วอนผู้ใหญ่หนุน“บีบอย” มองเป็นกีฬาสร้างวินัยให้กับเด็ก


เหล่าเยาวชนบีบอยร่วมกันวอนผู้ใหญ่ ให้เห็นความสำคัญของการเต้นบีบอย 

อยากให้มองเป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่ช่วยสร้างเด็ก เยาวชนให้มีวินัยและ

ช่วยสร้างให้ห่างไกลยาเสพติด อีกทั้งมีสุขภาพกาย-ใจแข็งแรง

BBOY ประเทศไทย ในนาม “ทีมพระสุเมรุ” ถือว่าเป็นกลุ่มแกนนำเยาวชนในเครือข่ายของมูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) ยังคงสานต่อเจตนารมณ์สนับสนุนเยาวชนไทยที่รักการเต้นสไตล์บีบอยให้มีเวทีประกวดเพื่อให้เยาวชนไทยไได้พัฒนาศักยภาพและเปิดโลกทัศน์ทางความคิด ความสามารถของตนเองต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 โดยปีนี้ได้มีการแข่งขันการประกวดเต้น BBOY ประจำปี 2560 ขึ้น โดยดึงประเทศอาเซียนทั้งพม่า ลาว เวียดนาม มาร่วมโชว์สเต็ป เมื่อวันที่11 มีนาคมที่ผ่านมา ณ ป้อมพระสุเมรุ กรุงเทพฯ มีเยาวชนบีบอยเข้าร่วมงานนับร้อยคน ผลคนไทยครองแชมป์ต่อเนื่องอีกปี ผู้เป็นแชมป์ประจำปีนี้ได้แก่ ทีม 11 - HIGHLOW

­

บรรยากาศของงานคลาคล่ำไปด้วยเยาวชนผู้รักการเต้นบีบอย หากมองแต่ภายนอกผู้ใหญ่อาจจะเกิดความกังขา เด็กวัยรุ่นเหล่านี้มารวมตัวทำอะไรกัน ทั้งเสียงดัง และบางคนมีรอยสักตามร่างกาย ด้วยทัศนคติที่ว่าเด็กที่มีรอยสักและการรวมตัวของเด็กวัยรุ่นซึ่งเป็นผู้ชายจำนวนมาก จะกลายเป็นแหล่งมั่วสุมหรือไม่ เมื่อเราได้เข้าไปพูดคุยกับเด็กวัยรุ่นเหล่านี้กลับทำให้ทัศนคติด้านลบนี้จางหายไปและเกิดความเข้าใจใหม่ว่า วัฒนธรรมบีบอยกลับช่วยบ่มเพาะเด็กส่วนใหญ่ให้ผ่านพ้นช่วงวัยรุ่นเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบและมีการงานทำที่มั่นคง

­

เรามาพูดคุยกับนายบุญประเสริฐ ศาลางาม หรือ “โอมาน” โต้โผใหญ่ของการจัดงานเผยว่าปีนี้ ได้ดึงประเทศเพื่อนบ้าน ทั้ง พม่า ลาว เวียดนาม ให้เข้ามาแข่งขันด้วย “เพื่อให้เด็กทุกคนได้มีโอกาสได้สัมผัสบรรยากาศแข่งขันเหมือนกันไม่ใช่เฉพาะบางทีมที่ได้ไปแข่งต่างประเทศ ปีนี้มีการแข่งขันบีบอย จำกัดแค่ 32 ทีมๆละ 5 ปีนี้ และมีเพิ่มการเต้น ทเวิร์ค เพื่อเป็นสีสันเท่านั้น” โอมานเกริ่น

จากภาพคนภายนอกที่ดูวงวงการบีบอยดูรุนแรงมีเรื่องยาเสพติดหรือเปล่า ถึงแม้เวลาเปลี่ยนไปวงการบีบอยก็ยังถูกมองจากคนภายนอกเหมือนเดิม “โอมาน” สะท้อนว่าเพราะคนที่มองเขาไม่เคยได้เข้าสัมผัส ตนเองอยู่วงการนี้มา 18 ปี ก็สามารถพิสูจน์ให้สังคมเห็นได้ว่าบีบอยสามารถเปลี่ยนแปลงเด็กๆ ไปในทางที่ดีขึ้นได้จริง “บีบอยสามารถเปลี่ยนความคิดของเด็ก ทำให้เด็กโตขึ้น ทำให้เด็กมีความคิดเป็นของตัวเองและเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เพราะเด็กที่จะเข้าสู่การเต้นบีบอยต้องรับผิดชอบตัวเองในการฝึกท่าเต้น บางท่าต้องใช้สมาธิและใช้ความคิดขณะทำท่านั้นเยอะมาก เมื่อเทียบกับเด็กรุ่นเดียวกัน ผมสัมผัสได้ว่าเด็กที่เต้นจะมีความคิดเป็นผู้ใหญ่กว่า”

“บีบอยมีหลายกลุ่มหลากหลายแต่กลุ่มที่ดั้งเดิมแบบพวกเรา จะเน้นสอนนิสัยและพฤติกรรมด้วย เรา ซีเรียสมาก ถ้าจะอยู่กับเราจะต้องมีนิสัยอย่างนี้ อันดับแรกคือต้องมีสัมมาคารวะ เจอกันต้องสวัสดีกัน ยกมือไหว้กัน ข้อสองคือเรื่องซ้อม เวลาจะเต้นต้องหาเวลามาซ้อม ต้องมีวินัยกับตัวเอง แต่ถ้าติดสอบ ติดเรียน ไม่ว่ากัน มีความอดทนเรื่องนี้สำคัญมาก เรื่องการพูดจาพวกเราก็จะสอนน้องห้ามพูดจาหยาบคาย ความฝันของตนอยากให้บีบอยได้เข้าไปอยู่ในช่วงลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ เพราะว่าการเต้นบีบอยฝึกให้เด็กมีวินัย โอมานจึงอยากจะฝากให้โรงเรียน หรือ ครู หากสนใจสามารถติดต่อกับตนเองได้โดยตรง ยินดีจะสอนให้ฟรี


ถัดจากโต้โผใหญ่มาคุยกับน้องๆ ทีม“11 Highlow” ที่เพิ่งชนะเลิศมาหมาดๆ มีสมาชิก 5 คนประกอบด้วย นายกันตภณ รอดสอาด(เต๋า) อายุ 22 ปี ,นายนวมินทร์ ลาภสุทธิอนันต์ (หนึ่ง) อายุ 24 ปี นายปฏิภาณ กุลวัฒนพันธ์ (แบงค์) อายุ 18 ปี นายพชร เอี่ยมจรัส (ฟ่า) อายุ 21 ปี และนายพิสิทธิ์ บุญนิธี( บาส ) อายุ 20 ปี ที่ปีนี้รวมทีมประกวดอีกครั้ง บางคนกำลังเรียนอยู่และบางคนก็เรียนจบและทำงานแล้ว“ถ้าไม่เต้นบีบอยวันนี้คงเป็นเด็กติดเกม นอนเฉยๆ อยู่บ้าน หรือไม่ก็อาจจะไปใช้ชีวิตในทางดีหรือไม่ดีก็ได้ แต่วันนี้บีบอยได้ให้ประสบการณ์ การใช้ชีวิตกับผม” เต๋าสะท้อนข้อดีของบีบอยเช่นเดียวกับเพื่อนคนอื่นๆ ในกลุ่มที่คิดเหมือนๆ กัน “การเต้นบีบอย ได้สุขภาพ เหมือนได้ออกกำลังกายไปในตัว และยังทำอาชีพได้อีกด้วย ผมใช้บีบอยเป็อาชีพมา 10ปีแล้ว” แบงค์ เสริม “แรกๆ พ่อแม่ก็ไม่โอเคที่เรามาเต้นบีบอย เขามองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ เราก็พยายามทำให้เขาเห็น ฝึกฝนพัฒนาตนเองไปเรื่อยๆ จนสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ คือผมจะทำเป็นอาชีพเสริมเปิดหมวกทุกวันเสาร์ อาทิตย์ ที่ตลาดแถวชลบุรี วันธรรมดาผมก็ช่วยพ่อทำร้านซ่อมรถ ตอนนี้พ่อแม่ก็โอเคแล้ว” หนึ่ง ร่วมสะท้อนอีกมุมหนึ่งของตนเอง

­

เช่นเดียวกับ “กิ่ง-กนกกาญจน์ ครุจิต” วัย 21 ปี ตัวแทนของผู้หญิงที่มาเต้นบีบอยซึ่งถือว่ามีน้อยมาก เมื่อถูกถามว่าพ่อแม่อนุญาตหรือ เธอบอกว่าตอนแรกที่บ้านก็เป็นห่วงเหมือนกัน บ้านอยู่จ.ขอนแก่นเริ่มเต้นมาตั้งแต่อายุ 11 ปี จนตอนนี้เรียนจบที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาขอนแก่นและเพิ่งได้ทำงานเป็นผู้ช่วยกุ๊กให้กับร้านอาหารแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แต่เธอก็ยังพัฒนาการเต้นบีบอยอยู่ จนวันนี้พ่อแม่เห็นโตขนาดมีงานทำแล้วจึงคลายความกังวลลง จึงมีคำถามว่าบีบอยมีดีอะไรทำให้เธอไม่ทิ้งมันไป “สำหรับหนู บีบอยให้ความสนุก ร่างกายแข็งแรง ทำให้เรารู้สึกว่าเรากระตือรือล้นขึ้น มีความอดทน เพราะบีบอยต้องใช้กำลังเยอะ ได้เพิ่มกล้ามเนื้อ บีบอยเหมือนครอบครัวที่สองที่ทุกคนรู้จักกันหมดและคอยดูแลกัน”


­

มาถึงหนูน้อยพริกขี้หนูวัย 13 ปี น้องโอ๊ต หรือ นายสุชาติ คำเทศ ที่ปีนี้เห็นพัฒนาการด้านอารมณ์และนิสัยอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเจอหน้า “โอ๊ต”ยกมือขึ้นไหว้และมีอาการสำรวมต่างจากปีที่แล้วลิบลับ เมื่อถามว่าบีบอยให้อะไร “โอ๊ต” รีบตอนทันควันว่า “บีบอยให้ความแข็งแรงและได้เจอรุ่นพี่ เพื่อนที่ดี” โอ๊ตบอกว่าพี่ๆ จะสอนเรื่องการเต้น และสอนเรื่องมารยาท เช่นการไหว้ให้มีสัมมาคารวะและตอนนี้ตัวเองก็กลับไปเรียนแล้วโดยตั้งใจเรียนให้จบที่กศน.หนองแขม “ถ้าไม่มีบีบอย ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรเหมือนกัน” โอ๊ตบอกทิ้งท้ายให้คิด เยาวชนทุกคนที่รักการเต้น ได้พูดตรงกันว่า “บีบอย” ได้ให้สิ่งที่ดีกับชีวิตตนเอง ทั้งด้านร่างกายที่แข็งแรง ทั้งด้านจิตใจที่สร้างความมีวินัย ความอดทน

และวันนี้ เยาวชนเหล่านี้จะขอเป็นตัวแทนของบีบอยเพื่อให้ผู้ใหญ่ พ่อ แม่ผู้ปกครอง ลองหันกลับมามองบีบอยในแง่มุมใหม่ โดยใช้กิจกรรม “บีบอย” เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สนับสนุนให้เยาวชนหันมาใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และมีค่าใช้จ่ายไม่สูงอีกด้วย “อยากให้ผู้ใหญ่เห็นว่าบีบอยเป็นกีฬาชนิดหนึ่ง อยากให้ช่วยสนับสนุน ไม่อยากให้มองว่าเป็นแบดบอย ไร้สาระ เต้นข้างถนน เปิดหมวกอะไรแบบนี้”แบงค์ กล่าว “ส่วน “หนึ่ง” ได้ขอฝากไว้ว่า “อยากบอกผู้ใหญ่ว่าบีบอยเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ส่งเสริมเด็กรุ่นใหม่ไปในทางที่ดี ทำให้ร่างกายแข็งแรง อยากให้ผู้ใหญ่มองว่าเป็นกิจกรรมที่ดีอยากได้รับการสนับสนุนครับ” สิ่งที่จะพิสูจน์ว่า “บีบอย” ควรค่าแก่การส่งเสริมสนับสนุนหรือไม่นั้น ต้องเข้าไปสัมผัสเท่านั้นถึงจะรู้ เมื่อหลายฝ่ายกำลังหากิจกรรมที่สร้างวินัย ความอดทนให้กับเด็กๆ กิจกรรมเต้นบีบอยน่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ควรรับไว้พิจารณา.

#บีบอย