นางสาวกนกวรรณ จันทร์ฉายทอง
นักเรียน โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย กรุงเทพฯ
ตำแหน่งที่ได้รับในโครงการต่างๆ
ประวัติและผลงาน

ประสบการณ์จิตอาสา
ป๊อบ มีพี่น้อง 3 คน เป็นลูกคนที่ 2 เรียนอยู่ห้อง 3/3 ได้เข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสากับมูลนิธิกระจกเงาในโรงพยาบาลเด็ก และเป็นอาสาช่วยงานต่าง เช่น งานมหกรรมเยาวชน พลังสังคม ครั้งที่ 1 “ร่วมสร้างประเทศไทยด้วยการให้” เมื่อปลายปีที่แล้ว ได้ไปทำหน้าที่ไกด์ในงาน หรือตอนไป meeting (พบปะเพื่อนๆต่างๆโรงเรียนที่ทำจิตอาสาเหมือนกัน) ก็ได้ไปทำช่วยตุ๊กตา เป็นต้น

จิต อาสาของโรงเรียนสตรีศรีสุริโยไทนี้ ป๊อบเป็นแค่ตัวอย่างหนึ่งของกลุ่มนักเรียนที่อาสามาช่วยงานเป็นทีมอย่างต่อ เนื่อง ถึงแม้ป๊อบจะบอกว่าเวลาไปทำกิจกรรมจิตอาสากับกลุ่มเพื่อนจะไม่ค่อยได้คุยกับ น้องมาก เพราะพื้นฐานเดิมตัวเองไม่ได้รักเด็ก (ไม่ชอบเด็ก เหมือนเพื่อนๆอีกหลายคน) คิดว่าเด็กน่ารำคาญ ยิ่งถ้าไปเจอเด็กที่เงียบๆ ไม่ค่อยพูดด้วยแล้ว ยิ่งน่าเบื่อ แต่เพื่อนๆก็บอกว่าป๊อบอยู่กับเพื่อนไม่ค่อยยิ้ม แต่เวลาอยู่กับเด็กเห็นยิ้มเก่ง


การเรียนรู้และเปลี่ยนแปลง
ป๊อบ ก็เช่นเดียวกับเพื่อนๆหลายคน เวลาไปทำกิจกรรมในโรงพยาบาลแล้วรู้สึกรู้สึกสงสารน้อง และเห็นว่าตัวเองมีอะไรมากกว่าเขา ทำให้รู้สึกภาคภูมิใจในสิ่งที่ตนมี กลับมาบ้านก็ดีใจที่น้องตัวเองไม่ได้เป็นแบบนั้น ทำให้ป๊อบรู้สึกสงสารและดูแลน้องมากขึ้น (ไม่ค่อยแกล้ง) จากปกติเป็นคนขี้งกของกินไม่ค่อยแบ่งให้น้อง ตอนนี้ก็เปลี่ยนไปเป็นคนให้และแบ่งปันน้องมากขึ้น

การ เรียนรู้ที่เกิดขึ้น ป๊อบว่าอยู่ที่โรงเรียน ก็จะอยู่กับตำราแคบๆ ไปโรงพยาบาลก็เหมือนได้ประสบการณ์ที่สำคัญ ได้ไปเจอโลกกว้าง เจอสังคมผู้ป่วย คนพิการ (ที่ปกติไม่เคยเจอ) ไปช่วยคนอื่นแม้จะเหนื่อยแต่ก็รู้สึกดีที่ได้ทำ ดีกว่าไปทำสิ่งไร้สาระ และทำกิจกรรมอย่างนี้ได้บุญด้วย ที่สอนกันว่าทำความดีแล้วไปสวรรค์ ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธ ป๊อบเห็นสวรรค์ใกล้ตัวที่เกิดขึ้นทันตาคือ เมื่อก่อนเคยเถียงแม่ แต่พอไปทำจิตอาสา ก็หันมารักและเชื่อฟังแม่มากขึ้น (ไม่ค่อยเถียง)

ป๊อบ ว่าจิตอาสาสามารถทำได้ชีวิตประจำวัน เช่น ในระหว่างเดินทาง หรือในการทำงานร่วมกับคนอื่นๆ ช่วยให้เราเข้ากับเพื่อนได้ทุกคน ทุกวัย เพราะหากเราอยู่เฉพาะในโรงเรียนก็ได้คุยแต่กับเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่โรงเรียน เท่านั้น แต่การออกไปข้างนอกได้คุยกับผู้ใหญ่ กับเด็ก และผู้คนหลากหลาย รู้สึกว่ามีเพื่อนเยอะขึ้น ได้อยู่กับเพื่อนๆมากขึ้น

การ ไปสร้างความสุขให้กับน้องๆ นอกจากทำให้รู้จักผู้คนหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนิสัย สภาพร่างกาย การศึกษาแล้ว จิตใจเราก็อ่อนโยนต่อสิ่งรอบข้างมากขึ้น เช่น พอเห็นขอทานแล้วรู้สึกใจแผ่ว ถ้าตัวเองเป็นแบบนี้ก็คงรู้สึกแย่ เรียกได้ว่าความรู้สึกต่อเพื่อนมนุษย์เปลี่ยนไป และรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมที่มีน้ำใจช่วยเหลือกัน นอกจากได้ความสุขแล้ว การทำกิจกรรมอย่างนี้ก็ความสนุกอยู่ในตัวไม่แพ้กิจกรรมอื่นๆ

การ ต้องปรับตัวเองในขณะทำกิจกรรมที่โรงพยาบาล เช่น เราต้องเกรงใจคนรอบข้าง อย่างคนป่วยเขาต้องการการพักผ่อน เราก็ต้องทำเสียงเบาๆ ต้องมีความเกรงใจคนอื่น ทำให้เรารู้ว่าจะปฏิบัติตัวเองอย่างไร นี่สิ่งดีๆที่ทำแล้วมันย้อนเข้ามาตัวเอง ตอนนี้พฤติกรรมการเรียนของป๊อบและเพื่อนๆก็เปลี่ยนไป ตั้งใจฟังครูมากขึ้น จากเมื่อก่อนที่ชอบพูดคุยเสียงดังเวลาครูสอน

ป๊อบ บอกว่าที่เราเรียนก็เพื่อให้ไปถึงอาชีพของเราในอนาคต แต่การไปดูแลน้อง ทำให้การมองโลก มองชีวิต ของป๊อบเปลี่ยนไป และย้อนกลับมามองตัวเอง ทำให้คิดว่าเราดูแลน้องแล้วทำไมจึงไม่ดูแลคนที่บ้านเช่นเดียวกับน้องบ้าง และส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ออกไปเที่ยวก็เอาเงินไปทิ้งเปล่าแต่ถ้ามาทำจิตอาสาก็จะเสียแค่ค่ารถ แต่สิ่งที่กลับมามีมากกว่า ทำให้รู้จักคุณค่าของเงินมากขึ้น รู้ว่ากว่าจะได้มาก็ลำบาก ต่างจากเมื่อก่อนที่ใช้อย่างไร้สาระ อยากได้อะไรก็ซื้อทันที แต่ตอนนี้คิดก่อนใช้ มีน้องๆที่เราคิดถึง (ป๊อบเคยซื้อของไปฝากน้อง แม้จะไม่มากแต่ก็ทำให้รู้ว่ามันมีค่ามากสำหรับเขา)


จิตอาสากับวัยรุ่น
ป๊อบ ทิ้งท้ายฝากเพื่อนๆสั้นๆว่า คนเราเกิดมาไม่ได้อยู่ยั่งยืน ไม่รู้ว่าตายวันไหนต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด  อยากให้เพื่อนๆลองทำดู อาจจะคิดว่ายาก แต่ถ้าได้ทำแล้วก็จะรู้ว่ามีความสุขแค่ไหน