นางสาวณัฐริกา ภูตาโก
นักเรียน โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย กรุงเทพฯ
ตำแหน่งที่ได้รับในโครงการต่างๆ
ประวัติและผลงาน

การบ่มเพาะจากที่บ้าน
บ้าน หยาอยู่แถวหนองแขม ที่บ้านมีอาชีพขายของ พ่อแม่ก็รับจ้างทั่วไป แม่สอนอยากให้เป็นคนรู้จักให้ แบ่งปันให้น้องบ้าง บางทีเจอขอทานแม่ก็บอกว่าน่าจะให้ของมากกว่าให้เงิน หยาเองก็เคยซื้อข้าวให้ขอทานข้างๆบ้านด้วย 

ด้วย ความที่เป็นลูกคนเดียว พ่อแม่ก็ห่วง การออกไปทำงานจิตอาสาข้างนอก ที่บ้านจึงเป็นห่วงเรื่องการเดินทาง โทรศัพท์มาถามเป็นระยะๆว่าถึงไหนแล้ว แต่ที่พ่อแม่เบาใจเพราะว่าไปกับเพื่อนเยอะๆ ไปกับคนที่รู้จัก (มีพี่ๆจากมูลนิธิกระจกเงาเป็นพี่เลี้ยงไปด้วย) กลับมาบ้านหยาก็เคยเล่าเรื่องจิตอาสาที่ไปทำให้แม่ฟัง แม่บอกว่าก็ดีแล้วถ้ามีโอกาสก็ให้ไปหาน้องเขาบ่อยๆ


ประสบการณ์และความประทับใจ
ความ จริงหยาเคยไปร่วมค่ายอาสาสร้างห้องสมุดให้น้อง ในโครงการของรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย  รู้สึกสนุกดี เห็นว่าน้องที่หมู่บ้านส่วนใหญ่ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เขาก็มีความสุขได้ หยาจึงติดใจ อยากให้เพื่อนๆมาลองทำดู มันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ถึงแม้จะบอกว่าไม่มีเวลา แต่ถ้าเราจัดเวลาดีๆก็ทำได้

ส่วน จิตอาสาในโรงพยาบาล หยาบอกว่าอยู่บ้านดูทีวีเห็นคนป่วยเป็นมะเร็ง ก็รู้สึกสงสารแต่ไม่เคยเห็นจริงๆ พอมาเห็นจริงก็มีอาการตื่นเต้น กลัว เห็นใจเขา ได้พูดให้กำลังใจน้องๆไปว่า “เดี๋ยวแม่ก็มา”  หยาได้เจอน้องคนหนึ่งและเล่นกับเขาโดยมารู้ภายหลังว่าเขาจะอยู่ได้ไม่นาน เพราะเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย พอเห็นแล้วย้อนกลับมาคิดว่าเราอยากทำอะไรดีๆก็ควรรีบทำ เช่น ควรรีบบอกรักพ่อรักแม่  เพราะอาจเกิดสิ่งฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุในชีวิตทำให้เราไม่มีโอกาสก็ได้

น้องๆ ในโรงพยาบาลที่หยาไปเล่นด้วย จะอยู่ชั้น ป.1-ป.2 พออ่านหนังสือได้บ้าง หยาได้สอนคำศัพท์ภาษาอังกฤษน้องไปในตัวจากเกมส์ทายศัพท์ จำได้ว่าวันนั้นน้องเขาบอกว่าใครแพ้ต้องเต้น หยาแกล้งแพ้เพื่อให้น้องดีใจ ก็เลยต้องเต้นกลางโรงพยาบาล มีเพื่อนหันมามองเยอะ รู้สึกอายบ้าง แต่เห็นน้องหัวเราะแล้ว ความอายก็หายไป น้องเขาก็ยิ้ม เราก็ยิ้มดีใจไปด้วย 

ครั้ง ต่อๆไป หยาก็พยามคิดกิจกรรมสนุกๆ ให้น้องเล่น เช่น ประเพณีไทยง่ายๆอย่างงูกินหาง  เป็นต้น ส่วนใหญ่น้องที่อยู่โรงพยาบาลไม่ค่อยได้เล่นอะไร จึงอยากสอนเรื่องประเพณีไทยการละเล่นไทยมีอะไรให้น้องรู้บ้าง ที่สำคัญคือ พอไปทำจิตอาสาที่โรงพยาบาลแล้ว ทำให้หยาอยากมีพี่ชายและหญิงอย่างละคน


การเรียนรู้และเปลี่ยนแปลง
โครงการ โรงพยาบาลมีสุข มีพี่ๆมาอบรมให้เราก่อนว่าอย่ากลัวน้องๆที่ป่วย เคยมีครั้งหนึ่งที่น้องไม่พอใจ วาดรูปอยู่แล้วขย้ำกระดาษปาทิ้ง เราก็ต้องอดทน ได้ฝึกตัวเองไปด้วย หรือพอเห็นน้องที่ป่วยบางคนดูน่ากลัว ถ้าเราไม่ศึกษาไม่คุยกับเขา ก็จะไม่รู้ว่าน้องๆมีนิสัยดีกว่าที่คิด ทำให้รู้ว่าไม่ควรตัดสินคนที่ภายนอก

ในครอบครัว หยาสะท้อนว่าสิ่งที่เราเรียนในห้องเรียน ยังไม่เห็นผลว่าเรียนไปแล้วได้อะไร แต่พอไปทำกิจกรรมกับน้องๆที่โรงพยาบาลแล้ว ทำให้ย้อนกลับมามองตัวเองว่า เราทำให้คนอื่นมีความสุขแล้ว เพราะอะไรเราจึงไม่ทำกับคนใกล้ตัวในครอบครัวบ้าง จะได้รู้จักความคิดของคนในครอบครัวว่าเป็นอย่างไร ครอบครัวหยาไม่ค่อยมีเวลาให้กันอยู่แล้ว ต่างคนต่างทำงาน พออีกคนมีเวลาอีกคนก็ไม่ว่าง จึงไม่ค่อยได้ไปเที่ยวหรือทำกิจกรรมร่วมกัน หยาจึงชอบชวนพ่อแม่ไปเที่ยว อยากมีความทรงจำดีๆกับครอบครัวให้เยอะๆ อยากใกล้ชิดทั้งกับพ่อและแม่ เพราะตอนเด็กๆ สนิทกับพ่อ พอโตมาก็สนิทกับแม่มากกว่า

เวลา ไปโรงพยาบาลเห็นพ่อแม่นั่งดูแลลูกก็ดีใจแทนครอบครัวนั้น และสงสารเด็กที่ถูกพ่อแม่ทิ้งไว้ ตอนนี้แม่หยาเป็นไวรัสตับอักเสบบี ก็บอกแม่ว่ากินอย่างนี้สิดี คอยเตือนแม่ในการกินอาหาร บอกแม่ให้พักผ่อนมากๆ จากกิจกรรมจิตอาสานี้ทำให้หยาดูแลเอาใจใส่ครอบครัวมากขึ้น จากที่ไม่ค่อยได้พูดคุยก็ถามว่าพ่อว่าเป็นไงบ้าง หรือตอนที่อยู่กับยาย หยาก็จะคอยดูแลยาย คอยนวดขาให้ เป็นต้น

ส่วนความเปลี่ยนแปลงของเพื่อนๆ หยาบอกว่าในห้องเราแต่ก่อนไม่ค่อยให้ความร่วมมือ  พอชวนไปไหนก็บอกว่าไม่ว่าง ต้องไปตรงโน้นต้องไปตรงนี้บ้าง แต่ตอนนี้ให้ความร่วมมือมากขึ้น ชวนไปโรงพยาบาลก็บอกว่า “ไปโรงพยาบาลหรอ ไปสิ”  เพราะเพื่อนๆรู้ว่าไปเที่ยวก็เสียเงิน ไปโรงพยาบาลไม่ต้องเสียอะไร แต่กลับสามารถสร้างความสุขให้น้อง และเราก็ได้ความสุขกลับมา (ไม่ได้เสียตังค์เหมือนไปเที่ยว)