นางสาววิลาวรรณ หิรัณยวิรุฬห์
นักเรียน โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย กรุงเทพฯ
ตำแหน่งที่ได้รับในโครงการต่างๆ
ประวัติและผลงาน

ด.ญ.วิลาวรรณ หิรัณยวิรุชห์ (เอมี่)



ประสบการณ์และความประทับใจ
เอ มี ปกติเป็นคนไม่ชอบเด็ก เพราะที่บ้านไม่ค่อยมีเด็กเล็ก มีแต่โตแล้ว แต่เด็กที่ไปเจอที่โรงพยาบาลก็เป็นเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ แต่ก่อนคิดว่าเด็กจะง้องแง้ง งอแง แต่กลับตรงกันข้าม เด็กที่เจอไม่ได้เป็นแบบที่คิด ทำให้รู้สึกสงสารมากกว่ารำคาญ รวมทั้งสงสารและเห็นใจครอบครัวเขาด้วย


เอ มีไปทำจิตอาสาที่โรงพยาบาลเด็ก ในตึกผู้ป่วยโรคมะเร็ง เช่นเดียวกับเพื่อนๆหลายคน สิ่งที่ทำคือ ไปเล่นกับน้องๆถึงเตียงกับเพื่อนอีก 1 คน เอมีเล่นจิ๊กซอร์บ้าง เล่นโดมิโนบ้าง อ่านหนังสือให้น้องฟังบ้าง น้องบางคนก็เข้าไปเล่นง่ายๆ ไม่ได้ เพราะกลัว ไม่ชอบคนแปลกหน้า บางทีอาจเพราะไม่เจอคนแปลกหน้าบ่อยๆ ต้องให้ความพยายามพูดคุยให้เขาไว้วางใจ บอกว่าพี่มาเล่นด้วย ปกติเอมีไม่เคยเล่นกับเด็กเล็กเลย ก็พูดไปตามน้ำกับเพื่อน  พ่อแม่เขาก็จะช่วยเราพูดคุยให้น้องเล่นกับเราด้วย พอเริ่มคุ้นเคยสนิทสนม ก็จะเล่นกับน้องสนุกมากขึ้น


เอ มีเล่าให้ฟังว่าจากที่เห็นเด็กที่ป่วยในทีวี พอมาได้เห็นจริงๆ บางรายก็ไม่ต่างเท่าไร บางรายก็ต่างมาก ภาพที่เห็นจากทีวีทำให้คิดว่าโรงพยาบาลจะมีแต่เลือด มีน้องคนหนึ่งเขาป่วยเป็นโรคมะเร็งชื่อซามุ้ย อาทิตย์แรกที่เอมีไปก็เจอน้องเขาแล้ว น้องเป็นคนไม่ค่อยพูดขนาดกับพ่อก็ไม่พูด เอมีถามพ่อว่าทำไมน้องจึงไม่พูด พ่อเขาก็ไม่ตอบเหมือนมีอะไรอยู่ในใจที่ไม่อยากพูดกลัวว่าจะทำให้ลูกเจ็บช้ำ กว่าเดิม ตอนแรกที่พบน้องเขามีผมเต็มหัว พอเว้นไปหนึ่งสัปดาห์ได้ไปอีกครั้ง แต่คราวนี้น้องเปลี่ยนไปมาก ไม่มีผมแล้ว จุดนี้ทำให้เอมี่รู้สึกสงสารมาก และคิดในใจว่าคนเราเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยหรือ โรคภัยไข้เจ็บทำให้คนเปลี่ยน ดูโทรมมากขึ้นขนาดนี้เลยหรือ แต่น้องคนนี้ก็ยังร่าเริงอยู่ พ่อก็ยังไม่หมดหวัง มาเฝ้าทุกวันทุกสัปดาห์ พอเอมีเข้าไปพ่อก็ถอยออกมาหน่อย คอยมองดูอยู่ห่างๆ


บาง ทีเราเข้าไปใหม่ๆก็ทำอะไรไม่ถูกต้อง แต่ถ้ามาบ่อยๆเข้าก็จะเรียนรู้ไปเอง พี่ๆอาสาสมัครที่โรงพยาบาลคนอื่นๆจะมาทำกิจกรรมบ่อย เข้าถึงเด็กได้มากกว่า เราก็เกาะเขาไว้เป็นตัวช่วย พี่ก็จะสอนว่าทำอย่างไรจึงจะเข้าถึงเด็กๆ คอยสนับสนุนให้เราเข้าไปหาเด็ก  “เข้าไปสิ ๆ ไปแนะนำให้รู้จักกับน้อง” ให้ของเล่นเพื่อเป็นการสร้างสัมพันธภาพ


การ ไปเฝ้าดูแลน้องๆแทนพ่อแม่ผู้ปกครอง เหมือนมาช่วยครอบครัวเขาด้วย ช่วยให้ผู้ปกครองไปพักชั่วคราว ได้ช่วยทำให้น้องไม่เหงา ผู้ปกครองก็ชื่นชม ได้ช่วยเติมเต็มช่องว่างในโรงพยาบาลให้กับครอบครัวเด็กป่วย มีรายหนึ่งน้องชื่อเมย์ ลุงเป็นคนต่างประเทศมาเฝ้า ตัวน้องเองก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ หมอไม่ให้ลุกจากเตียง เราก็ไปเล่นกับเขา ทำหน้าที่สื่อสารกับลุงเขา พอมีเราไปเล่นกับหลานผู้ปกครองก็ออกห่างออกมาดูอยู่เงียบๆด้วยความชื่นชม น้องคนนี้พี่เอมีเข้าหาง่าย ไม่ปาของใส่เหมือนรายอื่น  เราก็ได้อยู่เป็นเพื่อนน้องให้ผู้ปกครองพักไปทานข้าว ฯลฯ ผู้ปกครองบอกว่า “ดีนะช่วยมาเฝ้าน้อง กลัวน้องจะเหงา กลัวน้องจะกลัว ซ้ำยังช่วยสอนภาษาอังกฤษให้น้องเขาด้วย”ถ้าไม่มีเรา น้องเขารู้สึกก็จะเงียบๆ



การเรียนรู้และเปลี่ยนแปลง
นอก จากการได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ทำให้ชอบเด็กมากขึ้น ทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้งอแงขนาดนั้น จากเมื่อก่อนที่เกลียดเด็ก มีทัศนคติต่อเด็กในแง่ร้ายต่อเด็ก และทำให้ทัศคติเกี่ยวกับการมองคนของเอมีเปลี่ยนไปแล้ว ยังทำให้เอมีอดทนขึ้น ขยันไปขึ้น เพราะโรงพยาบาลไกลจากบ้านมากๆ บ้านอยู่พระราม 2 คนแถวบ้านบางทีก็ถามว่าไปไหน เมื่อบอกว่าไปโรงพยาบาลเด็กที่อนุเสารีย์ชัยสมรภูมิ เขาก็บอกว่าไกลจัง จะไปไหวหรอ เด็กอายุประมาณเรา บางคนก็ไม่อยากออกจากบ้าน เอมีก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่อยากออกจากบ้าน แต่เมื่อได้ไปก็ได้เจอเพื่อนที่ทำเหมือนกัน ได้เห็นโลกภายนอก ก็เกิดความคิดว่ามาทำอย่างนี้ดีกว่าอยู่บ้านเยอะเลย


การ ที่ได้ไปเห็นของจริง ทำให้ย้อนกลับมาดูตัวเราว่า เราจะอยู่กับครอบครัวได้นานไหม ชีวิตไม่เที่ยงแท้ถ้าวันไหนไปข้างนอกแล้วโดนรถชน ก็ต้องจากครอบครัวไปแล้ว ณ ขณะปัจจุบันเราจึงควรดูแลคนในครอบครัวให้ดีมากขึ้น เช่น ตอนนี้เป็นเด็ก รู้ว่าแม่เป็นโรคไซนัสก็ควรจะรู้ว่าต้องใช้ยาตัวไหนทำให้แม่สบายขึ้น สามารถซื้อยาให้แม่ถูกได้ พอโตขึ้นก็พาเขาไปตรวจร่างกาย เป็นต้น


ความ เปลี่ยนแปลงในการดูแลครอบครัวหลังจากไปทำจิตอาสา เอมียกตัวอย่างให้ฟังว่า จากที่ไม่เคยทำกับข้าวให้พ่อแม่กินเลย (ฝีมือตัวเองห่วยมาก) ตอนนี้ก็เริ่มไปหัดทำอาหารให้ครอบครัวทานแล้ว นอกจากนี้เอมีเล่าให้ฟังว่า เวลาไปทำงานที่ร้านกาแฟของที่บ้าน ก็มีความอดทนมากขึ้น มีลูกค้ามาก ทำงานเหนื่อย ลูกค้าว่ากลับมา ก็ต้องอดทน เพราะว่าลูกค้ามีค่ามาก ลูกค้าคือพระเจ้า


การได้ไปโรงพยาบาลเด็กแค่ 3 ครั้ง แม้ทำให้ได้เรียนรู้เยอะ แต่เอมีคิดว่ายังไม่เพียงพอ เราต้องทำความดีต่อไปๆ จะได้ไม่ตกนรก



จิตอาสากับวัยรุ่น
วัย รุ่นบางคนไม่เห็นความสำคัญของจิตอาสาเลย เราก็เช่นกันถ้าไม่ทำโครงการนี้ ก็จะไม่เห็นความสำคัญเช่นกัน วัยรุ่นคนอื่นเสาร์อาทิตย์ก็จะไปดูหนัง ไปเที่ยว เมื่อก่อนจะหนีแม่ไปดูหนังบ่อย  วัยรุ่นคนอื่นก็เป็นอย่างนี้ แต่การไปทำจิตอาสาทำให้ความคิดวัยรุ่นเปลี่ยนไป เพื่อนบางคนรู้ว่ามีโครงการดีๆอย่างนี้ก็อยากทำ เอมีอยากจะบอกว่าการทำอะไรที่แปลกไปทำให้เรามีมองมุมใหม่ๆมากขึ้น  ทำจิตอาสาแล้วได้ช่วยคนอื่น ทำให้เราจิตใจดีขึ้น ไม่น่าเบื่อเหมือนที่หลายคนเคยคิด


ถ้า เราไม่มีเพื่อนที่อยู่จิตอาสา เราจะไม่รู้เลยว่าจิตอาสาเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้เอมีรู้แล้วว่าจิตอาสาการทำงานโดยไม่หวังผลประโยชน์ ซึ่งก็ได้ผลดีกลับมาเยอะ เยอะกว่าที่คาด แม้จะเหนื่อยแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือคุณค่าใหม่ สิ่งใหม่ มุมมองใหม่ แง่คิดดีๆ ที่เกิดจากเด็กและโรงพยาบาล นอกจากนี้ยังได้เจอเพื่อนต่างโรงเรียน และสุดท้ายเอมีฝากถึงเพื่อนๆว่า เอาเวลาตีกันไปดูแลน้อง ไปช่วยคนอื่นดีไหม อย่างน้อยสังคมข้างนอกก็จะได้มองเด็กมีประโยชน์และมีคุณค่าต่อสังคมมากขึ้น