนเดิมอีก เด็กๆก็ติดใจวิ่งมาหาบอกว่า รถห้องสมุดมาแล้วและอยากจะอ่านหนังสือ อยากจะฟังนิทาน ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานที่ไปปลูกฝังให้พวกเขารักการอ่านหนังสือในครั้งแรก เด็กๆในชุมชนเหล่านี้บางคนยากจนจริงๆไม่ค่อยจะมีหนังสือดีๆให้ได้อ่าน เมื่อพวกเขามาร่วมอ่านหนังสือ ฟังนิทาน เล่มเกมหรือร้องเพลง ทำให้เด็กๆรู้สึกรักการอ่านขึ้นมาได้ ”
    รถห้องสมุดเคลื่อนที่ยังมีบริการให้ยืมหนังสือไปอ่านที่บ้านได้อีกด้วย โดยส่วนใหญ่บริการนี้จะทำในชุมชนซึ่งรถห้องสมุดเคลื่อนที่จะไปเป็นประจำ เช่น ชุมชนสามัคคีธรรม ชุมชนพระโขนงหรือชุมชนอื่นๆในเขตกรุงเทพฯโดยเด็กๆสามารถยืมหนังสือจากรถห้องสมุดได้ครั้งละ 3 เล่มกลับไปอ่านที่บ้าน และเมื่อกลับมาถามจะเห็นว่าเด็กๆกลุ่มนี้อ่านหนังสือได้ดีขึ้น พิสูจน์จากที่เราถามเนื้อหาในหนังสือ เด็กๆก็สามารถตอบได้อย่างนิทานหนูน้อยหมวกแดงเป็นยังไง เด็กๆก็เล่าให้ฟังได้ เด็กบางคนอ่านหนังสือไม่ได้ก็ให้พ่อแม่ยืมกลับไปอ่านให้ฟังที่บ้านและเขาก็จะสนใจดูภาพจากหนังสือ
   ลุงหมู เล่าอีกว่า “รู้สึกประทับใจทุกครั้งที่ทำงาน บางพื้นที่มีคนมาดูเราเล่านิทานเยอะมาก เมื่อไปแล้วเราต้องทุ่มเท อย่างที่ศูนย์อพยพชาวพม่าซึ่งเป็นสถานที่ห่างไกลไม่มีแม้สัญญาณโทรศัพท์ รถห้องสมุดเคลื่อนที่ไม่สามารถขับเข้าไปได้ก็ต้องขนของข้ามสะพานเล็กๆไปให้ถึงศูนย์อพยพ และวันนั้นฝนก็ตกแต่ผู้คนก็ยังจูงลูกหลานมาฟังนิทานและกางร่มไปด้วย ผู้คนและเด็กๆที่นี่เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ฟังภาษาไทยเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ แต่พวกเขาก็ยังมานั่งฟังนิทานที่เราเล่า ด้วยนิทานเป็นการเล่าเรื่องด้วยภาพที่เป็นภาษาสากล ทำให้สามารถสื่อสารกับเด็กๆได้ทั่วโลกก็ว่าได้ เด็กๆทุกคนจะรู้จักหนูน้อยหมวกแดง แม้จะสื่อสารต่างภาษากัน ซึ่งเป็นภาพที่มหัศจรรย์มาก”
   ด้านคุณชุติมา ซื่อสัตย์เบญจกุล ผู้ประสานงานโครงการห้องสมุด เล่าให้ฟังเพิ่มเติมว่า ความประทับใจจากการทำงานเกิดขึ้นเพราะได้เห็นรอยยิ้มของเด็กๆ อย่างเด็กๆที่ประสบภัยสึนามิ พ่อแม่เสียชีวิต เมื่อมาร่วมกิจกรรมของรถห้องสมุดเคลื่อนที่ก็กลับมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เด็กบางคนจะซึมเศร้าอยู่พักหนึ่ง แต่เมื่อร่วมกิจกรรมก็จะหายไป ตรงนี้เป็นพลังให้เราทำงาน ทำให้เด็กมีความสุข อีกทั้งเชื่อมั่นว่าการทำงานของเรามีคุณภาพ โดยเฉพาะการสื่อสารด้วย “หนังสือภาพ” ซึ่งภาพเป็นการสื่อสารสากล ไม่ต้องการคำพูดมากมายเหมาะที่จะใช้ในการสื่อสารกับเด็กๆและเด็กจะสื่อสารกับคุณได้
   จากการที่เคยไปเล่านิทานในพื้นที่จังหวัดเชียงรายให้เด็กชาวเขากลุ่มหนึ่งฟัง “ตอนแรกเขายืนอยู่ไกลๆไม่กล้าเข้ามาใกล้เพราะไม่อยากพูดภาษาไทย ซึ่งอาจจะพูดไม่ชัดหรือพูดไม่ได้ แต่พอเราเริ่มเปิดหนังสือและเล่านิทานให้เขาฟัง สักพักก็เริ่มกล้าคุย เราเลยรู้สึกว่างานที่ทำมันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เด็กที่ไม่แสดงออก สุดท้ายเขาจะเปิดใจกับเรา ทำให้รู้สึกมีกำลังใจในการทำงาน”
   ทุกวันนี้รถห้องสมุดเคลื่อนที่ของมูลนิธิสิกขาเอเชียมีจำนวนทั้งหมด 3 คันขับเคลื่อนนำความรู้ไปสู่ชุมชนต่างๆในเขตกรุงเทพฯและต่างจังหวัด รวมทั้งถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกลหนังสือ เด็กๆบางคนกำลังรอคอยหนังสือดีๆเพื่อให้พวกเขาได้อ่านสร้างทักษะและจินตนาการ ซึ่งกลุ่มคนเล็กๆจากมูลนิธิสิกขาเอเชียก็ยังคงทำหน้าที่นี้ต่อไป ด้วยแรงใจจากรอยยิ้มและเสียงหัวเราะทุกครั้งเมื่อเปิดหนังสือ และเริ่มเล่าเรื่องกาลครั้งหนึ่ง...