ครูดี... มีชัยไปกว่าครึ่ง เมื่อ "ผมเข้าไม่ถึงครู" และ "ครูก็เข้าไม่ถึงผม"
กิตติรัตน์ ปลื้มจิตร

ผมจำได้ว่า สมัยเรียนประถม มัธยม "ความสัมพันธ์" ระหว่างผมกับครู นั้นอยู่ที่ "การบ้าน" ที่ครูมอบหมาย และต้องส่ง กับ "ข้อสอบ" ที่ครูจะประเมินผมเพื่อตัดเกรด 0 คือ ตก (ซ่อมแน่นอน) 1,2 คือ พอใช้ได้ 3,4 คือ ดี อ่านหนังสือ มาเยอะ เก็งข้อสอบได้ถูกต้อง และ "การจัดลำดับ" ของนักเรียนในระดับชั้นจาก ที่ 1 ถึง 200 กว่าๆ เราเรียงกันแบบนี้ (ผมเป็นคนท้ายๆ ไม่ได้อยู่ห้องคิง เรียนพอเอาตัวรอด เรื่องลอกการบ้าน ใช้สายตามองกระดาษ ส่งโพยลอกข้อสอบเป็นทักษะที่ติดตัวมา) บรรยากาศการเรียนร่วมกับเพื่อนๆ ในห้องผมคนเยอะมาก 58 คนต่อห้อง ระดับชั้นนึงมี 10 ห้อง ม.ต้น เดินเรียน ม.ปลายอยู่ประจำห้อง แน่นอนหล่ะ "ผมนั่งหลังสุด" ใกล้ประตู พร้อมที่จะเหม่อลอย ปล่อยความคิดออกไปนอกห้อง ดีดปากกาป็อกแป๊กๆ นั่งเขย่าขา และชวนเพื่อนคุย


บอกเลย "ผมเข้าไม่ถึงครู" "ครูก็เข้าไม่ถึงผม" ถ้าเดินผ่านกันเราคงจำกันไม่ได้...


  • วิชาเลข ผมต้องมาลอกการบ้านเพื่อนตอนเช้าเพื่อส่งงาน ผมต้องนั่งรถเมล์ไปอนุสาวรีย์กับเพื่อน เพื่อติว เดอะเบรนด์ หรือทุกเย็นวันจันทร์ พุธ ศุกร์ต้องไปติวเอาหลังโรงเรียน เพราะฟังที่นี่เข้าใจกว่าเรียนในห้อง บอกตรงๆ ว่าผมต่อไม่ติด จัดระเบียบความคิดไม่ได้ ว่านี่มีนบทไหน เรียนเพื่ออะไร
  • วิชาภาษาไทย สังคม ค่อยสนุกหน่อย แต่ละคาบครูมีทักษะการเล่าเรื่องที่ชอบมากๆ ครูเล่าวรรณกรรมเรื่องต่างๆ ตั้งแต่พระอภัยมณี ขุนช้างขุนแผน ราชาธิราช ไปจนรามเกียรติ์ และหนังสืออ่านนอกเวลาอย่างปุลากง ส่วนสังคม ครูนี่เก่งมากเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ไทยและโลก ภูมิศาสตร์ไทยและโลก เศรษฐกิจเอเซีย และกลุ่มต่างๆ รวมทั้งวิชาวางแผนครอบครัว วิชาประชากรก็ได้เรียน แต่อย่างไรก็ตามผมต้องไปติวช่วงเย็น บ้านครูต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจเนื้อหา และทดลองทำข้อสอบเอ็นท์ที่ครู จัดหามาให้ บางทีข้อสอบนี้ก็บังเอิญ "ตรงกับข้อสอบกลางภาค และปลายภาค" พอดี


ปล. ไม่ต้องพูดถึงวิชาหน้าที่พลเมือง ไม่มี ไม่เข้าใจหรอก


  • วิชาภาษาอังกฤษ ฟัง-พูด อ่าน-เขียน ยิ่งแล้วใหญ่ เรียนในห้องไม่รู้เรื่องเลย เรียงไม่ถูก เดี๋ยวเช้า เดี๋ยวบ่าย เดี๋ยวเย็น เดี๋ยววันจันทร์ พุธ ศุกร์ ครูสอนอะไรผมจัดระบบไม่ถูก เลยต้องนั่งรถไปสะพานควาย ไปเรียนกับครูพี่แนน Enconcept ตั้งแต่ม.4 ท่องศัพท์เป็น อ่าน Paragraphs เป็น รู้ Structure ต่างๆ ก็ที่เรียนพิเศษ
  • วิชาวิทยาศาสตร์ นี่นั่งเรียนเป็นกลุ่มๆ 5-8 คนต่อโต๊ะ ผมจำได้ว่าเอื้อโอกาสให้ "คุย" กันอย่างเมามัน ครูยืนเลคเชอร์ตั้งไกล มองก็ไม่เห็น ไม่ได้มีสมาธิหรอก ถึงเวลาก็อ่านหนังสือเอา หรือไม่ก็ยืม เลคเชอร์เพื่อนมาซีรอกส์ อ่านทำความเข้าใจเอาเองเพื่อไปสอบ มีวิชาเดียวที่ได้ทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นอะไรที่สุดยอด คือ โครงงานทำถังดักไขมันกับเพื่อน แต่เราก็มั่วซั่วกันมากๆ เพราะไม่ได้เจอครูเลย ทั้งตอนคิดโจทย์ เจอกันอีกทีก็ตอนส่งรายงาน ที่ปรากฎชื่อผมบนหน้ารายงาน เพื่ออาจารย์จะได้ไปคิดเกรด (จำได้ว่าเราส่งเป็นกลุ่มสุดท้ายของระดับชั้น) เพราะต้องไปจ้างพิมพ์รายงานเสียนาน


ผมบอกเลย ตอนเด็กๆ ผมไม่ใช่คนเก่ง ผมไม่มีวินัยในการเรียนและทำการบ้าน ผมไม่มี "สมาธิ" มากพอที่จะฟังอะไรนานๆ เหมือนสมัยนี้ ผมชอบลงมือทำและทำงานกลุ่ม ผมชอบวิชาอะไรที่มันเกี่ยวข้องกับชีวิตของผม ผมอยากมีคุณค่ามีความหมาย และค้นพบศักยภาพตัวเองและพิเศษเหมือนเพื่อนคนอื่น ที่ได้ได้รับการยอมรับว่า "เก่ง" ผมชอบการได้รับคำชม มากกว่าการก่นด่า คนอย่างผมคงต้องการ ครู ที่เข้าถึงผม เข้าถึงใจผม เป็น Coach พิเศษ เพราะผมมัน "เด็กพิเศษ" ที่พร้อมจะออกนอกลู่นอกทางเสมอ


ย้อนคิดพินิจนึกแล้วก็ ขำตัวเองเหมือนกัน เอาตัวรอดมาได้ยังไง


เลยจึงขอยืนยันอีกเสียงเลยว่า ครูดี... มีชัยไปกว่าครึ่งจริงๆ โดยเฉพาะครูของเด็กๆ ทั้งหลาย


ถ้าแวดวงการศึกษากำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ผมจะเป็นคนหนึ่งที่จะใช้ความรู้ ความสามารถ ที่ครูสร้างแรงบันดาลใจ ครูฝึกทักษะ และครูที่ผมรักและเป็นแบบอย่างที่ดีตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยจนจบมาเป้นผู้เป็นคน ทำมาหากินได้จนทุกวันนี้ ผมจะร่วมเปลี่ยนแปลงในจุดเล็กๆ ที่ผมสามารถทำได้




http://tdri.or.th/multimedia/thinkx2-52/