ศุภชัย เสมาคีรีกุล : โครงการการใช้กีฬาในการสร้างพลังความร่วมมือกลุ่มเยาวชนทือกเขาบาตู

นายศุภชัย เสมาคีรีกุล (บี้) อายุ 21 ปี จบมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนหอปริยัติหริภูญชัย จังหวัดลำพูน


โครงการการใช้กีฬาในการสร้างพลังความร่วมมือกลุ่มเยาวชนทือกเขาบาตู

สัมภาษณ์วันที่ 19 มกราคม 2563

­

­

ถามขอให้แนะนำชื่อจริงนามสกุลชื่อเล่น แล้วก็เราเรียนจบอะไรมา?

ตอบ ผมชื่อนายศุภชัย เสมาคีรีกุล ชื่อเล่นบี้ จบมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนหอปริยัติหริภูญชัย จังหวัดลำพูนอายุ 21ย่าง 22 ปี ครับ

­

ถามเราเรียนถึง ม.6 ไม่เรียนต่อเพราะว่าอะไร?

ตอบ ผมเลือกที่จะหยุดเรียนเอง ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ผมไม่รู้สึกว่ามีอาชีพไหนที่อยากทำ ไม่มีอาชีพไหนที่ผมทำแล้วจะมีความสุข การอยู่บ้านทำไร่หมุนเวียน ทำงานกับชุมชนแบบนี้ เป็นสิ่งที่ผมมีความสุขที่สุด เลือกที่ไม่เรียนต่อ มีผู้ใหญ่บางท่านที่ถามว่าอยากเรียนต่อไหมณ ตอนนี้ผมตอบแบบไม่ลังเลคือไม่เรียนต่อ ผมไม่ชอบระบบ

­

ถามระบบการศึกษา?

ตอบ ใช่ครับ ผมรู้สึกไม่ค่อยชอบ ณ ตอนนี้ แต่ในอนาคตผมอาจจะมีความคิดที่เปลี่ยนก็ได้ ผมไม่ชอบการถูกบังคับ ผมว่าทุกคนมีสิทธิ์ สามารถใช้สิทธิ์ของตัวเองได้ คือ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมไปสมัครครูหอ ที่โรงเรียนเก่าของผม ผมไปไม่ได้ตั้งใจไปพ่อแม่อยากให้ไป พ่อแม่อยากให้ลูกมีอาชีพ ผมไม่อยากไปพอผมมาคิดดูว่า ถ้าไปเป็นครูหอได้อยู่กับน้องๆ นักเรียน กลุ่มเยาวชนก็ตอบโจทย์เหมือนกัน ลองไปสมัครอแต่ไม่ได้ ผมโชคดีที่ไม่ได้และโชคร้ายที่ไม่ได้เหมือนกัน คือ ถ้าผมได้ตำแหน่งครูหอ ผมมีความคิดหลายอย่างที่จะทำ แต่ว่าทางระบบราชการคงไม่ยอมรับความคิดเห็นของผมแน่ๆ

­

ถามสนใจเรื่องสิทธิของมนุษย์ตั้งแต่เมื่อไหร่?

ตอบ ประมาณสักห้าหกปีมานี้


ถามมีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้เราคิดว่าทุกคนน่าจะมีสิทธินะ?

ตอบ น่าจะเป็นการซึมซับผมไม่แน่ใจว่าเป็นเหตุการณ์ไหน ก่อนหน้านั้น ตอนเรียนจบ ม. 6 ได้ไปร่วมค่ายกับชมรมของมหาวิทยาลัยที่เชียงใหม่ เกี่ยวกับกะเหรี่ยงและสิทธิของกะเหรี่ยง ช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีข่าวปู่ ปู่คออี้ทุกวันนี้ก็ยังเจอปัญหาเดิมเรื่อยๆ การถูกมองข้ามของกลุ่มชนเผ่าอย่างเรา รู้สึกว่าในเมื่อเราก็เป็นคนๆ นึง คุณก็เป็นคนๆ นึง ทำไมต้องเอาเปรียบเรา คุณเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเงินเดือนของคุณ เราด้วยซ้ำที่ให้คุณ ที่จริงคุณต้องไหว้ผม แต่นี่คุณทำตัวเหมือนเป็นเจ้านายเราด้วยซ้ำ ผมไม่ชอบเลยครับ พอมีงานประชุมที่เกี่ยวกับอะไรแบบนี้ ผมสนใจอยากเข้าร่วมเป็นประจำทุกครั้ง

­

ถามนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เราสนใจเข้ามาร่วมโครงการไหม?

ตอบ มีส่วนด้วยครับมันอาจจะไม่ทั้งหมด ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ทำโครงการนี้ ผมก็ทำงานให้กับชุมชนเป็นหูเป็นตาให้กับชุมชน


ถามทำไมเราถึงสนใจมาสมัครทำโครงการนี้?

ตอบ เป็นช่องทางอีกทางหนึ่งที่จะทำให้ผมมีเพื่อนเยอะขึ้น ได้เครือข่ายที่อาจจะเข้มแข็งขึ้น เราทำหกหมู่บ้านได้เจอพี่น้อง ได้เจอเพื่อนเยอะขึ้นแน่นอน


ถามจุดเริ่มต้นของการทำงานชุมชนของเราคืออะไร?

ตอบ มีพี่ที่กลุ่มบอกว่าจะมีการประชุม ไม่รู้ว่าหมู่บ้านเราจะโดนอุทยานประกาศทับเขต จึงไปร่วมประชุม พี่ๆ บอกว่าต้องการขอบเขตของหมู่บ้าน เราไม่มีข้อมูลในส่วนนี้ ว่าเราโดนอุทยานทับขนาดไหน พอกลับมาที่หมู่บ้าน ผมมาทำการเดินขอบเขตหมู่บ้านด้วย GPS นับเป็นครั้งแรกที่ทำให้ชุมชน


ถามตอนที่เดินชี้เขตด้วย GPS รอบหมู่บ้านรู้สึกอย่างไร เห็นหมู่บ้านเราเป็นอย่างไร หรือตัวเรารู้สึกอย่างไร?

ตอบ เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน พอทำแบบนั้นผู้หลักผู้ใหญ่คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านบางกลุ่มสนับสนุนดีมาก แต่บางกลุ่มก็ยังไม่เข้าใจ กลุ่มที่เข้าในให้ความร่วมมือ เราเดิน GPS เราเดินเฉพาะเด็กไม่ได้ ชาวบ้านที่รู้ว่าขอบเขตอยู่ตรงไหนก็ไปด้วย ในการเดินต้องไปนอนในป่าด้วย ชาวบ้านสนับสนุนเงินซื้อกับข้าว ทุกหลังคาเรือนละ 100-200 บาท


ถามโครงการนี้สร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรให้กับเราบ้าง บี้สมัยก่อนกับบี้หลังจากทำโครงการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เรื่องอะไรบ้าง การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นเรื่องความคิด เรื่องทักษะหรืออื่นๆ?

ตอบ การยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่นดีขึ้น เมื่อก่อนสมมติว่าเราเสนอความคิดเห็นปุ๊บ ถ้าคนไม่เห็นด้วยกับเรา จะรู้สึกว่า felt รู้สึกน้อยใจ ตอนนี้ยิ่งคนไม่เห็นด้วยยิ่งดีจะได้แลกเปลี่ยนกัน


ถามอะไรในตัวบี้ที่ทำให้เลิกน้อยใจ คิดมากยอมรับความคิดเห็นของคนอื่น มองเห็นความแตกต่างคือความหลากหลาย?

ตอบ เรื่องสิทธิครับ ในเมื่อเรามีสิทธิจะเสนอเขาก็มีสิทธิเสนอ


ถามเรื่องอะไรอีกนอกจากการยอมรับความคิดเห็นคนอื่น มองจากพัฒนาการของตัวเอง?

ตอบ การมีเหตุผล การยอมรับน่าจะคล้ายกัน ใกล้เคียงกัน

­

ถามเข้าใจคนอื่นมากขึ้น?

ตอบ เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น จากเมื่อถ้าคุณไม่เห็นด้วยเราก็รู้สึกอารมณ์ร้อน


ถามตอนที่ทำงานมีไม่เห็นด้วยกับความคิด หาจุดลงรอย หาทางออกร่วมกันได้อย่างไร?

ตอบ ผมเสนอ เขาเสนอ พอมันไม่เหมือนกัน เราก็ชั่งน้ำหนักว่าของใครมีมากกว่ากัน ยอมรับกัน


ถามเอาเหตุผลมาคุยกัน โดยมองเป้าหมายเป็นหลัก?

อบ เป้าหมายและในเหตุการณ์นั้น เหตุผลของคนเสนอมีมากพอ เพียงพอให้ทุกคนยอมรับได้ เราเอาของคนนั้นเลย ไม่จำเป็นต้องเอาของหัวหน้า หรือ ของรองหัวหน้า


ถามพอเราเห็นความแตกต่างของคนอื่น เราเสนอได้เขาก็เสนอได้ เราเข้าใจคำว่าเคารพสิทธิมากขึ้น?

ตอบ ครับ


ถามเป็นเรื่องการรับฟัง ความเห็นเราอาจจะตกไปบ้าง แต่เราได้ยินความคิดเห็นใหม่ขึ้นมา ภาวะอย่างนี้ทำให้เราเข้าใจว่ามันมีเหตุผล เหตุผลคือแบบนี้ ไม่ใช้อารมณ์มาเป็นตัวตัดสิน ฟังชั่งน้ำหนักได้ เข้ามาสู่การที่คุณเสนอฉันเสนอเป็นความร่วมมือกัน คนเราจะไปด้วยกันได้ต้องมีของฉันและของเธอไม่ใช่มีแต่ฉันคนเดียว มีความร่วมมือเกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกันตรงนี้?

ตอบ ครับ อีกอย่างผมรู้สึกว่า คนทุกคนไม่มีใครเก่งกว่าใคร เก่งรุ่นพี่จะเก่งอย่างไร ไม่จำเป็นว่ารุ่นน้องต้องตามรุ่นพี่เสมอไป มันไม่จำเป็น ผมรู้สึกแบบนั้น ผมรู้สึกว่าจะมีใครรู้ไปเสียทุกเรื่อง ที่น้องรู้พี่อาจจะไม่รู้ก็ได้ ผมคิดแบบนี้


ถามอะไรยากที่สุดสำหรับในการทำโครงการหกเดือนนี้?

ตอบ ทุกอย่างยากที่สุด


ถามโครงการนี้เป็นเรื่องใหม่สำหรับเรา?

ตอบ เรื่องใหม่เพราะเราทำโครงการเป็นครั้งแรก ถ้าการทำงานระบบระเบียบแบบนี้ เป็นสิ่งใหม่คือยังไม่เข้าใจเรื่องบัญชี ผมไม่ค่อยเข้าใจเพราะไม่ได้รับผิดชอบ


ถามประทับใจอะไรที่สุดตั้งแต่ทำโครงการ?

ตอบ ประทับใจเพื่อนครับ เพื่อนยังอยู่ ณ ตอนนี้ก็ยังให้กำลังใจซึ่งกันและกันดี เพื่อนรับฟังเราด้วย ถึงแม้ว่าพี่จักรเป็นรุ่นพี่ ก็ฟังคุยกันได้เป็นพี่และเพื่อนกันได้


ถามในหกเดือนบี้ได้รับกำลังใจจากใครบ้าง?

ตอบ น้องๆ น้องที่หมู่บ้าน รุ่นน้องที่เราจัดค่ายให้เขาแต่ละครั้ง เขาก็ชมพี่ๆ เก่งสุดยอด นี่คือกำลังใจอย่างดีเยี่ยมสำหรับผม ในโครงการก็มีเพื่อน คนไหนที่ชวนแล้วเขาให้ความร่วมมือไปด้วยเอาด้วย ก็เป็นกำลังใจให้เราอย่างดี


ถามตอนเขาเข้ามาชื่นชมเราว่าพี่เจ๋ง รู้สึกอย่างไรตอนนั้น?

ตอบ ตื้นตันครับ

­

ถามรู้สึกภูมิใจมั่นใจขึ้นไหม?

ตอบ ภูมิใจขึ้นมาก มีกำลังที่อยากทำให้เขาต่อ ส่วนความมั่นใจไม่เท่าไร่ ผมรู้สึกว่าน้องเขาชม แต่เราก็ยังไม่มีศักยภาพดีร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังมีข้อบกพร่องเยอะแยะ ยังไม่มีความรู้อีกหลายด้าน

­

ถามอะไรที่ทำให้เราเปลี่ยนเป็นคนที่มีเหตุผล ใจเย็นฟังคนอื่นในโครงการ อะไรที่ทำให้เราเปลี่ยนเป็นคนแบบนี้?

ตอบ ได้สัมผัส ได้เห็นจากคนอื่นครับ อย่างค่ายนี้ พี่เลี้ยงปล่อยให้น้องทำกิจกรรม ให้น้องแสดงความคิดเห็น น่าจะได้จากส่วนนี้


ถามการเปิดพื้นที่ของพี่เลี้ยง?

ตอบ ใช่ครับ


ถามการได้เห็นโครงการอื่นมีส่วนด้วยไหม ?

ตอบ ครับใช่ เราบางทีเราดูถูกเขาด้วยซ้ำ พอเราเห็นผลงานของเขาสุดยอดมากเลย


ถามอะไรที่ทำให้เรากล้าแสดงความคิดความรู้สึกที่มีต่องานของเพื่อน?

ตอบ ในเมื่อผมมีเหตุผลเพื่อนๆ ก็น่าจะมีเหตุผลด้วย ผมยอมรับเขา เขาก็น่าจะยอมรับผม ผมไม่คิดเยอะเวลาแสดงความคิดเห็น ผมเป็นคนพูดเยอะตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ว่ายังขาดการเรียบเรียงคำ ที่ผมกล้า Comment ก็เป็นคนที่รู้จักกัน กล้ามากกว่าคนที่ไม่รู้จักเลย


ถามความฝันของเราคืออะไร?

ตอบ ผมอยากทำให้ครอบครัวมีความสุขที่สุดครับ คือ การทำโครงการนี้มันเสียเวลาไปเยอะสำหรับผม ถ้าเทียบกับเวลาที่ให้แม่และครอบครัว การที่ผมทำ พ่อแม่ผมไม่ได้อะไรเลย แม้ว่าจะได้บ้างก็น้อยมากๆ


ถามมีความรู้สึกผิดในใจ หรือว่าอย่างไร?

ตอบ ใช่ครับมี บางทีแม่ก็บอกจะทำไปทำไม ในเมื่อเราก็ไม่ได้ประโยชน์คนเดียว คนในชุมชนก็เยอะแยะ ไม่เห็นลุกขึ้นมาแบบนี้


ถามบี้ฝันต่อชุมชนอย่างไร ถึงได้ตัดสินใจมาทำ?

ตอบ อยากให้ชุมชนมีอยู่ มีอาชีพทำไร่หมุนเวียน ถ้าไม่มีไร่หมุนเวียน อยู่ไม่ได้ ตายเลย เพราะเราไม่มีใครทำงานบริษัท ไม่มีใครทำงานมีเงินเดือน ถ้าเราคิดเป็นตัวเลข จำนวนเงินของแต่ละชุมชนที่ผมเก็บข้อมูล บางคนในแต่ละปีมีเงินเข้าแค่ 2500 บาทต่อครัวเรือนต่อปี ทำไมเขาอยู่ได้ ก็เพราะเขามีไร่หมุนเวียน


ถามบี้ได้บอกเรื่องนี้กับแม่ไหม?

ตอบ บอกบางครั้งที่ผมท้อ ผมก็บอกแม่ว่าเสร็จการประชุมนี้ผมเลิก ผมจะไม่ทำและกลับไปอยู่กับแม่ แต่พอได้เจอกับน้องๆ เพื่อนๆ ใหม่ ก็ทิ้งแม่ไปอยู่กับน้องๆ อีก


ถามเรากำลังทำสิ่งยิ่งใหญ่นะ ในฐานะที่ต้องเสียสละบางอย่าง แต่แท้ที่จริงก็ทำเพื่อพ่อแม่ครอบครัว ชุมชนที่จะให้มีไร่หมุนเวียนอยู่?

ตอบ ใช่ครับ ความฝันที่ผมอยากทำมากที่สุด ถ้าผมทำให้พ่อแม่ผมมีความสุขได้ ผมจะทุ่มเทให้กับชุมชน เยาวชนได้มากกว่านี้อีก ใจยังคิดถึงพ่อแม่อยู่ กำลังจะก้าวออกจากบ้านมา ใจยังกังวลข้างหลัง ไม่ค่อยเต็มที่ มีหลายครั้งที่ผมมาค่าย ผมคิดว่าจะเครียดถ้าผมไม่มา เพื่อนก็ไม่มา ตัวเองเป็นหัวหน้าโครงการถ้าไม่มาแล้วใครจะมา แต่มาแล้วไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรสักอย่าง มาเข้าค่ายสามวันไม่ได้อะไร กลับไปเลย ไม่ใช่ว่าพี่เลี้ยงไม่ดี แต่ว่าเราไม่พร้อมเอง เราคิดถึงข้างหลังเสมอเรากังวลตลอด ถ้าเราอยู่บ้านเราก็น่าจะช่วยพ่อแม่ทำงานที่บ้านเสร็จงานบางส่วน มันน่าจะเกิดประโยชน์ แต่พออกมาก็คิดเยอะมาก สิ่งที่ผมจัดการได้คือ ผมพยายามที่จะไม่คิดมาก เมื่อไหร่ที่ผมคิดมาก ผมอยากปล่อยออกไปทั้งหมด ลืมออกไปทั้งหมด คิดว่าถึงแม้จะคิดว่ามันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ก็ได้ช่วยส่วนหนึ่ง ทำให้คิดน้อยลง แต่จะวางทั้งหมดก็ไม่ได้ เราไม่ใช่พระอรหันต์ กลับมาอีกเราก็พยายามอยู่นี่ ก็ไม่มีเวลาที่จะรับข้อมูลจากพี่ๆ เลย


ถามการทำอะไรที่มันพอดี มันน่าจะมีอยู่มันอาจจะเป็นช่วงของเรา เวลาที่เรามีอุดมการณ์เป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนเรา แต่เมื่อไรก็ตามที่เราข้างหลังยังไม่เรียบร้อย มันก็จะฉุดเราอยู่อย่างนี้ มันจะทำให้เราไปไม่สุดสักทาง มันอาจจะถึงเวลาทบทวนตัวเอง ลองเรียงลำดับสิ่งไหนที่อยากทำก่อน ไม่ทิ้งใคร?

ตอบ ครับ


ถามสิ่งไหนที่อยากทำก่อนแล้วมันจะหล่อเลี้ยงเรา เราก็อยู่ได้เพราะอุดมการณ์นี่ล่ะ แต่พ่อแม่ก็เป็นสิ่งที่เรายังห่วงอยู่ ถ้าเรายังวางและจัดสมดุลใหม่ ก็อาจจะเพิ่มพลังให้เราขับเคลื่อนกันไปได้ อะไรที่มันลำดับได้วางได้ก็วางไว้ก่อน มีความจำเป็นก่อนก็ทำ เห็นคนหลายๆ คนที่ต่อสู้ไปสุดโต่งสุดทางแล้วก็มันสุดไปมากๆ ไปอยู่จุดที่มันกลับมาไม่ได้ ก็จะทุกข์ไปอีกแบบเราก็ยังอยู่ในช่วงที่ ไม่มีอะไรที่จะเกินไปหรอกก็อยู่ที่เราจะจัดสรร ให้กำลังใจเพราะตัวเองก็อยู่ในจุดนั้น มาก่อนที่เราสุดท้ายถ้าเราไม่มาเก็บตกข้างหลังเราก็จะเป็นสิ่งที่ติดใจเรา เราก็จะไปไม่สุดจริงๆ นะ ต่อให้ขับเคลื่อนยิ่งใหญ่ขนาดไหน

ตอบ แต่ความรู้สึกในหมู่บ้านผมไปอยู่ที่จุดที่มันสูงแล้วพอสมควร ถ้าผมปล่อยมันก็ยาก รู้สึกตอนนี้ ยังไงดีครับ

­

ถามทำต่อไปไม่ต้องคิดเยอะเพราะว่า เอาความรู้สึกตัวอยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า วันนี้บี้มีโอกาสได้เรียนรู้กับพี่ๆ พี่เลี้ยง ในค่ายใจบี้ก็อยู่ตรงนั้น วันนี้บี้มีโอกาสได้อยู่กับครอบครัวไปไร่ ก็เอาใจอยู่ตรงนั้นไม่ต้องคิดเรื่องงานที่ต้องมาทำเครือข่าย วันนี้ที่บี้กำลังประชุมอยู่กับน้องๆ เยาวชนบี้ก็เอาใจอยู่ตรงนั้นแล้วก็ทำพอใจเรามันอยู่ตรงที่ไหน งานมันก็งอกงามจัดสมดุลในวัย 21 ปี ที่จะต้องเลือกพี่คิดว่ามันหนักหนาเกินไปสำหรับพลังงานวัยรุ่นของเรา แต่ขอให้เราเอาใจของเราที่จะอยู่กับที่ตรงนั้นไปเลยแล้วบี้ก็จะเห็นว่าผลประโยชน์จะงอกงาม เวลาที่เราปลูกข้าวไร่ต้นไม้ใจเราก็อยู่ตรงนั้น ต้นไม้เติบโต พอเราเอาใจของเรามาอยู่ในวงเวียนการเรียนรู้ เราก็เห็นตัวเราร่างกายของเราหรือว่าความคิดของเราเติบโต พอเราเอาใจของเราอยู่กับแม่หรือคนรักของเรา ณ ตอนนั้นเราก็เห็นความรักความงามของเรา ใจเราเติบโต อาจจะดึงใจกลับมาอยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงนั้น พี่ชักชวนเราก็ทำต่อไปไม่ต้องเลือก ไม่เลือกก็ไม่แปลก
ถามถ้าจะถามว่าอยากจะก้าวข้ามข้อจำกัดอะไรในความเป็นเรามากที่สุดเราอยากจะก้าวข้ามเรื่องอะไร?

ตอบ ผมจัดการตัวเองเรื่องเวลายังไม่เป็น ถ้าจัดการเป็น คิดว่าความเครียดน่าจะน้อยลงมากๆ


ถามโชคดีนะที่เห็น บี้เป็นคนที่อธิบายความรู้สึกของตัวเองและการกระทำตัวเอง ซื่อตรงกับความรู้สึกพี่ไม่ค่อยเห็นวัยรุ่นอย่างเรา ที่จะอธิบายโลกภายใน หมายถึงความรู้สึกความคิดความเครียด หรือสิ่งที่มันมาทับซ้อนในตัวเราได้ดี การที่เราได้เริ่มต้นอธิบายตัวเราเองได้ชัด แปลว่าเรากำลังจัดการมันอยู่ ตอนที่พี่ 21 พี่ยังไม่ตั้งคำถามมากมายแบบบี้เลย เพราะบี้คิดเร็วแต่ค่อยๆ จัดการมันเร็วก็เจอหนทางเร็วแต่มันเป็นหนทางของชีวิต มนุษย์ทุกคนก็พึงจะต้องเดินทางมัน ถามโชคดีที่มีพี่มีน้อง
ถามถ้าถามเรื่องการเรียนรู้ของเราคิดว่าตัวเองเรียนรู้และเติบโตเรื่องอะไร?

ตอบ ในค่ายโครงการนี้เยอะมาก การทำงานแบบเป็นขั้นเป็นตอนละเอียด มีวินัยความรับผิดชอบ คือการที่เป็นหัวหน้าโครงการ พี่จักรก็เป็นได้แต่ทำไมผมถึงเป็น ทุกคนในกลุ่มคุยกันว่า อะไรที่ในกลุ่มเราไม่เป็นเราอยากให้ทำ เผชิญวัดความสามารถของตัวเองและพัฒนาไปเรื่อยๆ ผมก็ทำหน้าที่หัวหน้าโครงการได้ถ้าผมให้คะแนนตัวเองผมให้ 80/100 ถึงแม้ว่างานจะออกมาไม่สมบูรณ์ก็ตาม แต่ว่าผมทุ่มเทให้ความสำคัญกับกลุ่ม ผมอยู่กับมัน

­

ถามพี่ชื่นชมมากๆ ค่ะ ขอบคุณบี้มากครับ

ตอบ ขอบคุณครับ