อาจารย์ประไพ จริตเอก
อาจารย์ที่ปรึกษาชุมนุมเด็กสาธิตกับจิตอาสา โรงเรียนสายน้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ
ตำแหน่งที่ได้รับในโครงการต่างๆ
ประวัติและผลงาน

ศิษย์ดี เพราะมีครูเป็นแบบอย่าง
อ.ประไพ จริตเอก โรงเรียนสายน้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ



เรา ได้มีโอกาสไปพูดคุยกับน้องๆโรงเรียนสายน้ำผึ้งในพระอุปถัมภ์ฯ 2 กลุ่มคือ น้องม.4 และรุ่นพี่ม.5 ซึ่งเข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสาในโรงพยาบาลเหมือนกัน การพูดคุยครั้งนี้ ครูพี่เลี้ยง (ครูที่ปรึกษา) ได้มาส่งนักเรียนและพูดคุยกับเราด้วยว่า “จิตอาสา ทำให้นักเรียนเปลี่ยนไปอย่างไร”



อาจารย์ ประไพบอกว่าจิตอาสาในตัวนักเรียนสายน้ำผึ้ง อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว  ผลอันหนึ่งมาจากตัวพี่ๆ ที่ทำมาก่อนได้กระตุ้นให้น้องๆมาทำกิจกรรมต่อ  จิตอาสาในโรงพยาบาลแตกต่างจากจิตอาสาแบบเดิมที่มักจะทำกิจกรรมพัฒนาชนบท เช่น  ทาสีโรงเรียน ซึ่งบางครั้งก็ไม่ทำให้เกิดความตระหนักและเห็นความสำคัญ ดีไม่ดีเด็กอาจจะเกิดทัศนคติต่อชนบทว่าด้อยพัฒนา (ดูถูกชนบท) อีกด้วย แต่สำหรับอาจารย์ประไพความหมายของจิตอาสาคือผู้ให้ การให้ก็มีหลายระดับ ให้อะไรก็ได้ที่เป็นประโยชน์และทำให้เกิดความภูมิใจ



สิ่ง ที่ภูมิใจเมื่อได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวน้องๆ คือพวกเขารู้จักการให้มากขึ้น จากการปลูกฝังและพาไปทำกิจกรรมนอกโรงเรียนบ่อยๆ แม้ตัวนักเรียนอาจจะไม่ซาบซึ้งมากนัก แต่ก็ได้สร้างนิสัยที่ดี จบไปแล้วไม่ได้เหลวไหลไปเที่ยวห้าง (หรือสนุกสนานทำเพื่อตัวเองอย่างเดียว) ทั้งนี้เพราะกิจกรรมจิตอาสา เป็นการเปิดโอกาสได้นักเรียนทำอะไรเพื่อสังคม ไม่ใช่เรียน  แล้วก็ไม่ได้โยงเข้ามาในชีวิตประจำวันของตัวเอง จิตอาสายังทำให้นักเรียนย้อนกลับมาคิดถึงครอบครัวว่าตัวเองได้ทำอะไรให้ที่ บ้านบ้าง (หลังจากได้ลองทำเพื่อคนอื่นแล้ว) เป็นการปลูกฝังความดีที่ไม่ต้องชี้แจง ไม่ต้องสั่งสอน เพราะนักเรียนจะสัมผัสสิ่งที่ครูพูดได้ว่ามันออกมาจากใจ



ความ เปลี่ยนแปลงในตัวนักเรียนอีกอย่างที่ครูสังเกตได้ในแต่ละคนคือ เห็นสายตาที่มีประกายว่าอยากจะช่วยเหลือ มีความกระตือรือร้นที่จะทำเพื่อคนอื่น ส่วนในภาพรวมพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของนักเรียนในชมรมคือ ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมมากขึ้นกว่าเดิมมาก



พูด ถึงจิตอาสาของชาวสายน้ำผึ้ง อาจารย์มีความเห็นว่า ตอนนี้มีเป้าหมายเพียงแค่ชุมนุมเดียวก่อน เพราะถ้าใหญ่เกินไปจะเกินตัว กิจกรรมที่ดำเนินการผ่านมาแล้วจะเป็นที่โรงพยาบาล แต่ต่อไปอยากให้เด็กๆได้ลงไปสัมผัสชุมชน เช่น คลองเตย เพราะปัจจุบันนักเรียน เหล่านี้ขาดทักษะในการเข้าหาคนอื่น (ที่ผ่านมาได้ฝึกทักษะการเข้าหาเด็กเล็กด้วยการเล่น เช่น  การบีบลูกโป่ง ซึ่งเป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยงให้เด็กเข้าหา)



เมื่อ พูดถึงบทบาทการเป็นที่ปรึกษา อาจารย์ประไพมองว่าตัวครูเองก็มีจุดอ่อนที่ยังไม่ยอมปล่อยเด็ก เพราะห่วงกังวลเรื่องอุบัติเหตุ ทั้งที่นักเรียนมีความคิดที่จะทำกิจกรรมโน่นนี่มากมาย เช่น เข้าไปแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาท โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนชั้นม.5 ที่ใจกว้างขึ้น มองโลกกว้างขึ้น มีความสามารถทำกิจกรรมได้มาก มีความเป็นผู้ให้มากขึ้น แต่ก็มีปัญหาคือไม่มีเวลาทำกิจกรรม  ส่วนกลุ่มน้องม.4 นั้น ก็ยังบินเดี่ยวไม่ได้



ใน การกระตุ้นเรื่องจิตอาสา นักเรียนอาจเห็นเพื่อนบางคนก็เรียนสบายๆ ไม่ต้องทำกิจกรรมอะไรมาก จึงอยากให้มีการประชาสัมพันธ์ สร้างกระแสจิตอาสาของเยาวชน นำเรื่องราวดีๆของเด็กเหล่านี้ลงหนังสือพิมพ์สักครั้ง เพราะคิดว่าสื่อมีความสำคัญทำให้เกิดการยอมรับ แต่ผลงานจิตอาสาของนักเรียนยังไม่เป็นที่พอใจ อาจารย์ประไพอยากให้มีผลงานมากกว่านี้อีกหน่อย



สิ่ง ที่คาดหวังในอนาคตคือ นักเรียนกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มแกนนำหลัก เป็นแนวทางให้แก่นักเรียนรุ่นอื่น และมีนักเรียนหลายคนเป็นเด็กในชุมชน หากพวกเขามีทักษะการเล่น การนำเกมส์ การเล่านิทาน ฯลฯ ก็จะเป็นประโยชน์ในการทำกิจกรรมเพื่อชุมชน  กิจกรรมต่อไป อยากให้นักเรียนได้สัมผัสกับกลุ่มเด็กด้อยโอกาสที่ศูนย์เมอร์ซี่



ส่วน คำแนะนำสำหรับโครงการจิตอาสาในโรงพยาบาลนั้น อาจารย์ประไพบอกว่า แม้ตัวเองรู้สึกดีใจที่เด็กได้ไปโรงพยาบาลสักครั้งแล้วสามารถไปด้วยตัวเองใน ครั้งต่อไปได้ แต่ก็ต้องการให้ดูแลเรื่องการเดินทาง (เพราะเห็นห่วงนักเรียน)