
ห้องสมุด“บ้านนิทาน”
บ้านหลังที่สามในชุมชนคลองเตย
เพราะเชื่อว่าห้องสมุด คือ รากแก้วที่สำคัญในการสร้างเสริมความรู้และสติปัญญา ห้องสมุดบ้านนิทาน ชุมชน 70 ไร่ คลองเตย กรุงเทพฯจึงมีการเลือกสรรและแนะนำหนังสือดีที่มีคุณภาพให้กับเด็กๆในชุมชน รวมทั้งปลูกฝังในเรื่องของกฎกติกามารยาทการใช้ห้องสมุด อันจะเป็นการบ่มเพาะไปสู่การเป็นนักอ่านที่มีคุณภาพ
ชุติมา ซื่อสัตย์เบญจกุล ผู้ประสานงานโครงการห้องสมุด มูลนิธิสิกขาเอเชีย เล่าให้ฟังว่า ห้องสมุดบ้านนิทานในชุมชนคลองเตยมีกิจกรรมเสริมทักษะต่างๆที่จัดเตรียมไว้ให้ทุกคนเข้ามาแสวงหาความรู้ ความบันเทิงจากแหล่งความรู้นอกตำรา โครงการห้องสมุดจึงเป็นอีกหนึ่งโครงการของมูลนิธิสิกขาเอเชียที่ทำงานด้านส่งเสริมการอ่านและอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย รวมทั้งเป็นแหล่งความรู้ของชุมชนและประชาชนทั่วไป และเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ที่มีทั้งสาระ ความสนุกเพลิดเพลินตลอดจนความบันเทิงสำหรับเด็ก กิจกรรมในห้องสมุดจะแบ่งเป็นมุมต่าง ๆ เช่น อ่านหนังสือเด็ก, อ่านหนังสือผู้ใหญ่, ของเล่น, ประดิษฐ์, เล่านิทาน ฯลฯ ซึ่งผู้มาใช้บริการจะเข้าร่วมกิจกรรมตามที่ตนเองสนใจ
ห้องสมุดมูลนิธิสิกขาเอเชียยังนับเป็นบ้านหลังที่สามของเด็ก ๆ ก็ว่าได้เพราะตอนเช้าเด็ก ๆ ก็ไปโรงเรียน หลังเลิกเรียนเด็กก็มาห้องที่ห้องสมุด เด็กทุกคนมีเหตุผลของตัวเองว่าจะมาทำอะไรที่ห้องสมุด หลายคนมาอ่านหนังสือ ที่บ้างก็นั่งอ่าน บ้างก็นอนอ่าน บางคนมายืมหนังสือไปอ่านที่บ้าน บางคนมาเพื่อฟังนิทานเพราะไม่เคย มีใครเล่านิทานให้ฟังเลย บางคนมาช่วยทำงาน บางคนมาซ้อมรำ มาวาดรูป มาเล่นของเล่นเพราะที่บ้านไม่มีของเล่นดีดี หรือมาวิ่งเล่นเพราะในชุมชนไม่มีที่ให้เด็กเล่น มาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่เพราะที่บ้านไม่มีใครอยู่ ผู้ปกครองจะรู้สึกว่าลูกปลอดภัยถ้าหลังเลิกเรียนแล้วลูกมาอยู่ที่ห้องสมุด เด็ก ๆ จะไม่ยอมกลับบ้านจนกว่าห้องสมุดจะปิด ซึ่งในความเป็นจริงพบว่าผู้ปกครองส่วนใหญ่ไม่มีเวลาดูแลบุตร-หลาน และภายในชุมชนไม่มีสนามเด็กเล่นให้เด็กๆ เหล่านี้ได้ทำกิจกรรมเลย
“ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นชุมชนแออัดหรือชุมชนเมือง ล้วนมีแต่มีร้านวีดีโอเกม ร้านอินเทอร์เน็ตผุดขึ้นมามากมาย ถ้าไม่มีห้องสมุดบ้านนิทานแล้ว หลังเลิกเรียนและในวันหยุดเด็กเหล่านี้จะอยู่ที่ไหน ไปทำอะไร เด็กบางคนอาจไปเล่นเกม และติดเกมจนกลายเป็นเด็กซึมเศร้า ก้าวร้าว ขาดสังคมกับเพื่อน เข้าบ้านดึก ตื่นสาย การบ้านไม่ทำ ไม่อยากไปโรงเรียน หนีเรียน และสุดท้ายคือไม่อยากเรียนหนังสือ ซึ่งเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากเห็นเด็กหรืออนาคตของชาติอยู่ในสภาพเช่นนี้”
ผู้ประสานงานโครงการห้องสมุด มูลนิธิสิกขาเอเชีย เล่าว่า ห้องสมุดถาวรที่มูลนิธิสิกขาเอเชียสร้างขึ้นมีทั้งหมด 9 แห่งได้แก่ ห้องสมุดบ้านนิทาน ชุมชน 70 ไร่ คลองเตย กรุงเทพฯ ห้องสมุดชุมชนสวนพลู เขตสาทร กรุงเทพฯ ห้องสมุดชุมชนเชื้อเพลิงพัฒนา เขตยานนาวา กรุงเทพฯ ห้องสมุดบ้านเชียงคาน อ.เชียงคาน จ.เลย ห้องสมุดบ้านสวาย อ.เมือง จ.สุรินทร์ บ้านเด็กและหนังสือพรุเตียว อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา บ้านเด็กและหนังสือคุระบุรี จ.พังงา ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนและวัฒนธรรมม้ง ตำบลขุนควร อ.ปง จ.พะเยา และห้องสมุดบ้านในไร่ อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ซึ่งแต่ละแห่งนี้พยายามผลักดันให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของ
สำหรับปัญหาของห้องสมุดขณะนี้คือ ถ้าสร้างห้องสมุดถาวรขึ้นแล้วและไม่สามารถดูแลต่อได้ ห้องสมุดก็จะไม่เกิดการพัฒนาและถูกปล่อยให้รกร้าง ฉะนั้นสิ่งที่มูลนิธิพยายามทำคือการเข้าไปพูดคุยกับชุมชนให้เข้าใจและเห็นความสำคัญของห้องสมุด สำหรับห้องสมุดถาวรในชุมชนต่างจังหวัดนั้นสิ่งสำคัญคือ เงินทุนหล่อเลี้ยงซึ่งก็คือ องค์กรบริหารส่วนตำบล (อบต.) ฉะนั้นเราจึงพยายามผลักดันให้ห้องสมุดขึ้นอยู่กับการบริหารของ อบต. สำหรับห้องสมุดถาวรในกรุงเทพฯ ก็จะพยายามผลักดันให้เข้าไปอยู่การดูแลของเขตต่อไป
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามูลนิธิสิกขาเอเชียได้รับการสนับสนุนจากชาวญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องอาคารสถานที่ในการสร้างห้องสมุด แต่ในส่วนของการสนับสนุนด้านการบริหารจัดการ ผู้ประสานงานและผู้ช่วยผู้ประสานงานในโครงการนั้นยังไม่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากหน่วยงานมด ฉะนั้นสิ่งที่มูลนิธิกำลังดำเนินการอยู่ก็คือพยายามผลักดันให้ห้องสมุดของมูลนิธิทั้ง 9 แห่ง เข้าไปอยู่ในการกำกับดูแลของหน่วยงานรัฐทั้งนี้เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในที่สุด
สำหรับงบประมาณในการจัดซื้อหนังสือนั้นมูลนิธิสิกขาเอเชียได้จัดงบประมาณสนับสนุนการซื้อหนังสือทุกปี โดยมีงบซื้อหนังสือให้เดือนละ 2,000 บาทหรืองบประจำปีปีละประมาณ 5,000-10,000 บาท โดยมูลนิธิจะดูแลห้องสมุดถาวรทั้ง 9 แห่งเพื่อให้เด็กๆในชุมชนได้มีหนังสือที่มีคุณภาพอ่านและเหมาะสมกับวัยแห่งการเรียนรู้
ผู้ประสานงานโครงการห้องสมุด มูลนิธิสิกขาเอเชีย เล่าอีกว่า นอกจากนี้โครงการห้องสมุดยังมีการจัดการฝึกอบรมครูที่ประจำในห้องสมุดอีกด้วย โดยสนับสนุนทุนให้คนละ5,000 บาท ทั้งนี้เพื่อให้คุณครูเหล่านี้ไปอบรมกับเจ้าหน้าที่ห้องสมุดและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการศึกษา เพื่อเสริมศักยภาพในการทำงานและนำความรู้ที่ได้รับกลับไปถ่ายทอดให้แก่เด็กๆ ต่อไป ซึ่งหลักสูตรที่อบรมก็มีหลายอย่าง เช่น การผลิตสื่อการสอน กลวิธีการเล่านิทานอย่างสนุกสาน การสอนเชิง นันทนาการ และวิธีการจัดหาหนังสือเข้าห้องสมุด เป็นต้น
จากเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของเด็กๆ เมื่อมาอ่านหนังสือในห้องสมุด รวมทั้งการสนับสนุนของมูลนิธิสิกขาเอเชีย ทำให้เกิด “ห้องสมุด” เล็กๆในชุมชนกลายเป็นบ้านที่อบอุ่นที่จะช่วยฟูมฟักให้เด็กๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่รักการอ่าน มีการเติบโตทางความคิด และเติบโตเป็นคนที่ดีมีคุณภาพของสังคมต่อไป.