นางสาวอารียา ระดาฤทธิ์
นักเรียน โรงเรียนสายน้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ กรุงเทพฯ
ตำแหน่งที่ได้รับในโครงการต่างๆ
ประวัติและผลงาน

การบ่มเพาะจากที่บ้าน
บ้านอยู่ พระโขนง พ่อกับแม่มีธุรกิจเล็กๆ (มีบ้านและห้องพักให้เช่า??)  ตอนแรกๆมินอยู่กับยายที่ต่างจังหวัดจนอายุ 15 ปี นานๆทีพ่อแม่จะไปหา ตอนที่ยายป่วยก็ได้ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลก็ไปเดินดูแผนกเด็กด้วยตั้งแต่ก่อน มาทำกิจกรรมจิตอาสา 



แรง บันดาลใจในการทำกิจกรรมจิตอาสา ส่วนหนึ่งมาจากชีวิตและจากที่เห็นในชีวิตประจำวัน เช่น ครอบครัวหนึ่งมียายแก่ๆนั่งรถเข็นเก่าๆมากที่เห็นเกือบทุก หรือมีครอบครัวที่แม่กับลูกคุ้ยหาขยะขาย แม่ของมินก็จะให้อาหารช่วยเหลือแบ่งปันกัน และบอกเสมอว่าเวลาทำทานเราก็ทำตามฐานะที่มี



แม่ เป็นผู้นำครอบครัว และเป็นผู้นำในการให้ความช่วยเหลือคนอื่น เมื่อเจอขอทานขาขาด แม่ก็จะถามว่าเป็นอย่างนี้มาก่อนหรือเปล่า มีลูกมีเมียอย่างนี้ไหม ทำให้ทราบว่าเขาเป็นทหารมาก่อนและโดนระเบิดขาขาด แต่ก็สามารถส่งลูกให้เรียนถึงปริญญาตรีได้ เวลาหนาวก็อยากบริจาคเสื้อกันหนาวที่ดอย ถ้าแม่มีเงินก็จะซื้ออย่างหนาๆ ไปให้ ไม่ใช่แบบบางๆที่หน่วยงานต่างๆทำเพื่อภาพพจน์ของตัวเอง เวลาลูกจะไปทำสิ่งดีๆให้ผู้อื่นแม่ก็จึงให้ไป



ที่ บ้านสอนเสมอว่าถ้าเราอยู่ในฐานะที่ดีกว่า ก็ต้องคำนึงคนที่ด้อยกว่า บ้านเรามีพออยู่พอกินเราต้องสงสารคนที่เขาไม่ได้มีเหมือนเรา  ที่บ้านเป็นแรงบันดาลใจในการทำกิจกรรมจิตอาสาและสนับสนุนให้ช่วยเหลือคน อื่น  แม่เป็นคนรับอุปการะหลานๆ  เพราะลุงไม่มีเวลามาให้ลูก นอกจากนี้ก็ยังช่วยเหลือ บริจาค ให้ทานเป็นประจำ (แม่ชวนไปบริจาคสิ่งของที่โรงเรียนและวัดที่ต่างจังหวัดบ่อย)



แม้ เวลากินข้าวก็จะสอนว่าต้องพยายามกินหมดไม่ให้เหลือ นึกถึงคนที่เขาไม่มีกิน  ส่วนกิจกรรมของครอบครัว เช่น วันเกิดของคุณแม่ ก็ได้ชวนกันไปเลี้ยงข้าวเด็กกำพร้า (แทนที่จะเลี้ยงสังสรรค์กันเอง)




ประสบการณ์และความประทับใจ
มิน บอกว่าจิตอาสาทำให้เราคิดได้ว่าถึงแม้ตัวเองไม่มีน้อง ก็สามารถดูแลเอาใจใส่ห่วงใยน้องคนอื่นๆได้ สิ่งที่เราทำเล็กๆน้อยๆ จะส่งผลเป็นยารักษาอย่างหนึ่งให้น้องคลายเครียดไม่อยากให้น้องจมปลักกับความเจ็บป่วย พ่อแม่อาจไม่ค่อยมีเวลาเอาใจใส่  เราได้ช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อแม่เขา เหมือนเราเป็นตัวช่วย แม้จะเล็กๆ แต่ก็สำคัญ  ตอนแรกพ่อแม่ก็เป็นห่วงลูกเขา  เพราะลูกที่ป่วยไม่แข็งแรงเท่าไร แต่เมื่อเห็นเราเข้ากับลูกเขาได้ก็สบายใจ มินบอกว่า เด็กจะเข้ากันๆได้ง่ายกว่าผิดกับผู้ใหญ่ที่คิดเป็นวิชาการ พูดคุยเหมือนเป็นคำสั่ง จึงเข้ากับเด็กได้ยากกว่า  




อะไรที่ได้เรียนรู้มากขึ้น
มิน ก็เช่นกัน ช่วยเสริมว่า การเข้ากับเด็กได้ดีมีผลต่อการเข้าสังคมภายนอกที่ไม่ใช่ญาติของเรา  เขา เป็นเพื่อนมนุษย์เช่นเดียวกันต้องรู้จักสร้างความสัมพันธ์กัน การที่เราไปเราก็เป็นกำลังใจให้เขาอยู่ต่อไป ให้เขารู้ว่าเราเป็นอีกคนที่เป็นกำลังใจอยู่ห่างๆ ให้เขาก้าวไปข้างหน้า  ไม่ท้อแท้




ตัวเองเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
มิน สะท้อนการเรียนรู้ชีวิตจากการได้เล่านิทานที่โรงพยาบาลให้น้องๆฟังว่า ส่วนมากจะเอานิทานการผจญภัยตามธรรมชาติมาเล่าให้น้องฟัง แต่ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนพูดมากชอบสาธยาย บางครั้งก็จะเล่าประสบการณ์ชีวิตและครอบครัวตัวเองให้น้องฟังด้วยว่า ชีวิตเป็นมาอย่างไร เวลาน้อง ๆ ถามว่าพี่ชื่ออะไร มาจากไหน ครอบครัวเป็นอย่างไร เป็นลูกคนที่เท่าไหร่  พอบอกว่าเป็นลูกคนเดียว  น้องก็บอกว่าดีจังไม่ต้องคอยแย่งกับพี่น้อง  ก็คุยกับน้องว่าเป็นลูกคนเดียวบางทีก็เหงาไม่มีเพื่อน น้องบอกว่าดีจังพ่อแม่คงซื้ออะไรให้ทุกอย่าง ตัวเองอยากได้อะไรต้องแลกกับการเรียน ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนจึงจะได้สิ่งนั้นมา อยากเป็นลูกคนเดียวแบบนั้นบ้าง



การ ได้พบกับสังคมและโลกภายนอกเช่นนี้ มินจึงคิดเปรียบเทียบกับตัวเองว่า ถ้ามีพี่น้องอาจได้ความรักไม่เท่ากัน  ตัวเองไม่มีน้องจึงรู้สึกว่าเขาเป็นน้องของเราคนหนึ่ง  เวลาคุยกับเขาก็สบายใจ  เปรียบเทียบกับตัวเองว่ามียายอยู่  ตอนแรกก็เกลียดพ่อแม่ว่าไม่ยอมมาหา  ตอนหลังก็ขอโทษที่ไม่เข้าใจ การที่เข้ากับน้องโรงพยาบาลได้ดี เพราะตัวเองไม่ได้รับความอบอุ่นโดยตรงจากพ่อแม่ในตอนแรก (ที่อยู่กับยาย) เช่นเดียวกัน ครั้งหนึ่งเคยร้องไห้เพราะเด็กคนหนึ่งเตรียมวาดภาพให้พ่อในวันพ่อแต่พ่อก็ ไม่มา  มินทิ้งท้ายว่าการทำกิจกรรมทำให้ตนเองรู้โลกกว้างมากขึ้นและรู้จักปรับตัว จากเดิมที่เป็นคนปรับตัวยาก เข้ากับคนอื่นยาก เป็นตัวของตัวเองไม่ตามใคร 




จิตอาสากับวัยรุ่น
มิน เห็นว่าวัยรุ่นเป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ชอบผจญภัยอยากลองโน่นลองนี่ ก็อยากให้มาลองทำสิ่งดีๆเหล่านี้ดู  ถ้าวัยรุ่นคิดได้แทนที่จะไปแข่งรถ แต่งรถ แล้วเอาไปซิ่ง มาเป็นอาสากู้ชีพหรือช่วยเก็บศพ ก็คงดีเรื่องจิตอาสาก็น่าสนใจสำหรับวัยรุ่นส่วนใหญ่ที่เป็นคนพอมีพอกิน เพราะพ่อแม่จะสอนว่าให้ช่วยเหลือคนอื่นอย่าง เช่นที่เรียนโรงเรียนเก่า มินเคยไปทำกิจกรรมตามหมู่บ้านที่ต่างจังหวัดในวันคริสมาส ทำให้เรียนรู้ว่าทุกศาสนาต่างสอนคนเป็นคนดีช่วยเหลือกัน ส่วนที่ไปแข่งรถคิดว่าเป็นคนรวยอาจจะไม่ค่อยสนใจเรื่องเหล่านี้