โรงเรียนหมู่บ้านเด็ก...ชุมชนเล็กๆ ที่เปี่ยมสุข

...การสร้างพ่อแม่รุ่นใหม่ที่ดี และผู้ใหญ่ที่มีความสุขอย่างยั่งยืน โดยไม่ยืดติดกับเงินทอง และไม่ไหลไปตามกระแสทุนนิยม... ถือเป็นเป้าหมายสูงสุดที่โรงเรียนหมู่บ้านเด็กตั้งไว้ และเป็นสิ่งที่ แม่แอ๊ว คุณรัชนี ธงไชย ครูใหญ่โรงเรียนหมู่บ้านเด็ก คาดหวังให้เด็กทุกคนที่จบจากโรงเรียนแห่งนี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีต่อไปในอนาคต

­

โรงเรียนหมู่บ้านเด็กเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ.2522 ภายใต้การสนับสนุนจากมูลนิธิเด็ก โดยมุ่งหวังเพื่อจัดการศึกษาที่ทำให้เด็กได้เรียนรู้ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข หมู่บ้านเด็กจึงกลายเป็นทั้งโรงเรียนและบ้านสำหรับเด็ก ซึ่งเด็กที่ได้เข้ามาอยู่ในหมู่บ้านเด็กแห่งนี้ ส่วนใหญ่เป็นเด็กที่มีบาดแผลทั้งทางร่างกายและจิตใจ เด็กบางคนถูกทำร้ายจากพ่อแม่และครอบครัว ทั้งถูกทารุณกรรมร่างกาย ทำร้ายจิตใจจากการทอดทิ้ง หรือถูกไล่ออกจากบ้าน เป็นเด็กเร่ร่อน รวมทั้งพ่อแม่มีฐานะยากจนและไม่สามารถเลี้ยงดูเด็กต่อไปได้

­

อิสระในการเรียนรู้ คือปรัชญาการเรียนที่หมู่บ้านเด็ก

­

เนื่องจากหลักสูตรการศึกษาของไทยในปัจจุบันที่ใช้แนวคิดแบบวัฒนธรรมเมืองเป็นตัวตั้ง การเรียนโดยใช้หลักสูตรการศึกษาแบบที่เป็นอยู่จึงไม่สอดคล้องกับกฎธรรมชาติ และไม่สอดคล้องกับวิถีการดำเนินชีวิตในสังคมไทยได้อย่างแท้จริง โรงเรียนหมู่บ้านเด็กจึงได้พยายามหาแนวคิดการศึกษาที่หลากหลายและมีความยืดหยุ่น จึงได้นำปรัชญาการศึกษาแบบซัมเมอร์ฮิล (Summerhill) มาใช้ โดยเน้นการให้อิสระในการเรียนรู้ และให้เด็กมีโอกาสตัดสินใจด้วยตนเอง โดยโรงเรียนจัดสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการเรียนอยู่ตลอดเวลา

­

แม่แอ๊ว หรือครูใหญ่ของโรงเรียนหมู่บ้านเด็ก เล่าว่า ห้องเรียนถือเป็นกิจกรรมหนึ่งของการเรียนในโรงเรียนหมู่บ้านเด็ก โดยเด็กจะมีอิสระในการเลือกว่าจะเข้าห้องเรียนหรือไม่ ดังนั้นเราจึงต้องให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมอื่นๆในโรงเรียนพอๆ กับห้องเรียน เช่น ห้องสมุด ห้องกิจกรรมเสริมทักษาอาชีพ แปลงเกษตรปลอดสาร สภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ วิถีชีวิตภายในบ้าน เป็นต้น ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดในการสร้างการเรียนรู้ให้เด็กคือ การเล่น เพราะการเล่นจะทำให้เด็กได้เรียนรู้สิ่งที่อยู่รอบตัวหลายๆ อย่าง โดยครูจะทำหน้าที่เชื่อมโยงสิ่งที่เด็กเล่นไปสู่การค้นคว้าหาความรู้ เป็นความรู้นอกห้องเรียนที่เด็กสามารถซึมซับได้อย่างลึกซึ้ง และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับความรู้ในส่วนต่างๆได้ง่าย ตัวอย่างเช่น การเล่นลูกเต๊าะ ที่เด็กจะใช้ดินตากแห้งมาดีดแข่งกันไม่ให้ดินแตก การเล่นนี้จะทำให้เด็กได้รู้จักดินชนิดต่างๆ ทั้งดินปนทราย ดินปนกรวด ดินปนสารอินทรีย์ ดินเหนียว โดยมีครูคอยตั้งคำถามและให้คำชี้แนะ การที่เด็กได้ทดลองใช้ดินชนิดต่างๆ ในการทำลูกเต๊าะ ทำให้เด็กได้รู้จักคุณลักษณะที่แตกต่างกันของดิน และรู้จักการนำดินมาผสมกันเพื่อเติมคุณสมบัติของดิน จนในที่สุดเด็กก็ได้เรียนรู้ว่าการนำดินมาผสมกับปูนซีเมนต์จะทำให้ดินมีความแข็งแรงมากที่สุด และดินชนิดนี้เหมาะสำหรับนำมาใช้สร้างบ้าน และที่อยู่อาศัย

­

นอกจากความรู้จากการเล่น ซึ่งเป็นความรู้ที่เด็กอยากเรียนรู้แล้ว โรงเรียนหมู่บ้านเด็กยังมีการสอนความรู้ที่เด็กควรรู้ด้วย โดยจัดให้มีการเรียนตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ 30 % ซึ่งครูจะเป็นผู้ประยุกต์ใช้วิถีชีวิตเข้ามาแทรกในเนื้อหา ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญคือให้เด็กสามารถอ่านออก เขียนได้ นอกจากนี้โรงเรียนยังมีกิจกรรมเสริมทักษะอาชีพด้วย โดยเน้นไปที่กิจกรรมศิลปะ อาทิ การทำผ้าบาติก การทำเซรามิก รวมไปถึงกิจกรรมอาหาร การทำเกษตรปลอดสาร การทำเฟอร์นิเจอร์ คอมพิวเตอร์ ซึ่งเด็กสามารถทำกิจกรรมได้ทุกชนิด และสามารถเปลี่ยนกิจกรรมได้ทุก 3 เดือน หากพบว่าไม่ชอบกิจกรรมนั้นๆ

­

จากบรรยากาศการเรียนแบบให้โอกาสในการตัดสินใจเช่นนี้ ทำให้พบว่าอิสระในการเรียนเป็นการสร้างฉันทะในการเรียนให้กับเด็กได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อใดก็ตามที่เด็กเกิดความสนใจการเรียนด้วยตัวเอง และมีเป้าหมายที่ตัวเองกำหนดไว้ เด็กก็จะมีความตั้งใจทำในสิ่งนั้นๆ และจะทำด้วยความมุมานะจนประสบความสำเร็จได้ในที่สุด

­

สภาโรงเรียน ห้องเรียนของการอยู่ร่วมกันในชุมชน

­

บ้าน และ ชุมชน เป็นอีกสถานะหนึ่งของโรงเรียนหมู่บ้านเด็ก การแบ่งเด็กให้อยู่กันเป็นบ้าน หลังละ 8-10 คน และมีครูประจำบ้านทำหน้าที่เสมือนพ่อหรือแม่ ถือเป็นการจำลองชุมชนเล็กๆ ให้เด็กได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกันภายในชุมชน เพราะเด็กที่โรงเรียนหมู่บ้านเด็กแห่งนี้แต่ละคนมาจากครอบครัวและชุมชนที่ไม่สมบูรณ์ การบ่มเพาะให้เด็กกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ดีของสังคมในภายภาคหน้าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้เด็กรู้จักสิทธิ หน้าที่ของตนเอง และรู้จักความเสมอภาคในสังคม ด้วยเหตุนี้ โรงเรียนหมู่บ้านเด็กจัดให้มี “สภาโรงเรียน” เพื่อให้เด็กเรียนรู้กฎเกณฑ์การอยู่รวมกันในสังคม และรู้จักประชาธิปไตย

­

“สภาโรงเรียน เรียกได้ว่าเป็นห้องเรียนห้องใหญ่ของเด็กในโรงเรียนหมู่บ้านเด็ก ที่นี่เด็กและครูจะมีความเสมอภาคกัน คะแนนเสียงและความคิดเห็นของเด็กจะมีค่าเท่ากับผู้ใหญ่ ปัญหาต่างๆ ในชุมชนจะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยกันในสภา โดยในการประชุมสภาแต่ละครั้งผู้ที่มีบทบาทสำคัญคือประธานสภา ผู้ช่วยประธาน และคณะลูกขุน เลขานุการ ซึ่งจะทำหน้าที่ดูแลการละเมิดกฎหมายของชุมชนที่ผ่านการโหวตของสภาโรงเรียน ผู้ที่กระทำผิดจะถูกสอบสวนและกำหนดการลงโทษ สภาโรงเรียนจึงเป็นกลไกสำคัญในการแก้ปัญหาของชุมชน อีกทั้งยังเป็นวิธีการบำบัด และฟื้นฟูจิตใจของเด็กด้วย เพราะการที่เด็กมีสิทธิเท่ากับผู้ใหญ่จะทำให้เด็กรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าต่อชุมชน เกิดความภูมิใจในตนเอง และได้เรียนรู้ที่มาของกฎ เด็กจึงเกิดความรู้สึกเคารพกฎจากการตัดสินใจของตนเอง ไม่ใช่เคารพกฎจากการถูกบังคับ ซึ่งการเคารพกฎนี้ไม่ได้แสดงออกเฉพาะตอนที่อยู่ในสภาเท่านั้น แต่การเคารพกฎกติกายังสะท้อนออกมาในการเล่นของเด็กด้วย กล่าวคือในการเล่นแต่ละครั้ง เด็กจะมีการตั้งกติกาก่อนและหากใครไม่ปฏิบัติตามกติกาเพื่อนก็จะไม่เล่นด้วย ซึ่งตรงนี้ถือว่าประสบความสำเร็จที่สามารถทำให้เด็กเคารพกติกาของสังคมได้” แม่แอ๊ว กล่าว

­

แม่พิมพ์...หนึ่งฟันเฟืองแห่งความสำเร็จ

­

รูปแบบการเรียนการสอน และกิจกรรมในโรงเรียนหมู่บ้านเด็กจะเน้นกระบวนการที่ทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้ แต่การปลูกฝังให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีจำเป็นต้องมีแม่แบบที่ดี ดังนั้นครู หรือ แม่ ของเด็กๆ ในโรงเรียนหมู่บ้านเด็กจึงเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการหล่อหลอมเด็ก เพราะเด็กทุกคนมีเซลล์สมองที่เป็นเซลล์กระจกเงา เด็กจะเลียนแบบตัวอย่างที่พวกเขาเห็น หากครูเป็นคนขยัน กระตือรือร้น ความฝันของเด็กๆ ก็จะสะท้อนรับส่วนเหล่านี้ออกมาและยากเป็นเป็นอย่างที่ครูเป็น

­

แม่นี หรือ ครูอรุณีย์ บุญโย แม่พิมพ์ที่ถูกหล่อหลอมมาจากระบบการศึกษาแบบเดิม แต่หลงใหลในเสน่ห์ของธรรมชาติ ชีวิตที่เรียบง่าย และการเรียนรู้นอกระบบ เล่าประสบการณ์การเป็นครูในโรงเรียนหมู่บ้านเด็กมากว่า 19 ปี ว่าการเป็นครูในโรงเรียนแห่งนี้ถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง ครูที่นี่ต้องเรียนรู้ และกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา เพื่อคิดค้นเทคนิคการเรียนการสอนแบบใหม่ที่ทันต่อเหตุการณ์และความสนใจของเด็กๆ เพราะเด็กมีสิทธิที่จะไม่เรียนได้หากสิ่งที่ครูสอนไม่สนุก และไม่น่าสนใจ ซึ่งเทคนิคแบบนี้ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย เราต้องสร้างสรรค์กระบวนการเรียนรู้ขึ้นใหม่ให้เหมาะสมกับบรรยากาศของเด็กที่นี่ โดยใช้ธรรมชาติเป็นสื่อการสอน ครูไม่ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณเพื่อซื้อสื่อการเรียนการสอน ครูสามารถใช้เพียงใบไม้เป็นเครื่องมือในการสอนวิชาต่างๆ ให้แก่เด็ก ตั้งแต่วิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ศิลปะไปจนถึงสิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศวิทยา อีกทั้งหัวข้อในการเรียนรู้แต่ละวิชาจะต้องมาจากสิ่งแวดล้อมที่อยู่ใกล้ตัว และสามารถเชื่อมโยงความรู้ได้ ครูจะไม่สอนสิ่งที่อยู่ไกลตัว เพราะเด็กไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้

­

ความสุขที่ยั่งยืน เป้าหมายสูงสุดของโรงเรียนหมู่บ้านเด็ก

­

การให้ความรู้คู่กับความรัก เป็นกระบวนการสำคัญที่จะนำไปสู่เป้าหมายสูงสุดของโรงเรียน คือ เป็นพ่อแม่ที่ดี ไม่ทำร้ายลูก เป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีอาชีพ มีความสุขกับการใช้ชีวิตในสังคม โดยไม่ไหลไปตามกระแสสังคม เพราะเด็กที่อยู่ในโรงเรียนหมู่บ้านเด็กล้วนเป็นเด็กที่มีปัญหาหลากหลายรูปแบบ โรงเรียนจึงมีหน้าที่ขัดเกลาให้เด็กได้เติบโตด้วยความรัก ความอบอุ่น ซึ่งจะทำให้เด็กมีความสุข ได้รับการพัฒนาด้านจิตใจ และจิตวิญญาณ ซึ่งจะทำให้เด็กเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ และมีความสุขที่ยั่งยืน

­

จนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 29 ปี ที่โรงเรียนหมู่บ้านเด็กได้ให้การศึกษากับเด็กตั้งแต่ระดับอนุบาล จนถึงประถมศึกษา และให้การดูแลจนถึงอายุ 18 ปี โดยโรงเรียนรับเด็กเข้าเรียนมาแล้วกว่า 500 คน และออกไปใช้ชีวิตในสังคมภายนอกแล้ว 115 คน ซึ่งเด็กส่วนใหญ่ที่ออกไปจะมีอาชีพที่ดี และมีครอบครัวที่อบอุ่น ถือเป็นการบรรลุเป้าหมายที่ครูใหญ่ของโรงเรียนได้ตั้งไว้

­

สำหรับก้าวต่อไปของโรงเรียนคือการต่อยอดการศึกษาให้มีหลักสูตรครอบคลุมจนถึงระดับมัธยมศึกษา เพื่อให้เด็กๆ ได้มีอิสระในการเรียนตั้งแต่อนุบาลจนถึงอุดมศึกษา โดยเป้าหมายของโรงเรียนยังคงตังเป้าไว้ที่ “การสร้างผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ และมีความสุข”

­