
“พ่อแม่อุปถัมภ์” สร้างคนด้วยการศึกษา
“ขาดพ่อขาดแม่เป็นเสาหลัก หวังมีท่านรักคอยเมตตา” สัจธรรมที่เด็กกลุ่มหนึ่งกำลังประสบอยู่ในสังคม เพราะพ่อแม่ไม่ได้วางแผนชีวิตและอนาคตล่วงหน้า ทำให้ยามเจ็บไข้ด้วยโรคเอดส์ และเสียชีวิต ต้องทิ้งลูกที่อยู่ในวัยเยาว์ไว้เป็นภาระของปู่ย่าตายาย ซึ่งกำลังร่วงโรยเกินกว่าจะใช้แรงงานหาเลี้ยงครอบครัว หรือเด็กบางคนก็ต้องอยู่ในความดูแลของญาติ ที่มีภาระเลี้ยงดูบุตรหลานของตัวเองอยู่แล้ว โอกาสที่จะได้รับการศึกษา เพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างมีคุณภาพของสังคมจึงเป็นไปได้ยาก
นางสาวอุไรวรรณ ภัคเกษม ผู้จัดการมูลนิธิหมอเสม พริ้งพวงแก้ว ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการ“พ่อ-แม่อุปถัมภ์” กล่าวว่า สถานการณ์โรคเอดส์ในประเทศไทย เริ่มมีความรุนแรงตั้งแต่ปี 2532 เป็นต้นมา ทำให้มีผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยเอดส์ และคาดว่ามีผู้เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์แล้ว 1 แสนกว่าคน ในปี 2536 โดยครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา และแม่ฮ่องสอน ทำให้เด็กกำพร้าจากเอดส์ กลายเป็นภาระหนักของปู่ย่าตายาย หรือญาติ ที่ต้องให้การเลี้ยงดูแทนพ่อแม่
ในปี 2538 ทางมูลนิธิหมอเสม พริ้งพวงแก้ว จึงมีแนวคิดตั้งโครงการพ่อ-แม่อุปถัมภ์ เพื่อแบ่งเบาภาระในการเลี้ยงดูเด็กที่ได้รับผลกระทบจากเอดส์ และด้วยความเชื่อมั่นว่าการศึกษา คือรากฐานที่จะช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเด็กกำพร้า ทำให้พวกเขาเติบโตเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยอย่างมีคุณค่า รูปแบบของโครงการจึงเป็นทุนการศึกษา ที่ครอบคลุมถึงค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ ด้วย อาทิ ค่าหนังสือเรียน ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเครื่องแบบนักเรียน ค่าอาหารกลางวัน และค่าเดินทาง เป็นต้น
ทั้งนี้มูลนิธิฯ จะนำเงินบริจาคทั้งหมดเข้าบัญชีเงินฝากของเด็กโดยตรง ไม่มีการหักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของมูลนิธิฯ จะได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยงาน บริษัท ห้างร้านต่างๆ อยู่แล้ว และในส่วนของการถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของเด็ก เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจติดตามมา ทางมูลนิธิฯ จึงได้กำหนดให้ครู เจ้าหน้าที่ประสานงานโครงการ และ/หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เป็นผู้รับผิดชอบดูแลการใช้จ่ายเงินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
น.ส.อุไรวรรณ เล่าว่า แม้ทางมูลนิธิหมอเสมฯ และหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน จะพยายามให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่สถานการณ์กลับเลวร้ายลงเรื่อยๆ โดยในปี 2545 มีข้อมูลจากกองโรคเอดส์ กระทรวงสาธารณสุข ว่าประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีสะสมตั้งแต่เกิดการระบาดของเชื้อ ที่ยังมีชีวิตอยู่ประมาณ 7 แสนราย เสียชีวิตแล้วประมาณกว่า 3 แสนราย และคาดการณ์ไว้ว่าในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2545-2549) จะมีผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์ปีละ 5 หมื่นราย ขณะที่กรมควบคุมโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข ก็ประมาณการว่าช่วงปี 2545 มีเด็กกำพร้าที่พ่อแม่เสียชีวิตเพราะโรคเอดส์แล้วกว่า 1 แสนคน พร้อมทั้งคาดการณ์ไว้ว่าช่วงปี 2550 จะมีเด็กกำพร้า ที่พ่อแม่เสียชีวิตเพราะโรคเอดส์ร่วม 1 แสน 5 หมื่นราย
อย่างไรก็ตาม ทางมูลนิธิฯ ก็ยังมุ่งมั่นที่จะดำเนินการช่วยเหลือต่อไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการพ่อ-แม่อุปถัมภ์ ซึ่งปัจจุบันมีอัตราทุนสนับสนุนการศึกษาแต่ละระดับแตกต่างกันไป เช่น เด็กกำลังเรียนในระดับประถมศึกษา อัตราต่อปีการศึกษาปีละ 5,000 บาท/คน, ระดับมัธยมศึกษา ปีละ 6,000 บาท/คน, ปวช. ปีละ 12,000 บาท/คน, ปวส. ปีละ 15,000 บาท/คน, มหาวิทยาลัย ปีละ 20,000 บาท/คน
ในส่วนของผู้อุปการะ ที่ต้องการเป็นพ่อแม่อุปถัมภ์ สามารถแจ้งความจำนงที่จะอุปการะการศึกษาเด็ก โดยบริจาคเงินตามอัตราแต่ละระดับ เมื่อมูลนิธิฯ ได้รับการบริจาค จะจัดส่งประวัติพร้อมภาพถ่ายของเด็กในความอุปถัมภ์ให้แก่ผู้อุปการะ และเด็กที่ได้รับทุนจะเขียนจดหมายถึงผู้อุปการะ รายงานผลการเรียนทุกเทอม รวมทั้งปัญหาการใช้จ่ายเงิน หรือปัญหาด้านครอบครัว เศรษฐกิจ สังคม หรือจิตใจ ที่มีผลกระทบต่อเด็ก เช่น กรณีของเด็กรายหนึ่ง มีภาระต้องดูแลมารดาที่เจ็บป่วยด้วยโรคเอดส์ และยายที่ที่ชราจนไม่สามารถทำงานหารายได้ ทำให้ค่าใช้จ่ายประจำวันที่ได้รับจากโครงการ ถูกกระเบียดกระเสียรไปเป็นค่ายา และค่าอาหารภายในครอบครัว เด็กจึงเขียนจดหมายบอกเล่าแก่ผู้ปกครองอุปถัมภ์ ต่อมาผู้ปกครองอุปถัมภ์ ก็ได้ติดต่อมาทางมูล นิธิฯ เพื่อขอลงพื้นที่เยี่ยมโรงเรียน และครอบครัวเด็ก และพบว่ามีปัญหายากจน ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้จริง จึงได้ให้ความช่วยเหลือเป็นเงินทุนอีกก้อนหนึ่ง สำหรับให้แม่กับยาย ซื้อยาและอาหารมาบำรุงสุขภาพ
อีกรายหนึ่งเป็นเด็กใฝ่เรียน แต่สอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐไม่ได้ เลยสมัครเข้าเรียนสถาบันเอกชน ซึ่งค่าเทอมแพงกว่ารัฐหลายเท่าตัว และได้เขียนจดหมายถึงผู้ปกครองอุปถัมภ์ เล่าให้ฟังถึงความจำเป็นที่ต้องใช้เงินสูงกว่าเกณฑ์ทั่วไป ทางผู้ปกครองก็เข้าใจ และให้ความช่วยเหลือด้วยดีมาตลอด จนกระทั่งพบว่าเด็กรายนี้สอบวิชาภาษาอังกฤษไม่ผ่าน ต้องลงทะเบียนเรียนซ้ำ ทางผู้ปกครองอุปถัมภ์ก็พร้อมที่จะยื่นมืออุปการะ แต่ทางมูลนิธิฯ มองเห็นว่าเด็กควรตั้งใจเรียนให้มากกว่านี้ และในส่วนที่ต้องลงทะเบียนซ่อม เด็กน่าจะมีส่วนรับผิดชอบ จึงได้ผลักดันให้เด็กทำงานพิเศษ เพื่อหารายได้มาลงทะเบียนซ่อมวิชาภาษาอังกฤษ ทำให้เด็กมีความรับผิดชอบต่อตัวเองมากขึ้น และกิจกรรมเขียนจดหมาย ก็ถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์ และผูกพัน ระหว่างพ่อแม่อุปถัมภ์กับเด็กได้เป็นอย่างดี
ผู้จัดการมูลนิธิฯ ยังอธิบายต่อไปว่า เด็กที่ได้ทุน ไม่เพียงแค่ได้รับการศึกษาในระบบเท่านั้น หากยังมีกิจกรรมเสริมที่ช่วยให้พวกเขาพัฒนาทักษะชีวิต และมีวิชาชีพติดตัว เช่น โครงการพัฒนาเด็กภาคฤดูร้อน นำเด็กวัยรุ่นมาเข้าค่ายอบรม เพื่อส่งเสริมทักษะชีวิต วัฒนธรรม ให้รู้จักตัวเอง, การอบรมภาษาอังกฤษ หนุนเสริมให้มีการนำภาษาอังกฤษมาใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น, อบรมคุณธรรม จริยธรรม สุขอนามัยและการคุมกำเนิด สอนให้เด็กรู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่มั่วสุม สำส่อนทางเพศ, อบรมด้านวิชาชีพเกษตร อาทิ การเลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา ปลูกผัก ทำปุ๋ยอินทรีย์ การทำกระดาษสา การอบรมทักษะด้านดนตรี ศิลปะ และการเขียน ซึ่งกลุ่มพี่เลี้ยงหรือผู้ประสานงาน จะกำหนดกิจกรรมตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย หรือจัดกิจกรรมหนุนเสริมตามความเหมาะสมของสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลานั้นๆ
“อยากให้คนในภาคเหนือ มองเห็นความสำคัญของการช่วยเหลือเด็กกลุ่มนี้อย่างจริงจัง เพราะตั้งแต่เริ่มดำเนินการถึงปัจจุบัน มีคนเหนือใจบุญรับอุปการะเด็กน้อยมากเมื่อเทียบกับคนกรุงเทพฯ หรือชาวต่าง ประเทศ ทั้งที่เป็นปัญหาใกล้ตัวอย่างยิ่ง แทบทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชน ล้วนมีผู้ติดเชื้อเอชไอวี และมีเด็กที่ได้รับผลกระทบจากเอดส์อีกจำนวนมาก ที่ทางโครงการยังเข้าไปช่วยเหลือไม่ทั่วถึง”
น.ส.อุไรวรรณ ยังได้กล่าวเสริมด้วยว่า ปัจจุบัน ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี ทั้งภายในประเทศ และสากล ค่าครองชีพสูง ธุรกิจตกต่ำ ส่งผลกระทบต่อโครงการพ่อ – แม่อุปถัมภ์ ซึ่งมีผู้อุปการะต่างประเทศระงับการให้ทุนการศึกษาแก่เด็กในต้นปีการศึกษา 2551 แล้ว 112 ราย และผู้อุปการะบางรายจะเกษียณอายุการทำงาน จึงส่งผลให้มูลนิธิฯ มีภาระต้องจัดหาผู้อุปการะเพิ่ม หากมีผู้สนใจที่จะสนับสนุนการศึกษาเด็กในโครงการพ่อ-แม่อุปถัมภ์ สามารถติดต่อขอรายละเอียดได้ที่ มูลนิธิหมอเสม พริ้งพวงแก้ว โทร.0-5324-4017 E-Mail : semcnx@cmnet.co.th หรือ website : www.semfoundation.org