 |
“มาลาดวงดอกไม้ มาลาดวงดอกไม้ มาตั้งไว้เพื่อบูชา บูชาแด่พระพุทธ บูชาแด่พระพุทธ ผู้ได้ตรัสรู้มา บูชาแด่พระธรรม บูชาแด่พระธรรม ผู้แนะนำพร่ำสั่งสอน บูชาแด่พระสงฆ์ บูชาแด่พระสงฆ์ ผู้ดำรงพระวินัย...” |
เสียงร้องสรภัญญะดังกังวานอยู่ในโสตประสาท เชื่อว่าหากคุณได้มีโอกาสสดับรับฟังสรภัญญะบทเดียวกันนี้ คงต้องเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่า ไพเราะจับใจ ด้วยท่วงทำนองที่มีเสน่ห์ตามวัฒนธรรมของชาวอีสาน บวกกับแก้วเสียงใสของผู้ขับขานจึงทำให้วัฒนธรรมพื้นบ้านบทนี้มีความไพเราะจนยากจะหาคำมาอธิบาย |
 |  | ครูสุคนธ์รัตน์ จันทร์หอม ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนโพนทองวิทยายน อำเภอโพนทอง จังหวังร้อยเอ็ด เป็นเจ้าของเสียงใสๆ ผู้ขับขานวรรณกรรมพื้นบ้านที่ชาวอีสานรู้จักกันดีในชื่อของ “สรภัญญะ”

“สรภัญญะ เป็นการสวดมนต์ในทำนองสังโยค คือ การสวด เป็นจังหวะหยุดตามรูปประโยคฉันทลักษณ์ บทสวดจะมีลักษณะเป็นฉันท์หรือกาพย์ก็ได้ แต่ที่นิยมกันมากคือ กาพย์ยานี 11 สำหรับเนื้อหาจะเกี่ยวข้องกับศาสนา บาปบุญคุณโทษ นิทานชาดก วรรณกรรมท้องถิ่นของอีสาน อาทิ เรื่องพระเวสสันดร กล่องข้าวน้อยฆ่าแม่” ครูสุคนธ์รัตน์ อธิบายถึงความหมายของบทสวดเมื่อครู่ด้วยท่าทีคล่องแคล่ว

การรวมกลุ่มกันเพื่อสวดสรภัญญะของชาวอีสานถือเป็นการสร้างความสามัคคีในชุมชน โดยมากจะนิยมสวดในช่วงวันออกพรรษาเพราะเป็นช่วงที่ว่างเว้นจากการทำนา หรือบางครั้งก็นำมาสวดประชันกันว่าคณะสวดสรภัญญะหมู่บ้านใดจะสวดได้ไพเราะ และบทสวดใครจะมีคารมคมคายกว่ากัน |
|
ด้วยกลัววรรณกรรมพื้นบ้านของชาวอีสานจะสูญหายไปตามกาลเวลา ครูสุคนธ์รัตน์จึงนำการสวดสรภัญญะมาบูรณาการให้เข้ากับหลักสูตรการสอนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้การสนับสนุนจากมูลนิธิสยามกัมมาจล เพื่อให้เด็กนักเรียนได้เข้าใจคำว่า พอเพียง ได้แจ่มชัดขึ้นโดยใช้ คุณธรรมที่แฝงอยู่ระหว่างบรรทัดในบทสวด สรภัญญะ เป็นเครื่องมือ |
“โดยธรรมชาติของวรรณกรรมพื้นบ้านจะมีคุณธรรมแฝงอยู่หลายข้อ ดังนั้นการสอดแทรกสรภัญญะเข้าไปในการเรียนการสอนนั้น จึงเป็นการฝึกให้เด็กได้เรียนรู้และเข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่นของตนเองอย่างลึกซึ้ง และยังเป็นการสืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่นให้อยู่คู่ลูกหลายสืบไป เผื่อว่าอีก 10 ปี 20 ปี ข้างหน้าคนรุ่นเก่าอาจจะจากเราไป อย่างน้อยๆ ให้เรามีมรดกตกทอดและเรียนรู้รักและหวงแหนมัน และถ่ายทอดให้ลูกหลานเรา” ครูสุคนธ์รัตน์ด้วยท่าทางปลื้มอกปลื้มใจ

การหยิบยกของดีใกล้ตัวมาใช้ให้เกิดประโยชน์นับเป็นการเรียนรู้ความพอเพียงจากรากฐานที่ตนมีอยู่ ซึ่งการใช้เด็กและเยาวชนเป็นเครื่องมือในการถ่ายทอดมรดกของท้องถิ่นตนเองจึงถือเป็นกำลังหลักสำคัญที่จะช่วย สืบสานวรรณกรรมพื้นบ้านให้คงอยู่คู่ท้องถิ่นของตนต่อไป |  |  |
|
นับว่าเป็นความโชคดีของโรงเรียนโพนทองวิทยายน ที่ได้มองเห็นมรดกอันล้ำค่านั้นแล้ว คงต้องเอาใจช่วยอีกหลายโรงเรียนในประเทศไทยที่อาจพบสิ่งดีนั้นในเร็ววัน |
|
|