ฤาเบื้องหลังคือความงาม.. บทเรียนจากเวทีสัญจรครั้งที่ 2 @ อ.ละงู จ.สตูล...5-7 ก.ย. 2555
Atomdony Modtanoy

โดย คุณรานี อุปรา

ฤาเบื้องหลังคือความงาม..

บทเรียนจากเวทีสัญจรครั้งที่ 2 @ อ.ละงู จ.สตูล...5-7 ก.ย. 2555

 

  กลับจากสตูลครั้งนี้..มีหลายสิ่งหลายอย่างบ่มเพาะอยู่ภายในลึกๆ..ที่จริงมัน เกิดขึ้นระหว่างทางของการเรียนรู้ ที่ไม่รู้จะบอกเล่าเป็นคำพูดในวงสะท้อนการเรียนรู้ได้อย่างไรดี?...นึกถึงคำ พูดใครบางคนในวงสุนทรียสนทนากับอ.ประมวล ครั้งหนึ่ง.. 

          “พลังของความรู้สึกช่างมากมายเกินที่เราจะต้านทานควบคุมได้ไหว..”

 

  สองสามวันที่ผ่านมา มีหลายเรื่องราวของความรู้สึกผ่านมาให้ได้สัมผัสรับรู้..และมันช่วยยืนยัน พลังงานดังกล่าวได้ชัดเจนขึ้น..

 

ณ บ้านหลอมปืน อ.ละงู จ.สตูล

 

         หลังเวทีชาวบ้าน ที่พวกเรามีโอกาสได้ไปเห็น “แผ่นดินงอก” เข้าไปในท้องทะเลจากความพยายามในการฟื้นคืนป่าชายเลนของชาวบ้านด้วยตาตัวเอง- จู่ๆ ฉันก็นึกอยากถามขึ้นมา...

 

  ทำไมลุงผู้ใหญ่ถึงอยากปลูกป่าชายเลน?...

 

  คิดในใจว่าคำตอบที่ได้รับก็คงไม่พ้นภาระหน้าที่ของแกนนำชุมชนที่อยากเห็นหมู่บ้านพัฒนามากกว่าที่เป็นอยู่-แต่ทว่า..

 

           “มันเป็นความฝันของภรรยาผม”...

 

           ฉันเงยหน้าขึ้นมองทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงสั่นเครือ แววตาของผู้นำที่เคยมุ่งมั่น จ้องเขม็งมาที่ผู้พูด และน้ำเสียงที่เด็ดขาดในเวทีก่อนหน้านี้หายไปในพริบตา..สายตานั้นกลับทอดยาว ไปตามผืนดินที่ค่อยๆ งอกเงยเข้าไปในท้องทะเลอันเป็นผลจากการลงมือปลูกต้นโกงกางเพื่อพยายามฟื้น คืนป่าชายเลนของผู้ใหญ่บ้านและภรรยาเมื่อสิบกว่าปีก่อน ด้วยความฝันอยากเห็นธรรมชาติที่งดงาม ทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์กลับคืน..ทั้งสองคนลงมือทำตามความฝันด้วยความสุขใจ ที่ได้ร่วมกันสร้างฝันในอนาคต แต่เพียงไม่กี่ปี “เจ้าของความฝัน” ได้จากไป และทิ้งฝันนั้นให้ลุงผู้ใหญ่สานต่อ กระทั่งหลายปีที่ผ่านมาได้มีแนวร่วมหลายคนมาช่วยลุงผู้ใหญ่สร้างผืนป่าชาย เลนแห่งนี้ จึงทำให้ฉันได้รู้จักและมีโอกาสเห็น “แผ่นดินงอก” เข้าไปในทะเลด้วยตาตัวเองในวันนั้น..

 

            สายตาที่ทอดยาวไกลไปในเวิ้งทะเล และประโยคสุดท้ายของลุงผู้ใหญ่ที่ฉันได้ยินก่อนเดินทางกลับ ยังสั่นไหวอยู่ในใจ..

 

            “หากพระเจ้าให้ลุงสานต่องานนี้..ลุงก็จะทำไปเรื่อยๆ เผื่อว่าทางเดินนี้จะเป็นหนทางให้ลุงได้ไปพบกับหวา สักวันเราคงได้เจอกัน..” (หวา = ป้า ในภาษาท้องถิ่น)

 

              ฉันรู้สึกเหมือนลุงผู้ใหญ่กำลังพูดกับใครบางคนที่รออยู่อีกฟากฝั่งหนึ่ง..

 

              เรื่องราวนอกเวทีชาวบ้าน..บางทีมีสิ่งที่เกินคาดหมายอยู่มากมาย- ใครจะคิดว่าผู้นำที่มุ่งมั่นในการพัฒนาหมู่บ้านคนหนึ่ง ลงมือปลูกป่าชายเลนด้วยพลังความรักต่อหญิงสาวคนหนึ่งที่ได้จากเขาไปเมื่อ หลายปีก่อนและเธอได้ทิ้งความฝันของเธอไว้ให้เขาสานต่อมาได้จนถึงปัจจุบัน.. 

             แต่ทว่าดูเหมือนพระเจ้าไม่ได้ใจร้ายให้ลุงผู้ใหญ่ทำหน้าที่นี้เพียง ลำพัง..หรือไม่เธอคนนั้นก็ไม่ได้ทิ้งไว้แต่ฝัน เพราะสามปีก่อนที่ “ผลผลิตจากความรัก” ของทั้งคู่ได้เติบโตและกลับมาช่วยสานต่อความฝันของแม่และพ่อในวันนี้...

 

             แม้น้ำเสียงและแววตาจะแข็งกร้าว แต่ใจที่มุ่งมั่น เด็ดเดี่ยวนั้นทำให้ฉันเห็นพลังบางอย่าง..

 

             "แม้จะมีคนมาช่วยปลูกป่า แต่ผมเชื่อว่าลึกๆ แล้ว ตอนนี้พวกเขายังไม่ได้มาเพราะอยากฟื้นป่า มีบางอย่างที่มันระเบิดอยู่ภายในกับคำพูดที่ว่า ‘ทนไม่ได้’ ที่เห็นผู้ใหญ่ปลูกป่าตามลำพัง..”

 

             หลายเรื่องราวที่เราแลกเปลี่ยนกัน ทำให้ฉันนึกถึงจุดเริ่มต้นของการสร้างฝายชะลอน้ำที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งทางภาค เหนือที่ไม่ได้เริ่มมาจากการอยากสร้างฝายชะลอน้ำ ของชาวบ้านแต่มันมาจากการที่ต้องการช่วยรักษาคนๆ หนึ่งที่พวกเขาคิดว่าอาจจะเป็นบ้าได้ เพราะคนๆ นั้นอยากทดลองสร้างฝายมาก..ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านยอมลงมือทดลองสร้างฝายชะลอ น้ำเพียงเพื่อต้องการช่วยพี่น้องที่เป็นคนบ้านเดียวกัน ไม่ได้เห็นความสำคัญของฝายเลยในครั้งแรก..กระทั่งปัจจุบันหมู่บ้านนี้กลาย เป็นหมู่บ้านที่ได้รับรางวัลต่างๆ มากมายจากการสร้างฝายชะลอน้ำ เพราะชาวบ้านเห็นประโยชน์จากการสร้างฝายหลังจากนั้น..

 

            ดูเหมือนสิ่งที่เราแลกเปลี่ยนกันจะคล้ายคลึงและเป็นเรื่องราวเดียวกัน.. “การระเบิดจากภายใน” หรือ “เรื่องราวของความรู้สึก” อยู่ในความสนใจของเราทั้งคู่ที่มองเห็นความสำคัญของจุดเริ่มต้นที่ “ใจคน”...

 

            “ผมอยากรู้ว่าอะไรที่อยู่ในใจของคนที่มาช่วยปลูกป่า..”

 

             นั่นสิ..ฉันก็อยากรู้ และหวังว่าคงได้มีโอกาสฟังคำบอกเล่าจากเขาสักวันว่าเขารู้แล้วหรือ ยัง?...แต่อย่างน้อยๆ วันนี้ฉันก็ได้เดินทางกลับพร้อมกับการสัมผัสถึง “ความงามของนักพัฒนาสองวัย”...ในขณะที่พ่อกำลังลงมือทำให้เห็นด้วยการปลูกป่า ลูกชายก็กำลังบรรจงปลูกความคิดลงในใจพ่อของเขาทีละน้อยๆ..

 

             แม้จะมีคำบอกเล่ามากมายที่สื่อไปในทางถกเถียง และคนละแนวทางของพ่อและลูกชาย ที่ทำงานกันคนละความเชื่อ คนละมิติ หรือยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป..แต่ความแตกต่างหลากหลายก็ยังมีความงดงามอยู่ เสมอ และฉันก็เชื่อลึกๆ ว่าเขาทั้งคู่กำลังสานต่อความฝันที่ใครบางคนมอบหมายไว้ให้ เพราะนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวดังกล่าว- เธอคนนั้นช่างมีพลังเสียจริง..

 

             ขอบคุณการเดินทางช่วงสั้นๆ ที่ทำให้ฉันเชื่อมั่นในพลังดังกล่าวมากขึ้น เพราะแม้กระทั่งช่วงเวลาระหว่างวันที่วงกินข้าว ศาลาพักผ่อน ที่ห้องพัก หรือ ในห้องประชุม ที่เราได้แลกเปลี่ยน แบ่งปันสารทุกข์สุกดิบจากพี่น้องต่างถิ่น..คำบอกเล่าถึงเรื่องความรู้สึกยัง คงเป็นพลังที่มากมายมหาศาลของคนทำงานชุมชน..

 

             พี่น้องที่ตรัง บอกเล่าถึงพลังที่พวกเขาได้รับจากการสะท้อนความรู้สึกของผู้เฒ่าผู้แก่ที่ ไม่อยากสูญเสียผืนแผ่นดินที่พวกเขาเคยทำนามาตั้งแต่บรรพบุรุษให้กับคนต่าง ถิ่น วันนี้แม้เรี่ยวแรงจะไม่มีเหลือ แต่ใจของผู้เฒ่าหลายคนยังพร้อมสู้เพื่อรักษาผืนแผ่นดินของบรรพบุรุษเอา ไว้..พี่น้องระนอง และหลายๆ คน บอกกล่าวถึงพลังที่ได้รับจากวงสนทนาแลกเปลี่ยนในการทำงานเป็นทีมและกำลังใจ จากครูบาอาจารย์-พี่เลี้ยงอาวุโสที่สร้างพลังการเรียนรู้เชิงความคิดทักษะ ต่างๆ มากมาย..สำคัญยิ่งการสัมผัสถึงแววตาที่มุ่งมั่นของชาวบ้านและน้ำเสียงแห่ง ความเมตตาซึ่งเป็นภาษาที่ต้องใช้ใจอ่านจึงจะเข้าถึง..ท้ายที่สุดแม้ทีมเจ้า ภาพสตูลจะรู้สึกว่าบรรยากาศกรึ่มๆ แต่เชื่อว่าหลายคนสัมผัสถึงความตั้งใจ และความพยายามในการเอาใจใส่ดูแลด้วยน้ำใสใจจริงของเจ้าบ้านเยี่ยงญาติมิตร..

 

             ตลอดช่วงเวลาสองสามวันกลางบรรยากาศมืดฟ้ามัวดินนั้น มีความอบอุ่นของพี่น้องผองเพื่อนคอยเติมกำลังใจให้กันอยู่ตลอดเวลา..ความไม่ สมบูรณ์แบบใดๆ จึงมิอาจทำลายมิตรภาพที่ค่อยๆ บ่มเพาะขึ้นในใจของพวกเราได้..แสงเทียนที่อาจริบหรี่ หรือ ดับไปบ้างในบางเวลาที่อ่อนล้าก็คงไม่สามารถทำให้เส้นทางเดินสู่จุดหมายนั้น มืดมิดได้ เพราะมีไฟหลายดวงที่กำลังช่วยกันส่องทางให้พวกเราก้าวเดินไปข้างหน้าด้วย กัน..สักวัน เราจะถึงจุดหมายเดียวกันได้แน่นอน...

 

                            .........................................................................